ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1661 โทษตัวเอง
บทที่ 1661 โทษตัวเอง
ฝันราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง พอคิดดูแล้วนางคงจะคิดถึงเขามากเกินไป
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะกับตัวเอง
ในฝันนางยังเห็นเขาโอบกอดนางเอาไว้และนอนอยู่ข้าง ๆ นาง ทั้งยังมีเสียงพูดเบา ๆ อยู่ข้างหูว่าจะอยู่กับนางตลอดไปอีก
และที่นอนข้าง ๆ นางยังมีรอยยับเล็กน้อย ราวกับว่ามันมีคนมานอนอยู่ข้าง ๆ นางจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานนึกถึงความฝันเมื่อคืน จึงมองไปที่รอยยับบนที่นอนอีกครั้ง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมองและจ้องไปที่นอนอันว่างเปล่า นางยื่นมือลงไปลูบราวกับคิดว่าบนนั้นยังคงมีร่องรอยของใครบางคนอยู่
เมื่อได้ยินว่ามีเสียงเคลื่อนไหวจากข้างใน อาจั่วจึงยกอ่างไม้ที่ใส่น้ำเข้ามา เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองไปที่นอนอันว่างเปล่าข้าง ๆ ตนเอง นางจึงอดที่จะถามไม่ได้ว่า “คุณหนูท่านเป็นอะไรไป”
สติของกู้เสี่ยวหวานจึงกลับมาอีกครั้ง นางยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่มีอะไร”
ความฝันอะไรทำไมชัดเจนขนาดนี้ ราวกับว่ามันเป็นความจริง
กู้เสี่ยวหวาน คงจะคิดถึงเขามากเกินไป
นางเงียบลงไปครู่หนึ่ง อาจั่วและโคว่ตันช่วยนางแต่งหน้าแต่งตัว รอจนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วโค่วตันจึงเข้าไปทำความสะอาดในห้องของหญิงสาว ส่วนกู้เสี่ยวหวานก็ออกมาทานอาหารเช้าอยู่ด้านนอก
ภายในใจกู้เสี่ยวหวานคิดถึงแต่เรื่องความฝันเมื่อคืนอยู่ตลอด นางฝันว่าฉินเย่จือมาหาตนเอง เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นในดวงตาก็เหมือนกับจะมีน้ำใสไหลออกมา
แต่เมื่อคืนนางรออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือจนหลับไป จากนั่นก็ไปนอนอยู่ที่เตียงคิดดูแล้วอาจจะเป็นอาจั่วที่อุ้มนางไปนอนบนเตียง
“เมื่อคืนเจ้าอุ้มข้าไปนอนที่เตียงตอนไหนหรือ” กู้เสี่ยวหวานถาม แค่คิดก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เมื่อคืนนางคงฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือจึงรู้สึกเมื่อยคอเช่นนี้
พูดจบ ก็เห็นอาจั่วคุกเข่าลงไปกับพื้น “คุณหนู ข้าสมควรตาย”
“สมควรตาย” กู้เสี่ยวหวานคิดไม่ถึงว่านางถามออกไปเช่นนั้น อาจั่วถึงพูดอะไรที่รุนแรงออกมา หญิงสาวจึงรีบถามออกไปว่า “เจ้าเป็นอะไรไป”
“เมื่อคืนข้าปล่อยให้คุณหนูนอนอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ไม่ได้พาคุณหนูไปนอนที่เตียง”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วข้าไปนอนอยู่ที่เตียงได้อย่างไร” หญิงสาวทานเกี๊ยวกุ้งแล้ว จึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “งั้นเป็นไปได้ไหมว่าข้าเดินไปเองแต่จำอะไรไม่ได้เลย”
เมื่อคืนนางอ่านหนังสือรอฉินเย่จือ แล้วรู้สึกง่วงมากจึงฟุบหลับไปที่โต๊ะหนังสือแล้วจึงฝันถึงเรื่องนั้น
“หรือว่าเป็นพี่ใหญ่ฉินที่อุ้มคุณหนูไปนอนที่เตียง” อาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อุ้มนางไปที่เตียง จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“อะไรนะเมื่อคืนพี่เย่จือกลับมางั้นหรือ” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความตกใจ
“คุณหนู ท่านไม่ทราบหรือ” อาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่รู้ จึงถามด้วยความสงสัยว่า “เมื่อคืนนี้พี่ใหญ่ฉินมาตอนช่วงยามโฉ่วเจ้าค่ะ”
ยามโฉ่ว
เขาเป็นองครักษ์ เวลาเข้าวังของเขาคือ…
งั้นก็หมายความว่า เขาอยู่ที่นี่เพียงสองชั่วยามแล้วจึงกลับเข้าไปในวัง
เขามาแต่นางกลับนึกว่าตัวเองฝัน และยังไม่ทันได้พูดอะไรกับเขาสักคำ
