ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 169 ต้องการแก้แค้น
บทที่ 169 ต้องการแก้แค้น
บทที่ 169 ต้องการแก้แค้น
เมื่อเห็นว่ายังมีร่องรอยบาดแผลอยู่บนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงอันก็กัดริมฝีปากล่างของตนแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลลงมาจากดวงตา
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่านและน้องสาวกันแน่? เฉาซื่อนั่นบ้าไปแล้วหรือ? แล้วเหตุใดเสี่ยวอี้ถึงตกจากภูเขา ใครเป็นคนทำ!” กู้หนิงอันกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ ราวลูกสิงโตที่บาดเจ็บและต้องการแก้แค้น
“เฉาซื่อบอกว่าท่านปู่ทิ้งเงินไว้มากมาย และบอกว่าพวกเราขโมยมันไป”
“ดังนั้นนางจึงมาขอเงิน เมื่อเห็นท่านพี่ไม่ให้ นางเลยทุบตีท่านหรือ?” กู้หนิงอันถาม
“อือ!” กู้เสี่ยวหวานทำได้แค่ตอบหนึ่งคำ เมื่อนางเห็นว่ากู้หนิงผิงหยิบไม้กระบองและกำลังจะวิ่งออกไป กู้เสี่ยวหวานก็รีบเข้าไปกอดเขาไว้ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “หนิงผิง เจ้าจะทำอะไร?”
“ท่านพี่อย่าหยุดข้า ข้าจะไปตีเฉาซื่อให้ตาย!” กู้หนิงผิงแทบคลั่ง เฉาซื่อคนนั้นทำให้โลกวุ่นวายจริง ๆ
นางคิดว่าทุกคนในโลกนี้เป็นเหมือนนาง รักเงินเท่าชีวิต ใจแคบและโลภมาก
“หนิงผิง อย่าไปนะ!” ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานกลัว แต่พวกเราไปหาเฉาซื่อเพราะเรื่องนี้จะไปมีประโยชน์อะไร
การที่เฉาซื่อทุบตีนาง อย่างมากที่สุดก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม แต่ถ้ากู้หนิงผิงไปทุบตีนาง เจตนาไม่ดีของเฉาซื่อจะทำให้กู้หนิงผิงกลายเป็นคนไม่เคารพผู้อาวุโส ยิ่งกว่านั้น หากพวกเขารีบเร่งไปโดยไม่ได้เตรียมตัวเช่นนี้ พวกเขาจะตามไม่ทันความฉลาดของเฉาซื่อได้เลยด้วยซ้ำ!
“ท่านพี่ ข้าไม่กลัวนาง ข้าต้องการฆ่านาง!” กู้หนิงผิงตะโกนเสียงดัง เมื่อกู้หนิงผิงคิดถึงเรื่องที่กู้เสี่ยวหวานถูกเฉาซื่อถูกทำร้าย เขาก็รู้สึกปวดใจ
กู้หนิงอันยังกล่าวอีกว่า “ท่านพี่ ข้าจะไปกับหนิงผิง ข้าจะไปถามเหตุผลกับเฉาซื่อ!”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าน้องชายทั้งสองเดือดดาล โดยเฉพาะกู้หนิงอัน เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าโศกและเจือไปด้วยความโกรธเคืองของเขา กู้เสี่ยวหวานก็ทั้งรู้สึกซาบซึ้งทั้งรู้สึกจนใจ
“หนิงอัน หนิงผิง ฟังข้านะ!” เมื่อเห็นว่าน้องทั้งสองหุนหันพลันแล่น กู้เสี่ยวหวานก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ทำไมเฉาซื่อถึงมาที่บ้านของเรา นั้นก็เพราะเรื่องเงิน! ถ้าเราไม่ให้ นางจะมาเสียเปล่า! ถ้าเราไปยุ่งกับนาง ครอบครัวของพวกเราก็ต้องอธิบายให้ทุกคนฟังว่าเสื้อผ้าชุดใหม่ของเรามาจากไหน? และจะอธิบายได้อย่างไรว่าเงินสำหรับไปสำนักศึกษาของพวกเจ้ามาจากไหน?”
