ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1660 คิดว่าความฝัน
บทที่ 1660 คิดว่าความฝัน
อาจั่วและอาโม่อยู่นอกประตู จนกระทั่งความมืดทางหน้าต่างเข้ามาแทนที่ในที่สุด อาจั่วและอาโม่พิงเสาแล้วหลับไปพร้อมกับดาบในอ้อมแขน
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเคาะไม้จากทหารยามเท่านั้น
เสียงฝีเท้าดังก้าวเดินเข้ามาใกล้ เขาก้าวอย่างเร็วและมั่นคง
“นายท่านมาแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าทั้งสองจึงตื่นขึ้นพร้อมกัน แววตาฉายชัดถึงความแปลกใจ
“ใกล้ยามโฉ่วแล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ” อาโม่เงยหน้ามองฟ้าเพื่อคาดเดาเวลา
ในขณะนี้ ร่างสูงหล่อเหลาเดินเข้ามาจากด้านนอก เสื้อคลุมสีดำปลิวไสวไปตามสายลมยามเช้า และฉินเย่จือก็เข้ามาด้วยท่าทางสง่างาม
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว” อาโม่รับเสื้อคลุมของผู้เป็นนายมาถือไว้ ก่อนจะรู้สึกว่าเสื้อคลุมนี้เต็มไปด้วยฝุ่น เขามองสำรวจร่างกายฉินเย่จืออย่างละเอียดก็พบว่าผู้เป็นนายมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางราวกับเพิ่งกลับมาถึง
ดูเหมือนว่านายท่านเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง และตรงมาที่สวนชิงเลยโดยไม่ได้กลับไปที่จวนของตนเอง
เมื่อมองอย่างละเอียดอีกครั้ง เบ้าตาของเขาลึกมาก และดูเหมือนน้ำหนักก็จะลดลงไปมากเช่นกัน
ดูเหมือนว่าการเดินทางลงใต้ครั้งนี้จะทรมานมาก
เขาทั้งคู่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดมันออกมา
ฉินเย่จือยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามออกไปว่า “ช่วงนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องเกิดขึ้นในร้านจิ่นฝู คุณหนูกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากคลี่คลายคดีแล้วนางก็ดีขึ้น เมื่อรู้ว่าวันนี้นายท่านจะกลับมา คุณหนูยังเตรียมรังนกตุ๋นน้ำตาลกรวดให้ท่าน ตอนนี้เกรงว่าจะเย็นแล้ว ให้ข้าอุ่นใหม่หรือไม่” อาจั่วถามเสียงเบา
ฉินเย่จือโบกมือและไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินไปทางห้องกู้เสี่ยวหวาน
อาจั่วและอาโม่มองหน้ากันและกัน และนั่งลงพิงเสาอีกครั้ง ในเมื่อนายท่านไม่พูดอะไร มันก็ถือเป็นคำสั่งให้พวกเขาไม่ต้องทำอะไร เช่นนั้นแล้วก็พักผ่อนเถอะ
ฉินเย่จือผลักประตูเข้าไปเบา ๆ ตนเองไม่ได้เจอแมวน้อยมานานภายในใจของเขาคิดถึงนางมาก
เขาเปิดประตูเบา ๆ ไข่มุกที่เปล่งแสงยามค่ำคืนยังสว่างอยู่ เขามองไปตามแสงไฟ และเห็นว่าที่โต๊ะหนังสือ มีร่างเล็กฟุบหลับอยู่
“น่าตีจริง ๆ” หนาวขนาดนี้นางนอนลงไปได้อย่างไร หากป่วยขึ้นมาแล้วจะทำเช่นไร
ถ้าคืนนี้เขาไม่มา ไม่ใช่นางต้องนอนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนหรือ
ฉินเย่จือทั้งโกรธทั้งกังวล เขาก้าวไปข้างหน้าและช้อนตัวนางขึ้นแผ่วเบา ไม่กล้าออกแรงมากเกินไปเพราะกลัวจะทำให้นางตื่นขึ้น
คนที่เขาคิดถึงทั้งวันทั้งคืน ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนเขาเหมือนดั่งลูกแมว ฉินเย่จือไม่อยากปล่อยมือไปจากนางเลย
เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นจากร่างกายนาง ฉินเย่จือไม่มีวิธีอื่นนอกจากวางนางบนเตียงเพราะกลัวว่านางจะหนาวเกินไป ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่เตียงวางเท้าเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายไว้ในฝ่ามือ ใช้อุณหภูมิบนฝ่ามือทำให้เท้าของนางอุ่นขึ้น
เท้าของนางเย็นมาก คิ้วของฉินเย่จือขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่นั้นลังเลที่จะขยับหนี
