ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1665 ฝ้ายหยกขาว
บทที่ 1665 ฝ้ายหยกขาว
ซื่อสี่เห็นสิ่งนี้ก็เอาใบสั่งซื้อไปยื่นให้หลีหยวน “เถ้าแก่ คลังสินค้าเราไม่มีฝ้ายหยกขาวแล้ว”
“ไม่มีฝ้ายหยกขาวแล้ว” หลีหยวนหยิบใบสั่งซื้อและเห็นตัวหนังสือสวยงามน่ามอง แม้จะมีความลังเลในการเขียนเล็กน้อย แต่เขียนออกมาได้เช่นนี้ถือว่าดีมาก
เห็นตัวอักษรก็เหมือนเห็นคน ราวกับว่าหลีหยวนเห็นความอ่อนโยนของบุคคลนี้
“คลังสินค้าเราเหลือเพียงผ้าฝ้ายธรรมดา” ซื่อสี่พูด
“เช่นนั้นเจ้าลองไปถามลูกค้าว่าจะเปลี่ยนฝ้ายหยกขาวเป็นผ้าฝ้ายทั่วไปได้หรือไม่” หลีหยวนพูดแนะนำ
ซื่อสี่ส่ายหัว “เถ้าแก่ คนผู้นี้เป็นลูกค้าประจำของร้านเรา ทุกครั้งที่มาซื้อล้วนเป็นของชั้นนำที่ดีของร้านเรา แม้ว่าผ้าฝ้ายนี้จะเหมือนกับฝ้ายหยกขาว แต่ราคามันต่างกันมาก ความอ่อนนุ่ม ความมันวาว ความฟู ผ้าฝ้ายก็เทียบกับฝ้ายหยกขาวไม่ได้ ข้าเกรงว่าลูกค้าท่านนี้ไม่เลือกผ้าฝ้ายแน่นอน”
ใบสั่งซื้อนั้น เขียนว่าเอาฝ้ายหยกขาวสิบจิน
ฝ้ายหยกขาวนี้ถึงแม้เป็นแค่ฝ้าย แต่ราคานั้นแพงดั่งทองคำ
อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยก็ไม่มีเหตุผลที่จะซื้อฝ้ายหยกขาวจำนวนมากเช่นนี้ในคราวเดียว
เสิ่นเหวินเจวี้ยนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินก็พยักหน้าและพูดว่า “ช่างเป็นคนช่างเลือก เพียงแต่ฝ้ายหยกขาวนี้ราคาแพงมาก และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาฝ้ายหยกขาวได้จำนวนมากในคราวเดียว เจ้าเอาใบสั่งซื้อไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว และนำฝ้ายหยกขาวทั้งหมดจากร้านขายผ้าเราออกมา ดูว่าเพียงพอหรือไม่”
ซื่อสี่ตอบรับ และรีบนำใบสั่งซื้อไปทันที
ซื่อสี่ทักทายหลีหยวน จากนั้นจึงออกมาบอกโค่วไห่
เมื่อโค่วไห่ยินว่าของทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มีเพียงฝ้ายหยกขาวที่ไม่พอ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ข้าจะซื้อของพวกนี้ไปก่อน หากร้านของเจ้าเตรียมฝ้ายหยกขาวเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยกลับมาเอาทีหลัง”
ก่อนมานายท่านก็บอกกับเขาแล้ว ว่าฝ้ายหยกขาวไม่ได้หาซื้อได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังซื้อมากถึงสิบจินในคราวเดียว เกรงว่าทั้งเมืองหลวงก็คงไม่สามารถผลิตฝ้ายหยกขาวสิบจิน ออกมาได้ในเร็ววัน
เมื่อเห็นว่าโค่วไห่ไม่ได้กังวล ซื่อสี่รู้สึกสับสนเล็กน้อยและพูดขึ้น “ตอนนี้ฝ้ายหยกขาวมีน้อยมาก ร้านขายผ้าหลานชิงของเราก็มีเก็บเพียงน้อยนิด ตอนนี้พวกข้าไปหามารวบรวมไว้แล้ว แต่เกรงว่าอาจจะหาไม่ได้ตามจำนวนที่ท่านต้องการ”
โค่วไห่โบกมือและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา นายท่านของข้าบอกแล้วว่าฝ้ายหยกขาวหายาก อีกทั้งปีนี้ประสบภัยแล้ง และฝ้ายหยกขาวอาจมีราคาแพงกว่าทอง ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าไว้ นายท่านแค่เขียนลงไปเผื่อว่าจะหามาได้เท่านั้นเอง”
ซื่อสี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “แม้ว่าไม่มีฝ้ายหยกขาว แต่ในร้านยังมีผ้าฝ้ายแบบอื่นอีกมากมาย ผ้าฝ้ายนี้ก็มีคุณภาพเช่นกัน ครอบครัวขุนนางหลายท่านก็ใช้ผ้าอันนี้มาทำเป็นเสื้อผ้า อีกทั้งราคาถูกกว่าฝ้ายหยกขาว”
โค่วไห่ส่ายหัวและพูด “ข้าไม่ได้ซื้อฝ้ายหยกขาวไปทำเสื้อกันหนาว”
เมื่อได้ยินว่าไม่ได้เอาไปทำเสื้อกันหนาว ซื่อสี่ก็สับสนเล็กน้อย “โอ้ ไม่ได้เอาไปทำเสื้อกันหนาว แล้วเหตุใดถึงซื้อมากมายเพียงนี้ในคราวเดียว”
