ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1682 หนึ่งแสนตำลึงเงิน
บทที่ 1682 หนึ่งแสนตำลึงเงิน
“ไร้สาระ!” ซูหมิ่นตะคอกอย่างเย็นชาเมื่อได้ยิน “คุณหนูหลิน ข้ามีตุ๊กตาหลายตัวในจวนของข้า สำหรับตุ๊กตาของร้านหล่านเยว่หนึ่งแบบล้วนมีหนึ่งเดียวในโลกล้า ส่วนของที่อื่นเป็นของปลอมทั้งหมด เรื่องแค่นี้แต่ทำไมคุณหนูกลับไม่รู้กันนะ”
หลินจิ้งหรูพยักหน้าและพูดอย่างรู้เท่าทัน “สิ่งนี้มีเฉพาะในร้านหล่านเยว่เท่านั้น และรอยเย็บบนตุ๊กตานี้ใช้เฉพาะในร้านหล่านเยว่เท่านั้น”
ดังนั้นเห็นว่ารอยเย็บที่ข้อต่อของตุ๊กตา เพื่อให้ตุ๊กตาดูดีกู้เสี่ยวอี้จึงใช้ตะเข็บดอกเหมยที่กู้เสี่ยวหวานสอน ตะเข็บที่ปักในตอนท้ายดูเหมือนดอกเหมย โดยทั่วไปแล้วรูปลักษณ์ของตุ๊กตาทั้งตัวจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น
คนที่เคยซื้อตุ๊กตาต่างทยอยเข้าไปดู แน่นอนนี่คือตะเข็บดอกเหมยที่มีเฉพาะร้านหล่านเยว่เท่านั้น ตราบใดที่ร้านหล่านเยว่มีสินค้าใหม่ ร้านค้าอื่นจะเลียนแบบทันที แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำเลียนแบบอย่างไรก็ไม่สามารถเลียนแบบตะเข็บดอกเหมยที่มีเพียงร้านหล่านเยว่เท่านั้นได้
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครจะแยกชิ้นส่วนของตุ๊กตาที่มีมูลค่าถึงหลายพันตำลึงเงินได้
ในโลกนี้มีเพียงร้านหล่านเยว่เท่านั้นที่กล้าขายตุ๊กตาราคาหลายพันตำลึงเงิน
“โอ้สวรรค์ นี่คือตุ๊กตาจากร้านหล่านเยว่จริง ๆ ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นของปลอมเสียอีก” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็มีของแท้แล้ว”
คุณหนูที่เหลือที่ยังไม่ได้ให้ตุ๊กตาต่างกระโดดขึ้นอย่างมีความสุข ไม่ต้องพูดถึงเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน แต่ต่อให้มีเงินก็ซื้อตุ๊กตาตัวนี้ไม่ได้
อันผิงจวิ้นจู่คนนี้ช่างใจกว้างจริง ๆ นางให้ของขวัญมูลค่าหนึ่งพันตำลึงเงินกลับคืนมาเพื่อแสดงคำขอบคุณ ของที่พวกนางมอบให้แทบจะมีราคาไม่ถึงหนึ่งพันตำลึงเงินเลยด้วยซ้ำ มันนับว่าเป็นกำไรของพวกนางแล้ว
“หมิ่นเอ๋อร์ อย่าลืมว่าตุ๊กตาของข้าเป็นผลิตภัณฑ์ของร้านหล่านเยว่ สิ่งที่ข้าต้องการคือของแท้ เจ้าอย่าหลอกลวงข้าด้วยของตามแผงลอยเด็ดขาด” องค์หญิงลี่หัวยิ้มและพูดอย่างมีมารยาท
ทุกคนตกตะลึงในทันที หมิงตูจวิ้นจู่กล่าวว่าจะมอบตุ๊กตาตัวละหนึ่งพันตำลึงเงินให้องค์หญิงหนึ่งร้อยตัว
เงินหนึ่งแสนตำลึงเงิน…
หนึ่งแสนตำลึงเงิน ทุกคนตกใจกับตัวเลขนี้และมองไปที่ซูหมิ่นที่มีใบหน้ามืดมน
เมื่อซูหมิ่นได้ยินว่ามันเป็นของจากร้านหล่านเยว่ ความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นบนใบหน้า
อย่างไรก็ตามนางพยายามดึงความสงบกลับมา พร้อมกับยิ้มเยาะที่มุมปาก “จากรอยตะเข็บดอกเหมย ว่ากันว่าสิ่งนี้เป็นของร้านหล่านเยว่ แม้ว่าจะไม่เคยเห็นตะเข็บดอกเหมยนี้มาก่อน แต่ในโลกนี้มีช่างปักฝีมือดีมากมายนับไม่ถ้วน บางทีช่างปักคนอื่นอาจซื้อตุ๊กตาตัวนี้ไป และพยายามลอกเลียนแบบตะเข็บนี้ก็เป็นได้”
“หมิ่นเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นของร้านหล่านเยว่อย่างนั้นหรือ” หลังจากได้ยินคำพูดของซูหมิ่น องค์หญิงจึงถามกลับ
“ไม่ว่าจะเป็นของร้านหล่านเยว่หรือไม่ เมื่อถึงเวลาก็ถามเจ้าของร้านหล่านเยว่ดูเถอะ ถ้าเป็นของเขา เขาก็สามารถบอกได้ทันที” ซูหมิ่นพูดด้วยเสียงเย็นชา
“จริงสิ ลองถามเจ้าของร้านหล่านเยว่ดู” องค์หญิงพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นนางก็หันศีรษะไปถามกู้เสี่ยวหวานว่า “อันผิงจวิ้นจู่ ท่านคิดว่าอย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “สิ่งนี้มาจากร้านหล่านเยว่แน่นอน”
“เจ้าบอกว่าใช่ก็คือใช่อย่างนั้นหรือ” ซูหมิ่นมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกู้เสี่ยวหวาน และรู้สึกราวกับว่ามีกรงเล็บข่วนหัวใจของนางจนคันยุบยิบ “อันผิงจวิ้นจู่ อย่าได้พูดโกหกไป”
