ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1658 ความเกลียดชัง
บทที่ 1658 ความเกลียดชัง
“เสี่ยวหวาน เจ้าพูดอะไร” ครั้นได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานก็พูดอย่างโมโหว่า “ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เจ้า ร้านจิ่นฝูจะยังสามารถเปิดกิจการได้อีกครั้งหรือ มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่ ซ้ำอยู่ในการปกครองของฮ่องเต้ นับเป็นโชคอย่างยิ่งที่ฮ่องเต้ไม่ถือโทษโกรธเคือง ยังพระราชทานป้ายเกียรติคุณให้แก่ร้านจิ่นฝูเป็นการส่วนพระองค์ เห็นได้ชัดว่า ต่อไปจะไม่มีใครกล้าที่จะทำเรื่องสกปรกกับร้านจิ่นฝูของเรา”
กู้เสี่ยวหวานฟังจบก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว แม้ว่าโหยวฝ่างฉินจะตายแล้ว แต่การตายของเขาครั้งนี้ไม่ผิด สี่คนนั้นถูกเขาฆ่า และเขาก็ได้รับผลกรรมแล้ว แต่ทำไมเขาต้องเลือกร้านจิ่นฝู ต่อไปพวกเราต้องระวังให้มากขึ้น”
หลี่ฝานพยักหน้า “ใช่ อาจเป็นเพราะพวกเขาอิจฉาร้านจิ่นฝู”
ตอนนี้ในร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ หลังจากเฝ้าดูความเฟื่องฟูของกิจการมาระยะหนึ่ง ร้านก็กลับมาเงียบเหงาอีกครั้ง แม้แต่เด็กรับใช้และคนทำบัญชีก็อ่อนแอ ซูหลินพูดด้วยความโกรธเคือง “ให้ตายเถอะ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว ยังปล่อยให้หญิงสาวคนนั้นหนีไปอีกยังฉกฉวยป้ายเกียรติคุณที่ฮ่องเต้มอบให้ไปด้วย รังแกกันเกินไปแล้ว”
“ท่านพี่ ข้าบอกแล้วว่าหญิงคนนั้นรับมือยาก” เห็นซูหลินเกรี้ยวกราดแบบนั้น ซูหมิ่นก็พูดต่อ “หญิงสาวคนนั้นอาจมาจากชนบท แต่นางมีแผนการมากมาย นางมีฝีมือแทบเท่าเรา ตอนนี้ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งอันผิงจวิ้นจู่และยังคุ้มครองร้านจิ่นฝู หากพวกเราจะลงมือข้าคาดว่าพวกเรายังคงต้องรออีกสักพัก”
ซูหมิ่นเอ่ยด้วยใบหน้าน่าสงสาร ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงส่งคนไปฆ่านางแล้วบอกว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม อย่างไรเสียคนก็ตายไปแล้ว ตายก็คือตาย เรื่องทุกอย่างก็สิ้นสุดลง อนาคตจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร
“หากให้ข้าเดา นางคงรู้แล้วว่าเราสมรู้ร่วมคิดกับโหยวฝ่างฉิน มิฉะนั้นคงไม่พบเรือนเล็กนั้น แล้วยังทำปลอมตัวเป็นผีบีบให้เขารับสารภาพ” ซูหมิ่นพูดด้วยความไม่พอใจ แววตาคู่นั้นฉายแววเคร่งขรึม “ข้ายังคิดว่าสามารถไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้ฉลาดเกินไป”
“ตอนนี้นางเป็นอันผิงจวิ้นจู่ และที่นี่ก็คือเมืองหลวง นางมีผู้ติดตามสองคนที่มีทักษะศิลปะการต่อสู้สูง ท่านพี่ ท่านอย่าได้วู่วามเลย” ซูหมิ่นได้ยินว่าซูหลินต้องการฆ่ากู้เสี่ยวหวาน แม้ว่าในใจนางจะรู้สึกมีความสุข แต่ที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลของฮ่องเต้ และก่อนหน้านี้มีคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่เกิดขึ้น ในช่วงเวลานี้การรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงจึงเข้มงวดมาก เพราะฉะนั้นจะทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้
“นางมีผู้ติดตามข้างกายสองคน มันน่าแปลกที่ทักษะของพวกเขาจะดีเช่นนี้ หญิงสาวที่มาจากชนบทจะหาปรมาจารย์ที่เก่งกาจขนาดนั้นได้จากที่ไหน” ซูหลินถามอย่างสงสัย
“ศิลปะการต่อสู้ระดับสูงนั้นเหนือกว่าองครักษ์ส่วนตัวที่เสด็จพี่ฮ่องเต้มอบให้ข้า”
“ข้ายังมีอีกเรื่องที่คิดไม่ออก”
“อะไรหรือ”
