ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1673 เจ้าภาพจัดงานเลี้ยง
บทที่ 1673 เจ้าภาพจัดงานเลี้ยง
“เรื่องนี้ให้อาจั่ว โค่วตัน และโค่วไห่จัดการเถอะ พวกเขาสามคนรู้ว่าควรทำอย่างไร” ฉินเย่จือเห็นท่าทางเศร้าของนางก็รีบเอ่ยขึ้น
ฉินเย่จือตกลงแล้วว่าจะมอบหมายเรื่องนี้ให้อาจั่ว โค่วตัน และโค่วไห่จัดการ เพราะรู้ว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความสามารถในเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงยอมปล่อยให้พวกซื้อของเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยง และทั้งสามก็ทำมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ทั้งยังมารายงานสถานการณ์กับกู้เสี่ยวหวานบ่อย ๆ และเสนอแนะความคิดเห็นของตัวเองออกมาในสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานคาดไม่ถึง แต่พวกเขากลับสังเกตอย่างระมัดระวัง
แต่ทั้งสองประเด็นนี้ กู้เสี่ยวหวานปล่อยให้ทั้งสามคนจัดการอย่างไร้ซึ่งความกังวล
สิบวันผ่านไป
วันที่ 17 เดือน 11
บนปฏิทินเขียนวงไว้ว่าเป็นวันที่ดีที่จะจัดงานเลี้ยง
เทียบเชิญจากกู้เสี่ยวหวานส่งมาบอกว่าจะมีขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 17 เดือน 11 เช้าวันนั้นกู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
นางเป็นตัวเอกของวัน ดังนั้นจึงต้องแต่งตัวให้โดดเด่นเพื่อไม่ให้คนอื่นดูถูก
ภายใต้ฝีมืออันยอดเยี่ยมของโค่วตัน ผมดำเนียนนุ่มราวหยกดำถูกหวีเป็นมวยขึ้นให้เป็นทรงเซียนเฟยจี้*[1] ประดับด้วยไข่มุกสีขาวหลายสิบเม็ด ขับให้เส้นผมดำเงางามยิ่งขึ้น ทั้งยังปักด้วยปิ่นระย้าที่ถูกแกะสลักเป็นดอกบัวขาวไว้ด้านหลังศีรษะ ยามเดินจะกระทบกันจนเกิดเสียงไพเราะน่าฟัง
ชุดคลุมยาวสีขาวปักลวดลายงดงาม ขอบเสื้อและแขนเสื้อสีเงินแวววาวปักลวดลายอันประณีตสีเขียวเข้ม บริเวณกระโปรงปักดอกบัวสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ รัดสายคาดเอวสีเดียวกัน เน้นรูปร่างที่ผอมเพรียวสมส่วน
สวมทับด้วยเสื้อคลุมกันลมขนจิ้งจอกสีเขียวเข้ม ทำให้สง่างามมากยิ่งขึ้น ข้อมือเรียวสวมใส่กำไลหยกขาว แยกไม่ออกว่าเป็นข้อมือขาวหรือกำไลหยกที่ขาวกว่ากัน
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานพาทุกคนไปตรวจสอบทุกอย่าง เมื่อพบว่าทุกอย่างไร้ข้อผิดพลาดจึงได้วางใจ
เนื่องจากมีคนรับใช้ในสวนชิงไม่มากนัก ลูกจ้างห้าหกคนจากร้านจิ่นฝูถูกดึงตัวมาจัดการงานในครัววันนี้ พวกเขายุ่งจนแทบหายใจไม่ทัน
ยกเว้นอาจั่วและโค่วตันที่ติดตามกู้เสี่ยวหวานทุกย่างก้าว ส่วนอีกคนค่อยสำรวจความเรียบร้อยของงานเลี้ยง
แม้แต่กู้เสี่ยวอี้เองก็ถือว่างานเลี้ยงภายในวันนี้สำเร็จได้ด้วยดีจากฝีมือของทั้งนายและบ่าว
ถานอวี้ซูและฟางเพ่ยหยายังพาสาวใช้ของตัวเองสองสามคนมาช่วยกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าคุณหนูที่ได้รับคำเชิญก็เริ่มทยอยกันมา
ครั้นกวาดสายตามองสวนชิงในตำนาน แม้ว่าการตกแต่งภายในจะไม่หรูหราแต่กลับให้บรรยากาศสูงส่งและสงบสุข เวลาตอนนั้นสวนชิงนี้ถูกซ่อนจากสายตาผู้คน แต่ตอนนี้ยังคงเป็นเหมือนดั่งเมฆหมอกมิอาจลบเลือนเผยความลับ
หลิวซืออี๋และหลิวเสวี่ยอิ๋งเป็นคนแรกที่มาถึง
เนื่องจากฐานะของกู้เสี่ยวหวานไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้คุณหนูที่มีฐานะธรรมดาเห็นนางย่อมต้องทำความเคารพกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้พิธีรีตรองมาก
หลิวซืออี๋เห็นกู้เสี่ยวหวานที่ลานบ้าน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ย่างเข้าฤดูหนาว ไม่ว่าเรือนใดลานใดก็ไร้ซึ่งใบไม้ใบหญ้า สวนชิงของกู้เสี่ยวหวานไม่มีต้นไม้หายากและแปลกใหม่ให้ทุกคนได้ชมเหมือนจวนหมิงอ๋อง นางคิดอยู่นานก็เลือกสวนซวงเฟิงในสวนชิง
