ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1672 ข้าจะขอรักแต่เจ้าเพียงผู้เดียว
บทที่ 1672 ข้าจะขอรักแต่เจ้าเพียงผู้เดียว
มันยากสำหรับนางที่จะตกหลุมรักใครสักคนที่ปฏิบัติต่อนางราวกับสมบัติล้ำค่า และมอบความรักลึกซึ้งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนให้
เขาไม่ต้องการชีวิตของเขาก็ได้ แต่ไม่ต้องการนางไม่ได้
เขาไม่ต้องการเงินก็ได้ แต่ไม่ต้องการนางไม่ได้
เขารักนางหมดหัวใจ นางจะยอมให้เขาหลงรักคนอื่นได้อย่างไร
ลมหายใจอันอบอุ่นของคนในอ้อมแขนเป่ารดที่ต้นคอของเขาราวกับต้องคำสาป
การเต้นของหัวใจรวมถึงคำพูดที่เป็นกังวลและเอาแต่ใจทำให้ฉินเย่จือจมดิ่งลงอีกครั้ง
เขานิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใด และทำเพียงผลักคนในอ้อมกอดออก ประคองใบหน้าเล็กที่แสนบอบบางด้วยมือใหญ่คู่หนึ่งแล้วบรรจงจูบนางอีกครั้ง
รสจูบนั้นทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตัวอ่อนยวบ ในที่สุดเขาก็ปล่อยนางไปและกล่าวคำสาบาน
“ข้าต้องการแต่เจ้าเท่านั้น”
เขาลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างหลงใหล น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ่อนโยน เขาไม่ได้พูดสิ่งใดให้มากความ แต่กลับกล่าวคำที่ทำให้นางมั่นใจ
มีหญิงสาวมากมายในใต้หล้า แต่นางเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาตกหลุมรัก
ก่อนที่นางจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พี่เย่จือ ข้าต้องการแค่ท่าน”
มีชายหนุ่มมากมายในใต้หล้า แต่เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้นางตกหลุมรัก
กู้ฟางสี่มองไปที่ไข่มุกราตรีที่สว่างไสวในห้อง จากนั้นมองไปที่อาจั่วที่กำลังเฝ้าประตูแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เสี่ยวหวานตอนนี้โตขึ้น และมีความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อครู่นางพูดเช่นนั้นออกไปก็เพราะตนเองเสียใจแทนเสี่ยวหวาน
ในบรรดาคู่รักที่นางเคยพบเจอ ภรรยามีหน้าที่ดูแลสามีและลูก ๆ อยู่ที่บ้าน และสิ่งต่าง ๆ ภายนอกล้วนถูกจัดการโดยผู้เป็นสามี แต่สำหรับเสี่ยวหวานและฉินเย่จือ นางไม่เห็นเช่นนั้น
เวลาอยู่ด้วยกันก็ตัวติดกันหนึบราวขนมตังเม เมื่อถูกแยกออกจากกกัน ก็จะไม่ร้องไห้ ไม่สร้างปัญหา ไม่ทำให้ใครต้องเป็นห่วง
จากมุมมองของกู้ฟางสี่ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่มาอยู่เคียงข้าง นางจะรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นไม่รักนาง
แต่ความคิดของกู้เสี่ยวหวานไม่ใช่แบบนั้น ทุกคนเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงจุดนั้นไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้ นางยังเคยชินกับการเป็นอิสระ และนางจะไม่ปล่อยให้คนอื่นต้องแก้ไขในสิ่งที่นางสามารถแก้ไขได้ นับประสาอะไรกับการร้องไห้
กู้ฟางสี่รู้นิสัยของกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเอ่ยออกมา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากภายในห้อง สิ่งที่นางเพิ่งพูดไปนั้นเหมื่อนกับไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ย่อมเป็นเรื่องดีเช่นกันที่สามารถหาคนรักที่สามารถไว้ใจกันได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่เข้าใจโลกของหนุ่มสาว แต่รู้เพียงว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคู่คือการหาใครสักคนที่จริงใจและดีกับนางในชีวิตนี้
และหวังว่าฉินเย่จือจะเป็นคนที่เสี่ยวหวานกำลังมองหา
เมื่อก่อนเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม และในอนาคตก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไป
กู้ฟางสี่นั่งลงตรงลานนอก อาจั่วมองกู้ฟางสี่พลางคิดถึงเรื่องนี้ในใจจึงลุกขึ้น และหยุดลงข้างกู้ฟางสี่ “ท่านอา พี่ใหญ่ฉิน ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด”
