ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1667 หาสวนชิงเจอแล้ว
บทที่ 1667 หาสวนชิงเจอแล้ว
เสิ่นเหวินเจวี้ยนมองเข้าลึกไปในดวงตาคู่นั้น เครื่องแต่งกายเรียบง่ายทว่าสวยงาม ให้ทั้งความสดชื่นและงดงาม
แม่นางผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้านข้าวด้วยความชื่นชม ดวงตาของนางเปล่งประกายระยิบระยับ
ทั้งสองเดินลงบันไดโดยการประคองจากสาวใช้ ทุกท่วงท่ากิริยานางเต็มไปด้วยความสง่างาม ราวกับถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
“หญิงสองคนนั้นสวมผ้าคลุมใบหน้า แม้ว่าจะมองเห็นใบหน้าของพวกนางได้ไม่ชัดเจน ก็พอจะมองออกว่าคงงดงามไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกนางจะดูไม่เหมือนคุณหนูในเมืองหลวงจริง ๆ” ฉางเซิงมองไปและเอ่ยอย่างสงสัย เขาเคยพบเจอคุณหนูจากเมืองหลวงมากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นหญิงสองคนตรงหน้าเลย
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงแม่นางผู้นั้นหรือ” ครั้นเห็นดังนั้นลูกจ้างในร้านติ่มซำก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เคยเห็นใบหน้าของแม่นางสองคนนั้นมาก่อน แต่ข้าเคยพบพวกนางมาก่อนหน้านี้ และวันนี้พวกนางก็มาที่นี่อีกครั้ง”
“เจ้ารู้จักพวกนางหรือ” ฉางเซิงรีบถามหลังจากได้ยินสิ่งนี้
ลูกจ้างผู้นั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางสองท่านนั้น เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ว่ามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย อีกทั้งยังสวมผ้าคลุมใบหน้า ข้าจะรู้จักพวกนางได้อย่างไรกัน”
ฉางเซิงต้องการถามอะไรอีก แต่เสิ่นเหวินเจวี้ยนรีบหันมาปรามเขาทันที ฉางเซิงจึงหยุดพูด
เสิ่นเหวินเจวี้ยนมองกู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้ขึ้นรถม้าไปโดยการประคองจากอาจั่วและโค่วตัน จากนั้นรถม้าก็จากไปอย่างเงียบ ๆ
เสิ่นเหวินเจวี้ยนขี่ม้าตามหลังรถม้าคันนั้นไปไม่ห่าง เนื่องจากบนถนนมีรถม้าและผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งเสิ่นเหวินเจวี้ยนเองก็มีทักษะการต่อสู่ ดังนั้นโค่วไห่จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ากำลังมีคนติดตามพวกตนมา
หลังจากเดินทางไปสักพัก รถม้าก็มาถึงถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความรุ่งเรืองแต่บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบ รถม้าคันนั้นหยุดลงหน้าเรือนหลังใหญ่หลังหนึ่ง สาวใช้สองคนประคองนายของตนลง โดยมีโค่วไห่ขนของเข้าไปด้านใน
เสิ่นเหวินเจวี้ยนเฝ้าดูทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของพวกนางได้ไม่ชัดเจน แต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเด็กสาวตัวเล็กคือหญิงสาวที่เขาเคยเจอมาก่อน
ร่างผอมเพรียว ดวงตาสุกใสเปล่งประกาย
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าไปทักทายแบบสบาย ๆ ได้
“นายท่าน นี่ไม่ใช่เรือนร้างหรอกหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงมีคนมาอยู่แล้วล่ะ?” ฉางเซิงมองไปที่สวนชิงและถามด้วยความสงสัย
ตอนนี้เสิ่นเหวินเจวี้ยนเพิ่งสังเกตว่าพวกนางสองคนอาศัยอยู่ในสวนชิง จึงเกิดความสงสัยเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พวกนางอาจจะมาเช่าสถานนี้แห่งนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก “สวนชิงแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน และเจ้าของอาจเก็บไว้ปล่อยเช่า”
ฉางเซิงร้องอ๋อออกมาหนึ่งเสียง
สวนชิงแห่งนี้เต็มไปปริศนามาโดยตลอด