“แม่นมไป๋คนนั้นอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ผู้ใดกันเป็นคนตามหานางพบ นางติดหนี้บุญคุณโหยวฝ่างฉิน นางเดินทางมาไกลหลายพันลี้เพื่อตามหาฆาตกรให้ตระกูลโหยว ข่าวนี้แพร่กระจายไปได้อย่างไร”
“ท่านพี่ ท่านไม่คิดว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดงั้นหรือ กู้เสี่ยวหวานคนนั้นดูเหมือนจะมีคนคอยช่วยเหลือนางในสิ่งที่เราคิดไม่ถึง แต่กลับเป็นนางที่คิดสิ่งนี้ออก และนำเราไปหนึ่งก้าว คดีของร้านจิ่นฝูดูเหมือนว่ามีคนหนุนคลื่นลมให้สูง ช่วยนางตามหาฆาตกร”
“หากเจ้าไม่พูด ข้าก็คงคิดไม่ถึง เรื่องที่เจ้าพูดจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน” หลังจากซูหลินฟังตั้งแต่ต้นจนจบก็พยักหน้า “ใครที่อยู่เบื้องหลังคอยช่วยนางอยู่กันแน่”
“เป็นไปได้ไหมว่าถานเย่สิงและถานอวี้ซูมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับนาง”
“เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นชายแก่ตายยากคนนั้น เขายังคงยึดติดอยู่กับคดีเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องของลูกชายและลูกสะใภ้ของเขา” ซูหลินถ่มน้ำลายและพูดว่า “ข้าไม่สนใจว่านางจะได้รับความช่วยเหลือจากใคร แต่ถ้านางกล้าระรานจวนหมิงอ๋องของเรา ข้าจะทำให้นางทนอยู่ที่นี่ไปไม่ได้”
ซูหลินถ่มน้ำลาย ราวกับว่าถูกวิญญาณร้ายจากนรกตามหลอกหลอนด้วยรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก
แสงสียามราตรี กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในรถม้า มองแสงสลัวยามค่ำคืน ความเจริญของเมืองหลวงเปรียบเหมือนผ้าผืนงามเปล่งประกายด้วยความแวววาวเพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังแสงนั้นมีเงาสีดำขนาดใหญ่เหมือนปากของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่กลืนกินทุกสิ่ง เบื้องหลังของสิ่งเหล่านี้ไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้
กู้เสี่ยวหวานมองดูโคมไฟสีแดงทอดยาวสว่างไสวส่องสว่างไปทั่วถนน กู้เสี่ยวหวานเพิ่งรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองไม่สามารถทนแสงที่รุนแรงเช่นนี้ได้ หลังจากดึงม่านลง ก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะชื่นชมความรื่นเริงภายนอกอีกต่อไป
อาจั่วก็อยู่ในรถม้าเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าหมองหม่นของคุณหนูตนเอง จึงรีบปลอบโยน “คุณหนู เรื่องร้านจิ่นฝูได้รับการแก้ไขแล้ว ท่านพักผ่อนได้แล้ว ช่วงนี้ท่านผอมลงมาก”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว “เราทำสิ่งเหล่านั้น เพื่อท่านอาหลี่และพวกเราพยายามสู้เพื่อตามหาฆาตกร สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือแม่นมไป๋ การปรากฏตัวของนางคือกุญแจสำคัญในการหาตัวฆาตกร หากแต่ข้ายังคิดไม่ออก แม่นมไป๋ผู้นี้อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ข่าวการเสียชีวิตของโหยวเฉียนไปถึงหูของนางได้อย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานก็สงสัย
“หรือว่า…” อาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานสงสัย รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นจากนั้นก็พูดอย่างเป็นการเป็นงาน “หรือสวรรค์จะมีตารู้ว่าร้านจิ่นฝูถูกใส่ร้าย จึงลืมตาแจ้งให้แม่นมไป๋ทราบ จากนั้นก็ส่งนางมายังเมืองหลวง”
คำพูดของอาจั่วดูเหลือเชื่อ กู้เสี่ยวหวานหันไปมองอีกฝ่าย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหมือนสวรรค์กำลังช่วยเรา”
……….