ถึงจะบอกไม่ได้ว่าทำไมไม่เป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่นายท่านปฏิบัติกับคุณหนู สักวันท่านอาจะต้องรู้แน่ ๆ
เมื่อเห็นอาจั่วมาเกลี้ยกล่อมตนเอง กู้ฟางสี่จึงพยักหน้าส่งสัญญาณบอกว่าข้ารู้ หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนุ่มสาว นอกจากนี้เสี่ยวหวานยังเป็นเด็กที่จิตใจเข้มแข็งและมีความสามารถ การที่นางกล่าวว่าตนเองชอบฉินเย่จือนั่นก็แปลว่าเขาต้องเป็นคนดีมากอย่างแน่นอน
ตอนแรกกู้ฟางสี่ก็คิดว่าชายหนุ่มเป็นคนดี
แต่เมื่อเกิดเรื่องกับร้านจิ่นฝูในครั้งนี้ ฉินเย่จือกลับไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้ง แรกเริ่มเดิมทีกู้ฟางสี่ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องของฉินเย่จือ แต่เรื่องนี้นางรับไม่ได้จริง ๆ
เมื่อเห็นกู้ฟางสี่ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ อาจั่วก็ส่ายศีรษะเช่นกัน
ถ้านางรู้ว่าตอนนี้กู้ฟางสี่กำลังคิดอะไรอยู่ นางคงอดไม่ได้ที่จะเล่าทุกสิ่งที่นายท่านได้ทำเพื่อร้านจิ่นฝูในทุกวันนี้
แต่ในเมื่อนายท่านไม่พูด นางก็ไม่อาจพูดออกไปได้ และนางก็เข้าใจในสิ่งที่ท่านอากำลังเป็นกังวล
เหมือนกับครั้งที่แล้ว เซี่ยงหย่วนหลินนำทหารร้อยคนในชุดเกราะเต็มยศมาที่สวนชิงเพื่อจับกุมคุณหนู ในเวลานั้นพวกนางยังคร่ำครวญว่าทำไมนายท่านไม่สั่งการ เป็นไปได้ไหมว่าคุณหนูจะถูกเซี่ยงหย่วนหลินจับตัวไปจริง ๆ?
ในเวลานั้นพวกนางตื่นตระหนกและไม่รู้อะไรจนกระทั่งได้รู้ในภายหลังว่านายท่านได้เตรียมการไว้แล้ว
เซี่ยงหย่วนหลินมาจับกุมคุณหนู แต่นายท่านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน นายท่านจึงได้ร้องขอให้ฮ่องเต้ออกราชโองการเรียกคุณหนูเข้าเฝ้า
แม้แต่การที่คุณหนูได้เลื่อนขั้นเป็นอันผิงจวิ้นจู่ เรื่องนี้ก็เป็นความดีความชอบของนายท่าน
ฮ่องเต้ไว้วางใจนายท่าน เนื่องจากนายท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อปกป้อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย
แต่คราวนี้เป็นข้อยกเว้น
ฉินเย่จือกอดกู้เสี่ยวหวานแน่น และทั้งสองคนก็หลับไปตลอด การหลับไปครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาหายเหนื่อย และรู้สึกไม่เต็มใจที่จะลุกขึ้น
“พี่เย่จือ ครั้งนี้ข้าได้รับการเลื่อนขั้นเป็นอันผิงจวิ้นจู่แล้ว และมีคุณหนูหลายคนส่งของขวัญมาแสดงความยินดี เนื่องจากเหตุการณ์ในร้านจิ่นฝูเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นข้าจึงต้องส่งของขวัญกลับไป เสี่ยวอี้และท่านอาได้เตรียมตุ๊กตาสำหรับพวกนางไว้แล้ว และข้าวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในสวนชิงและเชิญเฉพาะคุณหนูที่ส่งของขวัญมา ท่านคิดอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานแสดงความในใจและถามฉินเย่จือ
ฉินเย่จือมองนางและยิ้ม “ทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ”
“อย่างไรก็ตาม มีกฎมากมายในเมืองหลวง อาจั่วนับจำนวนและมีผู้หญิงมากกว่ายี่สิบคนที่มอบของขวัญแสดงความยินดี เมื่อถึงเวลาเราควรจัดงานเลี้ยงอย่างไรดี” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างไม่สบายใจ
ชาติที่แล้วนางไม่ชอบงานเลี้ยงเอามาก ๆ เว้นแต่จะเป็นงานเลี้ยงพิเศษที่สำคัญ นางจึงจะเข้าร่วม และต้องไปเป็นการส่วนตัวเท่านั้น นางจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตั้งแต่การเตรียมงานไปจนถึงหลังจบงานเลี้ยงจะต้องมีกระบวนการและกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
แม้แต่ในโลกนี้นางก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงสองครั้งและนางก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เมื่อถึงเวลาที่นางจำเป็นต้องจัดงานเลี้ยง ดวงตาของนางก็มืดบอด
……….