ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1677 การมาขององค์หญิง
บทที่ 1677 การมาขององค์หญิง
เมื่อครู่ซูหมิ่นยังคิดแต่จะทำให้กู้เสี่ยวหวานต้องอับอาย จงใจหยุดรถม้าอยู่ที่หน้าประตูสวนชิง นางจึงไม่ทันสังเกตว่ารถม้าขององค์หญิงลี่หัวนั้นอยู่ด้านหลังนาง
นางจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เมื่อครู่หม่อมฉันเผลอหลับอยู่บนรถม้า สาวใช้ที่โง่เขลาของหม่อมฉันคนนี้ไม่ยอมเรียกหม่อมฉัน เมื่อครู่ได้ยินเสียงขององค์หญิง จึงรู้สึกตัวตื่นขึ้น หวังว่าองค์หญิงคงจะไม่ถือโทษ”
ไฉ่เยว่ก้มหน้าลงด้วยความกลัวจนหัวของนางแทบจะจมลงไปที่พื้น เนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว นางเฝ้ามองอยู่ที่หน้าประตูสวนชิงมาอยู่ตลอด คงไม่สนใจการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหลัง
คำพูดขององค์หญิง ทำให้กู้เสี่ยวหวานก้มหน้ายิ้ม
เดิมทีองค์หญิงลี่หัวพึ่งมาถึงได้ไม่นานจะรออยู่ได้อย่างไร นางแค่อยากทำให้ซูหมิ่นระเบิดออกมาเท่านั้น ซูหมิ่นคนนี้อีกไม่นานก็คงระเบิดออกมา
“เจ้ากับข้าเป็นญาติกัน ข้าจะถือโทษโกรธเจ้าได้อย่างไรกัน” บนใบหน้ามีรอยยิ้มเยือกเย็น พูดอย่างต้องการจะสื่อความหมายบางอย่าง “ถ้าหากหมิ่นเอ๋อร์เหนื่อย งั้นก็กลับไปพักเถอะ ดูจากดวงตาลึกโบ๋ สีหน้าซีดเซียวราวกับคนแก่แล้ว ควรพักผ่อนให้ดี”
คำพูดขององค์หญิงลี่หัว ทำให้ซูหมิ่นรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที
ซูหมิ่นเป็นคนรักสวยรักงามเป็นที่สุด การแต่งตัวในวันนี้ยิ่งต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เห็นนางปักปิ่นด้วยรูปนกยูง สวมกระโปรงสีทอง ทำให้รูปร่างของนางดูโดดเด่นขึ้น ยิ่งเรียกได้ว่าใบหน้าขาวใส นวลเนียนนั้นผ่านการแต่งแต้มมาอย่างพิถีพิถัน
ด้านนอกมีเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว ขนสุนัขจิ้งจอกเรียวยาวอ่อนนุ่มสีขาวราวกับหิมะ ไม่มีความยุ่งเหยิงแม้แต่น้อย ดู ๆ แล้วช่างเป็นของชั้นเลิศจริง ๆ
ผมหนาม้วนเกล้าสูงขึ้น ขนตาหนาดำดูขุ่นมัวเล็กน้อย ทำให้ไม่อาจมองดวงตาที่ดูลึกล้ำคู่นั้นได้ถนัด ตรงกลางระหว่างคิ้วมีรูปฮวาเตี้ยนที่ถูกแต้มอย่างประณีตยิ่งทำให้นางดูสวยสง่ามากขึ้น
ซูหมิ่นยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโดดเด่นและขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับองค์หญิงลี่หัวที่ดูแสนธรรมดาเรียบง่ายที่อยู่ข้าง ๆ เนื่องจากพึ่งไปไหว้พระสวดมนต์มาเมื่อสองสามวันนี้แล้วมันช่างแตกต่างกันมาก
ถ้าจะพูดว่าซูหมิ่นเป็นนกยูงที่มีสีสัน องค์หญิงลี่หัวผู้นั้นก็ต้องเปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ในสระน้ำใสสะอาด ถึงแม้จะดูสวยงามแต่ก็ดูจืดชืด
ฐานะที่สูงศักดิ์เกินกว่าจะหาใครเทียบ แต่กลับสู้ฐานะอย่างจวิ้นจู่ไม่ได้ องค์หญิงชำเลืองมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
องค์หญิงลี่หัวและกู้เสี่ยวหวานเดินเข้าในสวนชิงด้วยท่าทีที่สนิทสนม เมื่อเห็นองค์หญิงลี่หัวปฏิบัติกับกู้เสี่ยวหวานด้วยความสนิทสนมเช่นนั้น ซูหมิ่นจึงขบฟันด้วยความโกรธ
ซูเฉี่ยนเยว่รีบประคองซูหมิ่น หญิงสาวจึงไม่ทันระวังมือของนางที่สะบัดออก และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “อย่ามาแตะต้องตัวข้า”
ซูเฉี่ยนเยว่กัดริมฝีปากสีแดงของตัวเองแน่น ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจ “พี่หมิ่น”
ความน่าสงสารเช่นนั้น ทำให้คิ้วของซูหมิ่นขมวดขึ้น ในใจก็ยิ่งโกรธเกลียด แต่เมื่อนึกถึงใครบางคนในครอบครัวของนาง หญิงสาวจึงไม่กล้าแสดงสีหน้าออกมาแม้แต่น้อย “พวกเราไปกันเถอะ”
พูดจบจึงเอื้อมไปจับมือของซูเฉี่ยนเยว่ นางจึงเปลี่ยนจากสีหน้าที่เศร้าสร้อยเป็นสีหน้าที่มีรอยยิ้ม และประคองซูหมิ่นเข้าไปที่สวนชิง
เหล่าคุณหนูต่างพากันลุกขึ้นเพื่อมาต้อนรับหมิงตูจวิ้นจู่ที่ทางเข้าสวน คิดไม่ถึงว่าคนที่เดินเข้ามาตรงหน้านั้นจะเป็นหญิงสาวที่มีฐานะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้าชิงในตอนนี้นอกจากไทเฮาและอองเฮาแล้ว หญิงสาวที่มีฐานะที่สูงศักดิ์อีกคนก็มีแค่องค์หญิงลี่หัว