สวนซวงเฟิง พอเห็นชื่อก็รู้ว่าเป็นสถานที่ชมใบเฟิงตามธรรมชาติ
ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงใบต้นเฟิงล้วนเปลี่ยนเป็นสีแดง ใบต้นเฟิงสีแดงเต็มต้นราวกับถูกย้อมด้วยสีชาด ในฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้แห้งเหี่ยวเหลืองกรอบแบบนี้ก็กลายเป็นอีกภาพที่สวยสะดุดตา
“จวิ้นจู่ ใบเฟิงนี้สวยจริง ๆ” หลิวซืออี๋หยิบใบเฟิงขึ้นมาจากพื้น แตะเข้าปลายจมูกแล้วดมเบาๆ ดูเหมือนว่าใบเฟิงจะยังมีกลิ่นติดอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและเพลิดเพลินกับมันสักพัก ท่าทางสวยหยาดเยิ้ม เกรงว่าหากผู้ใดเห็นอาจจะต้องตกหลุมรัก
ใบหน้าด้านข้างรงดงามราวหยกขาวที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตและงดงามภายใต้แสงอาทิตย์ รอบกายล้วนถูกปกคลุมด้วยเสน่ห์อันแสนบางเบา คอที่เล็ก ยิ่งทำให้หลงรัก
เห็นท่าทางนุ่มนวลน่ารักนี้ของหลิวซืออี๋ กู้เสี่ยวหวานไม่ได้นำมาใส่ใจ หญิงสาวที่มาวันนี้ทุกคนล้วนอยากอวดโฉมความงาม อยากแสดงความเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนกับคนอื่น กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ
“พวกเจ้าชอบก็ดีแล้ว” กู้เสี่ยวหวานมองหลิวซืออี๋และพูดเบา ๆ
วันนี้หลิวซืออี๋คนนั้นสวมชุดสีชมพู กระโปรงผ้าย่นสีขาวไข่มุก ขาวนวลดุจหยก แต่งหน้าบางเบา เพิ่มสีสันด้วยชาดบริเวณปาก แก้มสองข้างแดงเหมือนดอกฉยงฮวาที่บานสะพรั่ง
คิ้วเรียวดั่งใบหลิว ดวงตาที่อ่อนเยาว์และใสซื่อคู่หนึ่งกะพริบราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่กำลังตื่นตระหนก
น่าเสียดาย คิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยดูเหมือนกำลังเอาแต่ลบล้างความไร้เดียงสาที่แสดงออกไป
เช่นเดียวกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ไร้พิษสง มองอย่างไรก็ล้วนทำให้รู้สึกว่าคน ๆ นี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
หากไม่ดูสิ่งอื่น ใบหน้าของหลิวซืออี๋คนนี้ย่อมเป็นที่หนึ่ง
น่าเสียดาย ความโลภและความโอหังระหว่างคิ้วและตาเผยให้เห็นธาตุแท้ของหญิงคนผู้นี้อย่างชัดเจน
ในทางกลับกันหลิวเสวี่ยอิ๋งอยู่ข้าง ๆ กลับยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ มือวางลงข้างหน้าอย่างสงบ ตายังมองไปที่ใบเฟิง คลี่ยิ้มเพียงเล็กน้อย สีหน้าของนางดูซีดเซียว สง่างามไม่ใช่น้อย
แขกเหรื่อที่เหลือเริ่มทยอยกันเข้ามา ไม่ถึงเที่ยงทุกคนที่ได้รับเชิญก็มาถึงที่นี่ ภายในนั้นมีไม่กี่คนที่กู้เสี่ยวหวานรู้จัก บางคนก็เคยพบในงานเลี้ยงจวนหมิงอ๋อง และงานเลี้ยงที่จวนซู
พวกเขาไม่มีท่าทีต่อต้านกู้เสี่ยวหวาน ครั้นเห็นพวกนางมามอบของขวัญ กู้เสี่ยวหวานก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
ในหมู่พวกเขามีคนหนึ่งที่กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จัก
ผู้หญิงคนนั้นมองดูแล้วราวกับอายุสิบสี่ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รูปร่างไม่สูงทว่าท่าทางดูสง่างาม
ตอนนี้เห็นแม่นางคนนั้นใส่เสื้อแขนยาวสีชมพู กระโปรงจีบลายพระจันทร์สีเดียวกัน ปักลวดลายสีชมพูบนชายเสื้อ มวยผมสีดำง่าย ๆ ส่วนที่เหลือห้อยอยู่ที่คอ และอัญมณีสีทองเม็ดเล็กห้อยอยู่ที่หน้าผากซึ่งเหมาะมาก
[1] เฟยเซียนจี้ หรือ มวยผมเซียนโบยบิน ทรงผมนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงสมัยฮั่น โดยเลียนแบบมาจากทรงผมของเซียนหรือเทพยดา เป็นทรงผมประเภทเกล้ามวยสูงโดยจะรวบผมไปไว้ด้านหลังให้เรียบร้อย จากนั้นแบ่งช่อเป็นมวยสูงพุ่งชี้ฟ้าสองข้าง ให้มีรูปร่างเหมือนเซียนสาวกำลังกางปีกโบยบิน