การลงใต้ครานี้เขาไม่ไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยนางอยู่ที่นี่คนเดียว และยังต้องคอยกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบคดีอื่น ๆ อย่างแน่นอน
โชคดีที่เขาจัดการทั้งสองเรื่องได้
แค่เขาไม่ได้อยู่เคียงข้างคอยปลอบใจและให้กำลังใจนาง นางอยู่ที่นี่คนเดียวคงเหนื่อยมาก เมื่อมองไปที่ใบหน้าเล็กของนางอีกครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนจะเล็กลงไปอีกแล้วฉินเย่จือรู้สึกยิ่งปวดใจมากขึ้น
ครั้งสุดท้ายที่เห็นนางคือที่หน้าประตูตำหนักหย่างซิน
นางมองไปที่คนในชุดองครักษ์อย่างหมกมุ่น แม้แต่ขันทีฉีเรียกอยู่ด้านข้างนางถึงสามครั้งนางก็ไม่ได้ยิน
ฉินเย่จือนึกถึงท่าทางของนางในตอนนั้น ในใจทั้งโกรธและก็เอ็นดูอีกฝ่าย
โกรธที่สาวน้อยคนนี้มองชายอื่นอย่างหมกมุ่น เขารู้ตัวเองว่ากำลังหึงนางอย่างไร้เหตุผล
องครักษ์เหล่านั้นมีอาวุธครบมือ มีหมวกและชุดเกราะปิดครึ่งหน้า นางจะมองเห็นใบหน้าคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนได้อย่างไร
แต่นางกลับตั้งใจมองเป็นอย่างมาก และเดาได้ว่าในตอนนั้นนางกำลังมองหาตัวเองอยู่ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินเย่จือก็รู้สึกมีความสุขไปทั้งหัวใจ
หลังจากการทำงานหนักและลำบากมาทั้งวัน ในตอนนี้เท้าหยกชิ้นเล็ก ๆ ก็ถูกกุมไว้ในฝ่ามือ และสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือนั้น ด้วยใจที่ถูกหลอมละลาย
“แมวน้อยของข้า ผอมลงอีกแล้ว” ฉินเย่จือกระซิบด้วยเสียงที่เป็นกังวลก่อนจะถอนหายใจออกมา
เขากระซิบและมองดูคนบนเตียงลืมตาตื่นขึ้น ทางช้างเผือกที่สว่างไสวดูเหมือนจะมีแสงส่องลงมา นางกระพริบตาและยังไม่ทันตื่นเต็มตา หญิงสาวกระพริบตาอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่าเท้าที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
“เจ้ามาแล้ว” นางลืมตาขึ้น มองคนตรงหน้าแล้วกระซิบเบา ๆ
“อืม ข้ามาแล้ว” เขาตอบแววตาที่ดูเหมือนจะมีสายลมอันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิจากทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงที่พัดผ่านไป
นางหัวเราะเบา ๆ แต่กลับยังหลับตาอยู่และเอ่ยพึมพำออกมา “ทำไมเจ้าเข้ามาในความฝันของข้าล่ะ แต่ก็ยังดีที่ได้พบเจ้าในความฝัน”
หลังจากที่นางพูดจบก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งจริง ๆ และคิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงความฝัน
ฉินเย่จือมองนางโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ เขาทำเพียงแค่มองนางต่อไปอย่างนั้น
ความอ่อนโยนในก้นบึ้งของหัวใจ ถูกทิ่มแทงด้วยคำพูดของนางเมื่อครู่
นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้เจอเขา
ฉินเย่จือขมวดคิ้ว นึกถึงตัวเองที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา นางต้องเสียใจมากแน่
เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เขาเองกลับไม่ได้แบ่งปันความกังวลและให้คำแนะนำกับนางเลย เขาไม่ได้อยู่ปลอบใจนางอยู่เคียงข้างนาง ในใจของนางคงจะโกรธเขามากแน่นอน
ฉินเย่จือรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เขานอนลงบนเตียงแต่ไม่กล้าห่มผ้าของกู้เสี่ยวหวาน ชายหนุ่มนอนลงบนผ้าห่ม ยื่นแขนออกไปกอดกู้เสี่ยวหวานและกระซิบข้างหูนางว่า “หวานเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ต่อไปข้าจะอยู่กับเจ้าตลอด จะไม่ห่างจากเจ้าเลยดีหรือไม่”
“ดี”
คนตัวเล็กพึมพำอยู่ด้านข้าง แต่กลับยังไม่ลืมตาและส่งเสียงกรนแผ่วเบาออกมา
ฉินเย่จือโอบกอดคนในอ้อมแขนเอาไว้ แต่เขากลับนอนไม่หลับอีกแล้ว
วันต่อมาเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกตัวตื่น
นางรู้สึกว่าเมื่อคืนฝันดีมากฝันว่าพี่เย่จือกลับมา