ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1668 ท่านอาโกรธเคือง
บทที่ 1668 ท่านอาโกรธเคือง
เมื่อเห็นว่าโม่เกอหายลับไปท่ามกลางหมู่เมฆ ฉินเย่จือจึงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เปลี่ยนเสื้อผ้า”
อาโย่วจ้องมองโม่เกอบินออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากข้างใน
ในขณะนี้ฉินเย่จือสวมชุดลายมังกรปักดิ้นสีม่วงทอง บริเวณข้อมือปักลวดลายเมฆมงคลด้วยด้ายสีทอง คาดเข็มขัดสีทองและมีหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีตประดับรอบเอว ผมดำขลับถูกรวบขึ้นและสวมด้วยกวานสีทอง ร่างกายสูงสง่าดูมั่นคง ฉินเย่จือมีรูปโฉมงดงามและสูงส่งตั้งแต่กำเนิด ดวงตาเรียวยาวราวกับภาพวาด ริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แม้แต่ดวงตาแห่งการทำลายล้างที่ไม่มีใครกล้ามองก็ยังซ่อนรอยยิ้มนี้ไว้ไม่มิด
“เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าที” ฉินเย่จือชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ด้านข้าง แม้น้ำเสียงจะเย็นชาแต่ก็แฝงความอ่อนโยน
อาโย่วมองและสามารถเข้าใจได้ทันที
ใต้หล้าแห่งนี้มีบุคคลเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้านายของตนแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้ เป็นคุณหนูผู้นั้นคนเดียว
เมื่อเห็นว่าโม่เกอบินออกไปแล้ว อาโย่วจึงคิดว่าผู้เป็นนายคงส่งความคิดถึงผ่านจดหมายถึงคุณหนูผู้นั้น แม้ท้ายที่สุดแล้วเขาจะกลับไปที่สวนชิงในตอนกลางคืนก็ตาม
แต่เมื่อเห็นเขาชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ด้านข้าง อาโย่วก็เข้าใจทุกอย่างทันที
ภายในห้องนี้มีตู้เสื้อผ้าสองตู้ ถัดจากตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่นั้นตู้เสื้อผ้าใบเล็กวางอยู่ ทั้งสองตู้ทำมาจากไม้ชิงชันคุณภาพสูง และถูกแกะสลักโดยช่างไม้ที่มีฝีมือมากที่สุดในเมืองหลวง แสดงให้เห็นว่านายท่านรักและหวงแหนเสื้อผ้าในตู้ใบเล็กมากแค่ไหน
เนื่องจากเสื้อผ้าในตู้เล็กเป็นเสื้อผ้าที่อันผิงจวิ้นจู่ซื้อให้นายท่านทั้งหมด
แม้ว่าบางตัวจะไม่ได้ทำขึ้นจากวัสดุคุณภาพสูง แต่เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าอื่น ๆ ในตู้ของนายท่านแล้ว แม้ว่ามูลค่าของพวกมันจะไม่เท่ากัน แต่ก็เก็บรักษามันอย่างดีราวกับสมบัติล่ำค่า ทุกครั้งที่กลับไปหาแม่นางผู้นั้น เขามักจะหยิบเสื้อผ้าเหล่านี้มาสวมใส่ตลอด
อาโย่วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาเปลี่ยนให้ฉินเย่จือ
หลังจากถอดเสื้อผ้ามูลค่าสูงออกแล้ว ก็สวมเสื้อคลุมผ้าสีฟ้าที่มีลวดลายปักสีเทาบริเวณข้อมือ ชายเสื้อ และรอบเอวถูกห้อยด้วยจี้หยกสีเขียวทำให้ดูอบอุ่น เมื่อครู่เขาเป็นราชาผู้เด็ดขาด ตอนนี้เขากลายเป็นนายน้อยที่อ่อนโยน
หลังจากฉินเย่จือเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาก็หลีกเลี่ยงฝูงชนและออกจากวังหลวงทางประตูหลัง เขาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ยามบ่าย เสื้อคลุมผ้าสีฟ้าดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยแสงเรืองรอง
ขณะนี้ท้องฟ้าอากาศแจ่มใส เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าบนถนนที่พลุกพล่านพร้อมกับร่มในมือ ฝีเท้าก้าวอย่างมั่นคง แววตาเรียบนิ่งไร้แววดุร้าย แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพย้ำเกรง สายลมในฤดูใบไม้ร่วงก็พัดผมที่ดำขลับและพัดเสื้อคลุมของเขานั้นให้ปลิวไสวไปตามสายลม ความงดงามนี้ทำให้หลายคนอดเหลือบมองอีกฝ่ายไม่ได้
แม้ว่าชายคนนี้จะสวมเพียงชุดธรรมดา แต่กลิ่นอายอันสูงส่งบนร่างกายของเขาทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก
คนผู้นี้ทรงพลังเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น ร่มของเขายังถูกลดลงต่ำ บังใบหน้าที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นได้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา ทำให้เดาได้ว่าเขาจะต้องมีหน้าตาอันหล่อเหลา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่ม แต่พวกเขาไม่กล้ามองไปมากกว่านี้เพราะกลิ่นอายรอบตัวที่ส่งออกมา และเมื่อต้องการมองอีกครั้ง เขาก็หายไปแล้ว
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแบบนี้จะปรากฏตัวในเมืองหลวงอีกเมื่อไหร่?
