ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1666 หญิงสาวภายใต้ผ้าคลุม
บทที่ 1666 หญิงสาวภายใต้ผ้าคลุม
ความอยากรู้อยากเห็นของเสิ่นเหวินเจวี้ยนได้เริ่มขึ้นหลังจากได้ยินคนผู้นั้นพูด หลีหยวนฟังอยู่เงียบ ๆ แต่ในใจรู้สึกเหมือนนายน้อยตระกูลเสิ่นมีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ แต่มันล้วนเป็นเรื่องของคนอื่น เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปยุ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ฉางเซิงก็กลับมาพร้อมกับฝ้ายหยกขาวหนึ่งมัด “คุณชาย ในร้านของเราก็เหลือฝ้ายหยกขาวเพียงหกจิน “ท่านดูสิ”
ฝ้ายขาวราวกับหยก นุ่มและฟูฟ่อง มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นสิ้นค้าชั้นดี
เสิ่นเหวินเจวี้ยนพยักหน้าและพูดกับซื่อสี่ “เจ้าเอาฝ้ายหยกขาวไปให้ลูกค้าแล้วบอกว่ายังขาดอีกเล็กน้อย เมื่อรวบรวมเสร็จแล้วพวกเจ้าจะนำไปส่งให้ด้วยตนเอง”
ซื่อสี่รับคำสั่งและนำของออกไป
โค่วไห่ได้ยินก็รีบลุกขึ้นพูด “ไม่เป็นไรหากจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าออกมาครู่เดียวก็สะดวกมาก”
“อย่าลำบากเลยพี่ใหญ่ท่านเอาที่อยู่ให้ข้า เมื่อถึงเวลาข้าจะจัดส่งไปให้ตามที่อยู่ก็ได้แล้ว” ซื่อสี่เห็นว่าเขายืนกรานไม่ยอมบอก จึงรีบพูดขึ้น “ฝ้ายหยกขาวเช่นนี้มีค่ามากและยังหายากอีกด้วย ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าจะหาได้ หากหาไม่ได้จะให้พี่ใหญ่มาอีกครั้ง มันจะทำให้ท่านเสียเวลาไม่ใช่หรือ”
ซื่อสี่หมดคำจะพูดแล้วแต่โค่วไห่ยังคงไม่ยอมแพ้ “แค่นั่งรถม้ามาเท่านั้นเอง ไม่เป็นไร”
จากนั้นก็ตรวจสอบรายการใบสั่งซื้อ หลังจากตรวจเรียบร้อยก็ส่งสินค้าและชำระเงิน ซื่อสี่ก็ช่วยโค่วไห่ขนของขึ้นรถม้า
ซื่อสี่ได้รับความไว้วางใจจากเสิ่นเหวินเจวี้ยนให้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อดูว่าเบาะใด ๆ บนรถม้ามีหรือไม่ หลังจากดูลอบสำรวจอยู่นาน ก็พบว่ามันเป็นเพียงรถม้าสักหลาดสีน้ำเงินทั่วไป ที่เห็นได้ตามเมืองหลวง ไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อเห็นโค่วไห่ควบม้าออกไป ซื่อสี่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาจึงรีบวิ่งเข้าไป
ตอนนี้เสิ่นเหวินเจวี้ยนออกมาแล้ว เห็นสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกของซื่อสี่ก็รู้ว่าเขาหาข่าวอะไรไม่ได้
ไม่แปลกใจเลย หากซื่อสี่สามารถถามอะไรมาได้ ก็คงไม่ใช้เวลานานมากขนาดนี้ในการหา และคงไม่หงุดหงิดเช่นนี้
มองหลังรถม้าที่กำลังแล่นออกไปเงียบ ๆ เสิ่นเหวินเจวี้ยนก็ตะโกนขึ้น “นำม้ามา”
ฉางเซิงกำลังจะรีบไป แต่เสิ่นเหวินเจวี้ยนยังคงตั้งหน้าตั้งตารอด้วยท่าทางที่รีบร้อนราวกับว่าเขาจะตามรถม้าคันนั้นไม่ทัน
หลีหยวนลูบเคราของเขาเมื่อเห็นท่าทางที่รีบร้อนของเสิ่นเหวินเจวี้ยนก็ถามขึ้น “คุณชายกำลังตามหาใครหรือ”
ครั้งที่แล้วเขาก็เห็นท่าทางที่ว้าวุ่นใจของเสิ่นเหวินเจวี้ยน ซึ่งไม่ต่างอะไรจากตอนนี้เลย
คนที่ขับรถม้าคือครอบครัวที่เขาตามหาหรือ
หลีหยวนมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นเหวินเจวี้ยนที่แดงระเรื่อเล็กน้อย ส่ายหัวและพูดอย่างเกรงใจ “ยังไม่ค่อยแน่ใจ”
ครั้นม้าถูกนำมาแล้ว เสิ่นเหวินเจวี้ยนพลันโค้งคำนับเพื่ออำลา และขี่ม้าตามรถม้าคันนั้นไป ฉางเซิงและคนที่อยู่ข้างหลังเสิ่นเหวินเจวี้ยนก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นนายและคนรับใช้จากไปอย่างรีบร้อน หลีหยวนก็ไม่ละสายตากลับมาเป็นเวลานาน
บางคนใช้เวลาเพียงน้อยนิด ก็ยังสามารถตามหาคนที่ตนอยากตามหาจนเจอ หรือเมื่อพ้นจากเมฆหมอกแล้วก็สามารถมองเห็นคนนั้นยืนรอตนอยู่ข้างหลัง
แต่เขาล่ะ? เกรงว่าเขาจะใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่ได้เจอคนที่ตัวเองตามหา