กู้เสี่ยวหานคิดมาถึงตรงนี้ ในใจก็เอาแต่โทษตัวเอง
มิน่าละฝันเมื่อคืนถึงเหมือนความจริงขนาดนั้น จริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่ความฝัน แต่นั่นคือความจริง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโกรธตัวเอง เธอดันหัวตัวเองขึ้นด้วยใบหน้าที่กลัดกลุ้ม
อาจั่วรีบมาอยู่ข้าง ๆ เห็นกู้เสี่ยวหวานรู้สึกไม่สบายใจเช่นนั้นจึงรีบถามว่า “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป”
“เมื่อคืนข้าหลับสนิทมาก เขามาแต่ข้าไม่รู้ทั้งยังคิดว่าตัวเองคงฝันไป เมื่อคืนจึงไม่ได้พบและไม่ได้พูดกับเขาแม้สักคำ” กู้เสี่ยวหวานโทษตัวเอง
เขารีบออกมาจากวังมาถึงที่นี่ยามโฉ่ว เพื่อมาหานางมาพูดคุยกับนาง แต่นางนั้นกลับ
หลับไปแล้ว
นึกถึงตรงนี้ กู้เสี่ยวหวานอยากจะตบตัวเองให้ตื่นอีกสักที
“คุณหนู ท่านอย่าเสียใจไปเลย ก่อนออกไปพี่ใหญ่ฉินบอกกับพวกเราว่า หลังจากวันนี้เขาต้องเปลี่ยนเวลาลาดตระเวนแล้ว ต่อไปนี้จะออกมาทุกวันตอนเย็น” เมื่ออาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานโกรธและเสียใจอยู่เช่นนั้น ใจนางก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา
ช่วงนี้คุณหนูมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องร้านจิ่นฝูจนหมดเรี่ยวหมดแรง กินไม่ได้นอนไม่หลับ กว่าจะแก้ปัญหากับเรื่องนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อวานตอนเย็นนั้น ก็ไม่ง่ายเลยที่จะไม่มีใครมารบกวนเวลานอนของนาง แต่นางกลับคิดว่าตัวเองไม่ยอมตื่น ทำให้ไม่ได้เจอกับนายท่านในใจจึงรู้สึกเศร้า
อาจั่วรีบเอาคำพูดที่ฉินเยว่จือบอกกับนางก่อนออกไปบอกกับกู้เสี่ยหวาน นายท่านเดาถูกว่าคุณหนูนั้นต้องรู้สึกไม่ดีแน่
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ฟัง บนใบหน้าก็ฉายแววความสุขขึ้นมา มองอาจั่วแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เจ้าพูดจริงรึว่าเขาบอกว่าจากนี้เขาจะออกมาได้ทุกวันจริง ๆ”
“ใช่ พี่ใหญ่ฉินบอกเช่นนั้น” อาจั่วรีบตอบ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกดีใจอยู่อย่างนั้น เพราะความดีใจนี้ทำให้นางทานอาหารเช้าได้เยอะกว่าปกติครึ่งหนึ่ง
อาจั่วที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจมาก
เมื่อคืน นางดูแลคุณหนูไม่ดี
ฉินจือเยว่กอดกู้เสี่ยวหวาน หลับได้ไม่นานนักก็หรี่สายตาที่พร่ามัวลง มองออกไปที่ฟ้าด้านนอก แล้วจึงลุกจากเตียงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อออกมาด้านนอก ก็เห็นอาจั่วและอาโม่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอก นึกถึงแมวน้อยที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะก่อนหน้านั้นไม่รู้ว่านอนอยู่นานแค่ไหน เท้าถึงได้เย็นราวกลับน้ำแข็งปานนั้น ฉินเย่จือรู้สึกเป็นห่วงนางมาก
“เจ้าไปคุกเข่าหนึ่งชั่วยาม แล้วอย่าให้นางรู้เรื่องนี้” ฉินจือเยว่มองอาจั่ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
อาจั่วคุกเข่าลงกับพื้นและรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ ข้าจะทำตามคำสั่งเจ้าค่ะ”
โดยไม่ถามถึงเหตุผลใดใด
แต่ไหนแต่ไรมานายท่านก็ไม่ใช่คนที่จะลงโทษคนรับใช้ตามใจชอบ แต่คราวนี้เหมือนเป็นการจี้จุดอ่อนของเขา
อาจั่วรู้สึกโทษตัวเองอยู่ลึก ๆ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานทานอาหารไปและขยับคอไป คิดว่าคงเป็นเพราะเมื่อคืนนางฟุบหลับที่โต๊ะนานเกินไป จึงทำให้คอของนางเคล็ด
อาจั่วคิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะไม่ได้ขึ้นไปนอนบนเตียง แต่กลับรอนายท่านอยู่ตลอด นางเห็นว่าที่หน้าต่างไม่มีใคร จึงคิดว่าคุณหนูคงไปนอนแล้ว นางไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะเหนื่อยจนหลับฟุบไปที่โต๊ะ