โค่วไห่ยิ้มและไม่พูดอะไร ซื่อสี่รู้ว่าเขาถามมากเกินไป จึงรีบขอโทษและไม่กล้าถามอีก “ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านรอสักครู่ มีคนไปจัดหาซื้อให้แล้ว หากเรียบร้อยแล้วก็จะรีบเอามาให้ท่านทันที”
พูดจบ ซื่อสี่ก็เดินไปที่ห้องด้านหลังอีกครั้ง และรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้หลีหยวนทราบ
เสิ่นเหวินเจวี้ยนที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินก็พูดขึ้นอย่างสนใจ “ฝ้ายหยกขาวเป็นสินค้าที่หายากมาโดยตลอด และไม่ค่อยมีใครใช้มันจริง ๆ เพราะมันมีความขนปุยและความอ่อนนุ่มมากเกินไป หากทำเสื้อกันหนาวก็ไม่ทนความเย็น หากทำแบบบางในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใช้ฝ้ายหยกขาวนี้ยังพอได้ แต่มันฟุ่มเฟือยเกินไป พวกเขาซื้อมากมายขนาดนี้ไปทำอะไร”
ซื่อสี่ส่ายหัว “ไม่ได้บอก ก่อนหน้านี้ก็เคยซื้อไปครั้งหนึ่ง แต่จำนวนไม่มาก ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจสิ่งเล็กน้อยนัก”
“แต่เป็นคนรู้จักหรือ” หลีหยวนถาม
ซื่อสี่พยักหน้าและ “ใช่เถ้าแก่ เขาคือคนที่มาซื้อด้ายทองจากร้านเรา แต่ร้านเราไม่มี ต่อมาท่านก็ไปซื้อจากร้านคุณชายเสิ่นมาให้ เขามาจากครอบครัวนั้น”
“โอ้ เป็นสาวน้อยคนนั้น” หลีหยวนครุ่นคิด และนึกถึงเรื่องบางสิ่งในอดีตที่อยู่ในหัว
ซื่อสี่ส่ายหัว “ต่อมาแม่นางคนนั้นก็ไม่ได้มาอีก ทุกครั้งจะเขียนใบสั่งซื้อและให้บ่าวรับใช้ในบ้านออกมาซื้อ”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินเรื่องแม่นางที่ซื้อด้ายทอง จู่ ๆ ก็นึกได้บางอย่างและถามขึ้น “เป็นแม่นางที่อายุยังน้อยหรือไม่”
“ใช่ ครั้งก่อนเคยมาครั้งหนึ่ง”
“รู้หรือไม่ว่าเป็นคนตระกูลไหน” เสิ่นเหวินเจวี้ยนหยิกคนที่อยู่ข้าง ๆ แม้แต่ตัวก็สั่นเล็กน้อย
หลีหยวนเห็นท่าทางที่ดูตื่นเต้นของเสิ่นเหวินเจวี้ยนก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอ่ยปากถาม “ไม่แน่ใจ ในเมื่อคนอยู่ในร้านแล้ว ซื่อสี่เจ้าลองไปถามดูหน่อย”
ซื่อสี่ออกไปอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็กลับเข้ามา จับหัวแล้วพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย “คนผู้นั้นไม่ยอมบอก บอกเพียงว่านายท่านของพวกเขาไม่ใช่คนในเมืองหลวง และอีกไม่นานก็จะไปจากเมืองหลวงแล้ว”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินก็ลุกขึ้นอย่างโครมคราม และพูดอย่างตื่นเต้น “เขาพูดเช่นนี้จริงหรือ”
ซื่อสี่พยักหน้า “ใช่ เขาพูดเช่นนี้”
ครั้งก่อนลุงเลี่ยวบอกเขาว่า แม่นางคนก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนี้ ไม่บอกลุงเลี่ยวว่าตัวเองเป็นใคร ถามอย่างร้อนใจแต่บอกเพียงแค่ว่า จะอยู่เมืองหลวงไม่นานและจะรีบไปจากเมืองหลวงในไม่ช้า เสิ่นเหวินเจวี้ยนตื่นเต้นเล็กน้อย ราวกับว่าคนที่อยากตามหา เมฆหมอกค่อย ๆ จางหายและชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ครั้งก่อน จือซูนางกำนัลของกุ้ยเฟยในพระราชวังมาซื้อของ เดิมทีคิดว่าตนหาคนผู้นั้นพบแล้ว แต่หาอย่างไรก็หาข่าวคราวของคนนั้นไม่ได้เลย และนึกว่าเรื่องจะจบลงเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ทำให้เขาหาเจออีกครั้งแล้วจริงๆ
“คุณชาย หมายความว่า?” หลีหยวนหรี่ตาเล็กน้อย ไม่เคยเห็นเสิ่นเหวินเจวี้ยนเสียความสงบต่อหน้าผู้คนเช่นนี้มาก่อน
เสิ่นเหวินเจวี้ยนถูมือ รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเสียความสงบ จึงรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร ข้าแค่…แค่จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากรู้เท่านั้น เป็นใครกันนะ ที่ต้องการฝ้ายหยกขาวมากมายเพียงนี้ แล้วจะเอามาทำอะไร”
……….