และนางก็คงไม่รอเขา
จู่ ๆ ผิวหลีหยวนซีดลง พลันเดินโซซัดโซเซใกล้จะล้มลงแล้ว แต่โชคดีที่ข้างหลังมีประตูจึงทำให้เขาไม่หงายหลังล้มลงไป
แต่ในเวลานั้นใบหน้านั้นขาวซีดราวกับกระดาษ ทั้งร่างกายเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง สายตาไร้ชีวิตชีวาและมองไปในทิศทางหนึ่งเป็นเวลานาน ริมฝีปากปิดสนิท ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ
เป็นเวลานานแล้ว ลมแรงในฤดูใบไม้ร่วง ได้พัดความเศร้าโศกของเขาไปอย่างเงียบ ๆ
อาชิง รอข้าล้างแค้นให้ท่าน แล้วข้าจะไปหาท่าน
อาชิง ท่านยังจำข้าได้หรือไม่
เจ้า…จะรอข้าหรือไม่
เมื่อมองอีกครั้ง ก็เห็นหลีหยวนหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เอนหลังพิงประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลังจากโค่วไห่ออกมาจากร้านขายผ้าหลานชิง เนื่องจากมีคนจำนวนมากในท้องถนน รถม้าจึงเคลื่อนได้อย่างเชื่องช้า และไม่เห็นเสิ่นเหวินเจวี้ยนที่ตามมาข้างหลัง
เห็นโค่วไห่ขับรถม้าผ่านถนนที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นก็ขับรถม้าไปถนนกว่างหลงที่เจริญรุ่งเรือง
ถนนกว่างหลงมีขนาดกว้างขวาง แม้ว่าที่นี่จะมีผู้คนน้อย แต่มีรถม้าจำนวนมากจอดอยู่หน้าร้านที่ตกแต่งอย่างหรูหรา รถม้าของโค่วไห่เคลื่อนที่ไม่เร็วนัก และเมื่อถึงหน้าร้านหล่านเยว่ รถม้าก็เคลื่อนตัวช้าลงและหยุดลงหน้าร้านหล่านเยว่ในที่สุด
เสิ่นเหวินเจวี้ยนเห็นเช่นนี้ก็รีบลงมาจากม้าทันที และแสร้งทำว่าจะมาดูของกินในร้านติ่มซำ แต่สายตาไม่ละจากประตูหน้าร้านหล่านเยว่เลย
คนคนนั้นหยุดลงหน้าร้านหลานเยว่ แต่เหตุใดถึงมีท่าทางเช่นนั้น เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่
เสิ่นเหวินเจวี้ยนนึกถึงสิ่งของที่เขาซื้อ ดูเหมือนจะเป็นวัสดุสำหรับทำตุ๊กตาที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในเมืองหลวง จึงอดไม่ได้ที่จะเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของเขามากยิ่งขึ้น
รอไม่นาน ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากร้านหล่านเยว่
นำโดยหญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างผอมเพรียว สวมเสื้อสีขาวหยกที่ปักลวดลายดอกไม้ สวมกระโปรงสีเดียวกัน ข้างนอกสวมเสื้อคลุมกันลม ขนสัตว์สีขาวขับใบหน้าเรียวให้ดูอ่อนโยนราวกับหยก ใบหน้าถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวโปร่งอีกชั้น จึงทำให้มองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างไม่ชัดเจน แต่ก็ทำผู้คนคาดเดาได้ว่านางมีใบหน้าอันงดงาม
เพียงมองคิ้วที่เรียงตัวสวยราวกับหลุดมาจากภาพวาด ภายใต้ดวงตาที่กลมโตสดใสคู่หนึ่งเปล่งประกายแวววับ รวบผมสูงผูกผ้ามุกสีขาวสีเดียวกับเสื้อผ้า ถูกเสียบด้วยปิ่นปักผมไม้แกะสลักเฉียงๆ ผมสีดำยาวสลวยสง่างาม ยิ่งทำให้ดูเหมือนเทพธิดา สวมสร้อยข้อมือหยกสีขาว หยกสีขาวที่ดูอบอุ่นทำให้เปล่งประกาย ช่วยเติมเต็มให้ชุดที่เรียบง่าย สง่างามอย่างบรรยายไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน ก็มีผู้หญิงอีกคนที่ตัวเล็กกว่านางเดินออกมาหยุดข้าง ๆ แม่นางคนนี้สวมเสื้อสีชมพู เสื้อคลุมบางปักลวดลายดอกไม้และผีเสื้อ
สวมกระโปรงลวดลายเช่นเดียวกับข้างบน ใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าคลุมสีชมพู มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด แต่ดวงตาคู่นั้นราวกับหยกที่เกาะอยู่บนใบหน้า คิ้วที่เรียงตัวสวยกำลังดี แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่ชัดเจนได้ แต่คิ้วที่โค้งขึ้นนั้นดูเหมือนกำลังยิ้ม ทั้งตัวมีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้อื่นหลงใหล
ทำให้ผู้คนที่เคยพบจดจำได้ตั้งแต่แรกเห็น
……….