เจ้าของคือผู้ใด? ตั้งแต่สร้างเสร็จไม่เคยเห็นผู้ใดย้ายเข้ามา ช่างลึกลับชวนน่าสงสัย แต่ตอนนี้สวนชิงถูกครอบครองโดยใครบางคน และเดาว่าแม่นางสองคนนั้นคงจะเช่ามันชั่วคราว
“ถูกต้อง สวนชิงตั้งอยู่ที่นี่มานาน คนร่ำรวยทั่วไปไม่สามารถเช่าได้ แม่นางสองคนที่เห็นเมื่อครู่น่าจะเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยมาก แม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่พวกมันล้วนทำมาจากวัสดุชั้นดี”
ฉางเซิงคุ้นเคยกับวัสดุทำชุด ไม่ว่าวัสดุจะมีคุณภาพสูงหรือไม่ เพียงแค่มองเขาก็สามารถบอกได้ทันที
เสิ่นเหวินเจวี้ยนพยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม พวกเราตามหานางมานานแล้วแต่กลับไม่พบ ที่แท้ทั้งสองคนก็อาศัยอยู่บนถนนที่รุ่งเรืองและโดดเด่นที่สุดของเมืองหลวง เป็นไปไม่ได้ที่คนของเราจะหาไม่พบ แต่เหตุใดถึงไม่พบเบาะแสใดเลย”
ฉางเซิงถามอย่างฉงนสงสัย
จากนั้นเห็นเสิ่นเหวินเจวี้ยนก้มศีรษะลง และพึมพำกับตนเอง ใช่แล้ว คนของตนตามหาอีกฝ่ายมานาน แต่กลับไม่เคยพบแม้แต่เงา ความจริงแล้วพวกนางไม่ได้ซ่อนตัวจากผู้คน และยังอยู่ในสถานที่ที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองหลวง แต่ทำไมเขาถึงหานางไม่เจอ
“อาจจะมีคนขัดขวางไม่ให้พวกเราพบนาง” ฉางเซิงขมวดคิ้วและถามเสิ่นเหวินเจวี้ยน พลันเห็นว่าเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปที่สวนชิงและส่ายหน้า “อย่ากังวลไปเลย เราต้องสืบให้พบว่าแม่นางคนนั้นคือคนที่ข้าได้ช่วยไว้หรือไม่”
“รับทราบขอรับ”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนจากไป ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
แม่นางคนนั้นคล้ายกับเด็กสาวที่เขาช่วยไว้ครั้งล่าสุด และสองคนนี้ก็มีลักษณะเหมือนที่ลุงเลี่ยวอธิบาย แต่เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกนางได้ชัดเจน เสิ่นเหวินเจวี้ยนจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น
ตัวเองเจอสองคนนี้แล้ว ครั้งหน้าอาจจะรู้ว่าแม่นางคนนั้นใช่คนที่ตัวเองตามหาหรือเปล่า เสิ่นเหวินเจวี้ยนจากไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองสวนชิงอยู่หลายครั้ง
……
หลังจากที่ฉินเย่จือตรวจสอบเอกสารตรงหน้าเรียบแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยล้าและฟังรายงานขององครักษ์ “ชายคนนั้นพบคุณหนูแล้ว”
ฉินเย่จือรู้ทันทีว่าชายคนนั้นที่พูดถึงคือใคร จากนั้นจึงส่งเสียงตอบรับหนึ่งเสียงและโบกมือให้ชายคนนั้นออกไป
เอกสารที่ได้รับการตรวจสอบแล้ววางกองไว้ทั้งสองด้าน ชายหนุ่มนวดหว่างคิ้วเล็กน้อย เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงไปที่หน้าต่าง
ใต้ชายคาด้านนอก มีกรงนกสวยงามแขวนอยู่ซึ่งข้างในเป็นนกพิราบสื่อสารสีดำสนิท กระพริบตากลมโตและจ้องมาที่ฉินเย่จือ
ดวงตาคู่นั้นกลมเหมือนดวงตาของใครบางคน
ทันใดนั้นฉินเย่จือก็ก้มหน้าลงและยิ้ม โม่เกออาจไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายของมันถึงยิ้ม ดังนั้นมันจึงส่งเสียงซึ่งทำให้ฉินเย่จือก็ยิ้มกว้าง
เมื่อนึกถึงท่าทางง่วงงุนของลูกแมวบนเตียงเมื่อเช้าช่างน่ารักน่าชัง
เมื่อเช้าก่อนออกมา เขาขอให้อาจั่วบอกนางว่าคืนนี้เขาจะกลับบ้าน เดิมทีเขาต้องการจะจัดการกับบางสิ่งก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ทำสิ่งนั้นแล้ว
เมื่อมองไปที่เอกสารที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ฉินเย่จือก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านต่อ เขาหยิบกระดาษแผ่นเล็กออกมา เขียนบางอย่างลงไปและผูกไว้ที่ข้อเท้าของโม่เกอและกล่าวเบา ๆ “ไปเถอะ”
เขาได้ยินโม่เกอส่งเสียงตอบรับราวกับเข้าใจในสิ่งที่ตนพูด จากนั้นก็กระพือปีกทะยานขึ้นสูงและหายไปในพริบตา
……….