ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1659 กลับคืน
บทที่ 1659 กลับคืน
“คุณหนู ข้าคิดว่าในครั้งนี้เป็นเพราะสวรรค์เห็นใจเรา ไม่อย่างนั้นจะไขคดีนี้ได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าคดีได้รับการคลี่คลาย ร้านจิ่นฝูยังสามารถเปิดกิจการได้อีก ทั้งยังได้รับป้ายประกาศเกียรติคุณที่ฮ่องเต้ประทาน นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เกรงว่าในต้าชิงเราจะไม่เป็นสองรองใคร”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ใช่ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง เกรงว่าในใต้หล้าจะมีเพียงร้านเดียว
คืนนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองพูดกับหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกไหล่ของตัวเองหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นขมขื่นอีกครั้ง
“หลังจากที่กลับไป ข้าไปจะไปหาเสี่ยวอี้”
อาจั่วเห็นด้วย หลังจากกลับถึงสวนชิงก็ตามกู้เสี่ยวหวานไปที่ลานบ้านของกู้เสี่ยวอี้
กู้เสี่ยวอี้ยังคงปักผ้าให้ไทเฮาอย่างขะมักขะเม่น ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก่อนถึงวันเกิดไทเฮา และเหลือเพียงส่วนสุดท้ายของของขวัญเท่านั้น
“บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าปักผ้าตอนกลางคืนตอนนี้เจ้ายังเด็กอยู่ หากต่อไปสายตาเสียจะทำอย่างไร
ครั้นเห็นแสงไข่มุกเปล่งแสงแวววาวไปทั้งห้อง กู้เสี่ยวอี้หมกมุ่นอยู่กับการทำงานภายใต้แสงไข่มุกเปล่งแสง ด้านข้างมีตุ๊กตาที่ยังทำไม่เสร็จ
“ท่านพี่ มาแล้ว” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัวก็รีบวางงานในมือและเรียกกู้เสี่ยวหวานนั่งลง “โค่วตัน ช่วยนำรังนกตุ๋นน้ำตาลมาให้ท่านพี่ที”
“ท่านพี่ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ท่านเพิ่งกลับถึงบ้าน เหตุใดถึงไม่รีบกลับไปพักผ่อนล่ะ” กู้เสี่ยวอี้มองดูท่าทางที่เหนื่อยล้าของกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างเป็นห่วง
กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่งานของน้องสาวอย่างไม่สบอารมณ์ “หากข้ากลับไปแล้วจะเห็นหรือว่าเจ้ายังทำงานอยู่”
“ท่านพี่” กู้เสี่ยวอี้รู้ว่าพี่สาวเป็นห่วงตัวเอง จึงรีบออดอ้อนด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำงานตอนกลางคืนแล้ว ดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“สิ่งที่เจ้าพูดฟังดูดี ข้าบอกเจ้าไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ารักสิ่งนี้ แต่เจ้าต้องคิดถึงสุขภาพของตัวเองด้วย ไม่ว่าไข่มุกกลางคืนจะสว่างแค่ไหน แต่การปักงานที่มีความละเอียดมากเช่นนี้ในเวลากลางคืนอาจทำให้สายตาเสียได้ง่าย” กู้เสี่ยวหวานเตือนด้วยสีหน้าเป็นห่วง
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า รีบจับมือกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างออดอ้อน “ข้ารู้ ท่านพี่วางใจเถอะ ต่อไปข้าจะไม่ทำอีก”
“ไม่จริงหรอก” กู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยเชื่อนัก
“ข้าจะไม่ทำแล้วจริง ๆ” กู้เสี่ยวอี้จับมือพี่สาวราวกับจะสาบาน พลางถามอีกครั้ง “ท่านพี่ ดึกขนาดนี้ทำไมท่านยังอยู่ที่นี่อีก เกิดเรื่องอะไรหรือ”
กู้เสี่ยวหวานตักรังนกตุ๋นน้ำตาลหนึ่งช้อนและพูดเบา ๆ “เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในร้านจิ่นฝู ท่านลุงหลี่ต้องทนทุกข์ทรมานมาก ข้านึกถึงร้านหล่านเยว่ ร้านนี้เป็นของเรา เงินทั้งหมดเป็นของเรา แค่ใช้ชื่อท่านลุงจัดการแทนเรา ข้าคิดว่าร้านหล่านเยว่แห่งนี้ควรอยู่ภายใต้ชื่อของเรา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านลุงหลี่”