ฉินเย่จือออกจากถนนสายหลักและเดินไปที่ถนนเส้นเล็กด้านข้างที่เงียบสงบ เขาหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนในพริบตา หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็กระโดดขึ้นและทะยานเข้าไปในสถานที่ที่มีกำแพงล้อมรอบ และตรอกที่เงียบสงบก็กลับมาเงียบงันเช่นเดิม ราวกับว่าไม่เคยมีใครปรากฏตัว
กู้เสี่ยวหวานเพิ่งกลับมาถึงบ้าน และทันทีที่นางเดินเข้าไปในลานบ้านนางก็ได้ยินเสียง ‘นก’ ที่คุ้นเคย มันทำให้สงสัยว่าไป๋เสวี่ยร้องทำไม แต่เมื่ออาจั่วชี้ไปที่โต๊ะและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณหนู โม่เกอกลับมาแล้ว”
โม่เกอได้รับการเลี้ยงดูจากฉินเย่จือมาโดยตลอด และครั้งนี้มันกลับมาที่นี่ มันต้องนำจดหมายของเขามาด้วยเป็นแน่
“รีบไปรับมา!” กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมากและรีบพูด
อาจั่วยิ้มและจากไป แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็แข็งทื่อ
คืนนี้เขาสัญญาว่าจะกลับมาไม่ใช่หรือ? เวลาตอนนี้ยังไม่เย็น แต่โม่เกอกลับมาส่งจดหมายให้นาง
จดหมายอะไร…
หมายความว่าเขาจะไม่กลับมาหรือ?
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูจดหมายในมือของอาจั่วพลางรู้สึกเศร้าใจ หากแต่ก็ยังหยิบมันขึ้นมาอ่าน
แต่เมื่อนางเห็นเนื้อหาข้างใน คิ้วที่ขมวดของนางก็คลายออกและเผยรอยยิ้มที่มีความสุข ไม่มีร่องรอยของความกังวลและความเศร้าอีกต่อไป
อาจั่วเห็นว่าท่าทางของคุณหนูเปลี่ยนไป จึงรู้ว่าเนื้อหาในจดหมายต้องทำให้คุณหนูมีความสุขมากแน่ ๆ ดังนั้นนางจึงมีความสุขเช่นกัน จากนั้นก็ได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้น “เตรียมตัวให้พร้อม พี่เย่จือจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”
อาจั่วตอบรับด้วยรอยยิ้ม
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่จดหมายแผ่นเล็กในมือของนาง จดหมายถูกเขียนด้วยตัวอักษรที่คุ้นเคย และไม่สามารถคุ้นเคยไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นางหันหลังกลับและตรงไปยังสถานที่ที่อาจั่วเดินไป
ห้องครัวของสวนชิงมีขนาดใหญ่ มีบ่อน้ำด้านนอก มีควันพวยพุ่งออกมาจากห้องครัว และได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัวเป็นระยะ ๆ
โอ้ อย่างนั้นข้าจะต้มน้ำให้ เสียงของกู้ฟางสี่ดังขึ้น และเสียงนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่กระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน
ดูเหมือนน้ำเสียงจะไม่ค่อยมีความสุข
กู้เสี่ยวหวานกำลังรีบเตรียมสิ่งต่าง ๆ ทำให้ไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่มีความสุขของกู้ฟางสี่เลย
“ท่านอา คืนนี้ข้าจะเป็นคนเตรียมอาหารเอง พี่เย่จือชอบอาหารของข้า” กู้เสี่ยวหวานเดินเข้าไปในครัว พับแขนเสื้อขึ้น และวางแผนที่จะล้างมือและทำอาหาร
“เจ้าจะทำอะไร?” กู้ฟางสี่หยุดนางทันทีเมื่อเห็นและพูดอย่างเป็นทุกข์ “ช่วงนี้เจ้าลำบากมามาก เจ้าควรกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนเสีย ที่นี่ไม่ต้องการเจ้า”