สาวใช้และนางกำนัล ต่างพากันยืนถือของขวัญอวยพรที่คลุมด้วยผ้าสีเหลืองทองบนถาดผ้าที่ประณีต ตอนนี้ผู้คนต่างไม่มีใครใส่ใจที่จะคิดว่าหมิงตูจวิ้นจู่นั้นมีเจตนาอะไร ต่างพาหันหน้าไปทางองค์หญิงลี่หัวแล้วคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ
องค์หญิงกับจวิ้นจู่ผู้นี้ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“คำนับองค์หญิงลี่หัว” เหล่าคุณหนูต่างคุกเข่าลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้ยินเสียงองค์หญิงลี่หัวแล้ว ทุกคนจึงค่อย ๆ พากันลุกขึ้นและแสดงความขอบคุณ
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยองค์หญิงลี่หัว”
ทุกคนต่างพากันก้มหน้าลงเมื่อเห็นหมิงตูจวิ้นจู่ แล้วจึงแสดงความเคารพอีกครั้งให้นาง “หมิงตูจวิ้นจู่”
ช่องว่างระหว่างหน้าและหลัง แสดงฐานะขององค์หญิงและจวิ้นจู่ออกมาได้อย่างชัดเจน
องค์หญิงก็คือองค์หญิง จวิ้นจู่ก็คือจวิ้นจู่
คนสองคนถึงแม้จะมีคำที่เหมือนกันหนึ่งคำ แต่ฐานะกลับต่างกันราวฟ้ากับดิน
ซูหมิ่นยอมรับว่าการแสดงความเคารพที่เกิดขึ้นด้านนอกเมื่อครู่ทำให้นางโกรธมาก ในใจรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ยิ่งโกรธในใจก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาอุดอยู่ในใจ ให้รู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงลี่หัวนั่งลงแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงนั่งลงด้านขวามือของนาง ด้านข้างของกู้เสี่ยวหวานคือถานอวี้ซู ซูหมิ่นนั่งอยู่ด้านซ้ายมือขององค์หญิงลี่หัว ด้านหลังเป็นเหล่าคุณหนูที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน นั่งตามลำดับฐานะและตำแหน่งของพวกนาง
ซูหมิ่นคิดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานจะจัดงานเลี้ยง และเชิญผู้คนมามากมายได้เช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบ ๆ เมื่อมองคนเหล่านี้ นางจึงพยักหน้าให้เบา ๆ แต่เมื่อนางเห็นคนที่นอกเหนือจากคนเหล่านี้ ดวงตาที่แต่งแต้มอย่างสวยสดงดงามและอันตรายคู่นั้นหรี่ลงในทันที ล้วนเป็นเหล่าคุณหนูที่มาร่วมงานโดยที่ไม่ได้รายงานกับนาง
สายตาของซูหมิ่นราวกับมีดที่แหลมคม นางกวาดสายตาไปที่คุณหนูเหล่านั้น ที่ไม่ได้บอกกล่าวกับนางก่อน เหล่าคุณหนูทั้งหลายมีท่าทีตกใจ ต่างพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง
แต่ถูกจับได้ก็คือถูกจับได้ แม้จะพยายามซ่อนตัวแค่ไหนหมิงตูจวิ้นจู่ก็เห็นอยู่ดี
คุณหนูเหล่านั้นรู้สึกราวกับตนเองนั้นถูกสายตาของงูพิษจ้องมอง พวกนางรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ราวกับว่างูพิษตัวนั้นกำลังพ่นพิษและเลื้อยไปบนร่างกายของพวกนาง ความรู้สึกที่สัมผัสได้เช่นนี้ทำให้สีหน้าของพวกหน้าซีดเผือด
กู้เสี่ยวหวานพบความผิดปกติเช่นนี้ ในใจเกิดความคิดบางอย่าง นางจึงเดาความคิดของซูหมิ่นออก
เหล่าคุณหนูที่ถูกนางจ้องมองอยู่นั้น เกรงว่าคงไม่ได้บอกนางเรื่องที่มาร่วมงาน
ช่างน่าขันเสียจริง ซูหมิ่นผู้นี้ต้องการดึงให้เหล่าคุณหนูในเมืองหลวงมาอยู่ฝ่ายเดียวกับนางโดยใช้ฐานะที่สูงศักดิ์ของตัวเอง
แต่น่าเสียดาย ที่ยังมีปลาที่ลอดตาข่ายมาได้ เดิมทีก็มีใครบางคนที่ไม่แม้แต่จะสนใจมองซูหมิ่น นั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก ๆ ด้านหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบโดยไม่พูดอะไรสักคำ
คนคนนั้นคือหลินจิ้งหรูหลานสาวของหลินไห่เทียนประมุขผู้ดูแลสำนักบัณฑิต
เมื่อซูหมิ่นกวาดสายตามองไปที่หลินจิ้งหรู่ สายตาก็เกิดความประหลาดใจบางอย่าง แม้แต่ซูเฉี่ยนเยว่ที่นั่งอวดดีอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นคนคนนี้ ก็อดที่จะถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ “พี่หมิ่น นางมาที่นี่ได้อย่างไร”
……….