“ถ้าไม่ใช่ ให้ลงโทษข้าเสีย” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะอย่างร่าเริง โดยไม่สนใจรอยยิ้มเย็นชาของซูหมิ่นเลย
“เอาล่ะ ถ้าท่านพูดเช่นนั้น” ซูหมิ่นก็ตะคอกอย่างเย็นชาและตะโกนว่า “พวกเจ้า ไปที่ร้านหล่านเยว่แล้วเชิญเจ้าของร้านมาที่นี่”
“ไม่จำเป็นต้องเชิญมา” กู้เสี่ยวหวานพูดเบา ๆ “ข้าเองที่เป็นเจ้าของร้านหล่านเยว่”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เมื่อซูหมิ่นได้ยินสิ่งนี้ ร่องรอยความตกใจพลันฉายชัดบนใบหน้าเย่อหยิ่งนั้น
“หมิงตูจวิ้นจู่ ข้าเป็นเจ้าของร้านหล่านเยว่และช่างปักเองก็อยู่ที่นี่ด้วย นางคือน้องสาวของข้า กู้เสี่ยวอี้” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ นางก็ชี้ไปที่กู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านข้างและกระตุกยิ้มเย็น
แต่ในขณะนี้ซูหมิ่นสูญเสียความเย่อหยิ่งที่มีไปโดยสิ้นเชิง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและตะโกนอย่างเย็นชา “ไร้สาระ เจ้าน่ะหรือเป็นเจ้าของร้านหล่านเยว่ อย่ามาพูดเรื่องตลกหน่อยเลย เจ้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงจะทำออกมาได้งดงามเช่นนี้ วิธีการทำตุ๊กตานั้นซับซ้อนยิ่งกว่าของช่างปักในวังเสียอีก” ซูหมิ่นมองไปที่กู้เสี่ยวอี้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก
เมื่อเห็นว่านางไม่เชื่อ กู้เสี่ยวหวานก็ชำเลืองมองกู้เสี่ยวอี้ และทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาพร้อมเข็ม ด้าย และผ้า จากนั้นกู้เสี่ยวอี้ก็นำมาเย็บตะเข็บดอกเหมยต่อหน้าแขกทุกคน การกระทำของนางรวดเร็วเสียจนทุกคนมองไม่ทัน
ทันทีที่เย็บเสร็จ ก็ส่งมันให้ซูหมิ่นซึ่งยืนหน้าเสีย แต่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะซ่อนมันไว้ “หมิงตูจวิ้นจู่ โปรดตรวจสอบว่ารอยเย็บเหมือนตุ๊กตาที่ท่านซื้อก่อนหน้านี้หรือไม่”
ซูหมิ่นมองไปที่รอยเย็บด้วยความไม่เชื่อ
ตราบใดที่ดูรอยเย็บก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้เป็นของร้านหล่านเยว่
ไม่ต้องดู ไม่ต้องเปรียบเทียบ และไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป
เป็นตอนนั้นเองที่เห็นว่าใบหน้าของซูหมิ่นเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำ และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานราวกับว่านางกำลังมองดูสัตว์ประหลาด “เจ้าเป็นเจ้าของร้านหล่านเยว่หรือ เจ้าของร้านหล่านเยว่ไม่ใช่หลี่ฝานหรอกหรือ?”
“เป็นข้ามาตลอด แต่เพราะข้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ร้านหล่านเยว่จึงอยู่ภายใต้การดูแลของท่านลุงหลี่มาโดยตลอด ตอนนี้ข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว ร้านหล่านเยว่นี้จึงต้องมีข้าเป็นผู้ดูแล” กู้เสี่ยวหวานพูด
สีหน้าของซูหมิ่นย่ำแย่มาก ทุกคนกระซิบกระซาบกัน นอกเหนือจากความไม่เชื่อแล้ว ใบหน้าของนางยังเต็มไปด้วยความตกใจ
ความจริงที่ว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นเจ้าของร้านคนที่สองของร้านจิ่นฝูก็ทำให้พวกนางประหลาดใจแล้ว
ร้านหล่านเยว่ซึ่งมีค่าที่สุดในเมืองหลวงก็เป็นของนางเช่นกัน
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกต่อไป พวกนางทั้งหมดมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสีหน้าตกใจ
ตัวตนของจวิ้นจู่อันผิงนั้นไม่มีใครเทียบได้
ร้านจิ่นฝูและร้านหล่านเยว่เป็นร้านค้าที่ทำกำไรได้มากที่สุดในเมืองหลวง ตุ๊กตาในร้านหล่านเยว่หนึ่งตัวมีมูลค่าหลายพันตำลึงเงิน แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด
คนผู้นี้
สถานการณ์ในตอนนี้อธิบายได้ยากลำกบาก เมื่อครู่ยังคงมีการดูถูกกู้เสี่ยวหวานเกิดขึ้น และบางคนก็มีแผนการในใจ
……….