ตอนนี้ ร้านหล่านเยว่เป็นหนามยอกอกของใครหลายคน ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะทำเรื่องสกปรกอะไรอีก
เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด กู้เสี่ยวอี้ก็พยักหน้า “ท่านพี่ หลังจากวันนี้เราต้องไปดูร้านหล่านเยว่หรือไม่”
“อืม ในเมื่อร้านนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของเราก็ต้องดูแลให้ดี ท่านลุงหลี่ดูแลร้านนั้นมาให้เรานานแล้ว ต่อไปนี้เราควรทำมันด้วยตัวเอง วันนี้ข้ามาหาเจ้าอยากให้เจ้าเตรียมใจไว้เพราะอนาคตเราจะยุ่งมากกว่านี้”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าและพูดอย่างหนักแน่น “ท่านพี่ วางใจเถอะ ข้าจะเรียนรู้ที่จะทำให้ดีอย่างแน่นอน” ครั้นเห็นกู้เสี่ยวอี้มีท่าทางแน่วแน่ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเบาใจไปไม่น้อย
ตอนนี้มีน้องคนนี้อยู่เคียงข้างก็ดีใจแล้ว
ทั้งสองพี่น้องคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็ขอตัวกลับไปที่ห้อง ทั้งยังเอารังนกตุ๋นน้ำตาลกรวดที่เหลือไปอุ่นแล้ววางไว้บนโต๊ะ
คืนนี้ก็ครึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะกลับมาหรือไม่
นึกถึงว่าตัวเองไม่ได้เจอเขามานานแล้ว ในใจกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโหยหา
ช่วงนี้ ตัวเองยุ่งเกินกว่าจะคิดเรื่องเขา ไม่รู้ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง
แม้แต่ไป๋เสวี่ย เนื่องจากไม่ได้บินมานานตอนนี้มันก็อ้วนท้วมขึ้นมาก
ครั้นนึกถึงวันนี้ที่ร้านจิ่นฝูเปิดกิจการใหม่อีกครั้ง ภายในร้านก็เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย ในใจกู้เสี่ยวหวานก็มีความสุข
ตัวเองมีเรื่องมากมายจะบอกเขา ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะมาหรือเปล่า
นางคิดเรื่องนี้แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกง่วงนอนเลย และทำได้เพียงนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ
และในตอนนี้ อาจั่วและอาโม่ที่อยู่นอกบ้านก็มองกันและกันอย่างเป็นกังวล ปลายนิ้วของอาจั่วสั่นเครือ “ทำไมยังไม่มีข่าวออกมาเลย”
“อาโย่วติดตามนายท่านไปทางใต้เพื่อตรวจสอบการค้าขายเกลือ นานขนาดนี้เขาควรกลับมาได้แล้ว” อาโม่มองความมืดในยามราตรีและพูดอย่างเป็นห่วง
“นายท่านลงใต้ เพราะต้องการสืบคดีลักลอบขนเกลืออย่างลับ ๆ และหาตัวผู้ร้ายตัวจริงที่ฆ่าคนทั้งสี่คนนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยุ่งวุ่นวาย กลับมาคราวนี้เกรงว่าเขาคงจะผอมลงไปมาก” อาจั่วพูดอย่างเป็นกังวล
“เจ้ากังวลอะไร” เห็นว่าอาจั่วเป็นกังวล อาโม่จึงพูดติดตลกว่า “อย่าคิดมาก นายท่านเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้เจ้าไม่เห็นคุณหนูนางยกรังนกตุ๋นน้ำตาลมาหนึ่งถ้วยแต่มิได้ดื่ม นางให้เจ้านำไปอุ่นเพราะเกรงว่านายท่านจะกลับมาคืนนี้”
“นายท่านกลับมาหรือ” อาจั่วถามอาโม่ พลางมองไปที่แสงในห้องในใจรู้สึกกังวลอยู่พักหนึ่ง
“เจ้าเข้าไปเกลี้ยกล่อมคุณหนูให้พักผ่อนก่อนถอะ เกรงว่าคืนนี้นายท่านคงยังไม่กลับมา” อาโม่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดอย่างเป็นห่วง “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าร่างกายของคุณหนูจะไม่ไหว ช่วงนี้นางนอนไม่ค่อยหลับ”
“ถ้าข้าเกลี้ยกล่อมสำเร็จจะมายืนอยู่ที่นี่ทำไม คุณหนูก็เหมือนกับนายท่าน สิ่งที่ตัวเองตัดสินใจแล้วผู้อื่นย่อมไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้” อาจั่วถอนหายใจและพูดออกมา
……….