“ท่านพี่ เห็นได้ชัดว่าท่านกำลังเอาชีวิตมาเสี่ยง…” กู้หนิงผิงกังวลและโพล่งออกมา
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว ตอนแรกนางไม่ได้คิดเกี่ยวกับข้อสันนิษฐานของเฉาซื่อ แต่ต่อมานางคิดอย่างรอบคอบว่า ถ้านางไปหาเฉาซื่อจริง เฉาซื่อและทุกคนจะถามพวกเขาเกี่ยวกับเสื้อผ้าใหม่ของพวกเขาว่ามาจากไหน ถามพวกเขาว่าเงินสำหรับไปสำหนักของกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงมาจากไหน จะทำอย่างไร?
ในหมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้ น้อยคนจะอยู่ข้างพวกเขา กู้เสี่ยวหวานเห็นได้ชัดเจนจากการตามหาน้องสาวของนางในวันนั้น
ถ้าเป็นเรื่องร้ายแรงก็จะเชิญหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานนึกถึงท่าทางของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็พลันรู้สึกโกรธเคืองเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เดิมพันคืนนั้น ถ้ากู้เสี่ยวหวานแพ้ นางจะต้องย้ายออกจากหมู่บ้านอู๋ซี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวอี้และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหลียงต้าเปา เหลียงต้าเปาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเขา
สิ่งที่พูดในคืนนั้นยังดังก้องอยู่ในหู กู้เสี่ยวอี้ได้รับบาดเจ็บไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็จริง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ต้องการชีวิตของเหลียงต้าเปาเลย ทว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้สนใจหลานชายที่มีค่าของเขามากเกินไป เพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะฆ่าหลานชายของเขาในเวลานั้น หรือไม่ก็กลัวว่าเรื่องภายนอกจะส่งผลเสียต่อเหลียงต้าเปา
ได้ยินมาว่าภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็เก็บของทั้งคืน และพาเหลียงต้าเปากลับไปบ้านตายายของเขา
จากไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เพื่อรักษากู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวหวานได้ใช้เงินทั้งหมดที่นางมีไปกับรากโสมแล้ว เมื่อรวมกันแล้วคงมีเงินเพียงร้อยตำลึงเงินเท่านั้น กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงก็กำลังเรียนอยู่ข้างนอกและค่าอาหารรายเดือนของพวกเขาก็แพงมาก อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวอี้ยังคงป่วยอยู่บนเตียง และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถออกไปหาเงินได้
“เงินในครอบครัวของเรา พวกเจ้ารู้ว่าเงินนั้นหามาจากไหน ไม่ใช่ขโมยมา ไม่ได้แย่งมา เป็นรายได้ที่เราหามาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ถ้าประกาศเรื่องนี้ออกไป ในอนาคตเราจะหาอาหารจากภูเขานี้ได้ยากขึ้น”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ไร้เหตุผล ทั้งกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงรู้เรื่องนี้ดี
ภายในภูเขาลึกนี้ ผู้คนต่างบอกว่ามีสัตว์ร้าย และบางคนก็ถูกสัตว์ร้ายกิน ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่กลัว
มีวิญญาณชั่วร้ายที่ไม่รู้จักอยู่ในภูเขาลึก และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะตายได้ตลอดเวลา โสมในครั้งที่แล้วเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานคาดเดาว่า แม้ว่านางจะเดินทางไปบนภูเขาสิบหรือยี่สิบครั้งนางก็ไม่อาจพบโสมได้
กู้เสี่ยวหวานถือว่าโอกาสสุดท้ายที่พบเจอนั้นมีน้อยมาก และไม่น่าเป็นไปได้
แล้วจะทำเงินกับอะไรได้อีก?
นี่เป็นอย่างที่ท่านป้าจางพูดจริง ๆ เงินหาได้ไม่ง่าย! ในอดีตเป็นเพราะขายโสมได้ห้าร้อยตำลึงเงิน กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เงินออมทั้งหมดในครอบครัวแทบจะหมดไปในคราวเดียวและนางต้องใช้เงินทุกวัน กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
นางต้องการหาเงินอย่างมาก และนางก็อยากจะเสี่ยงโชคด้วย แม้จะไม่พบโสม นางก็ยังสามารถจับไก่ฟ้าและกระต่ายป่าได้ และต่อให้นางจะไม่ได้ขาย นางก็นำมันกลับบ้านเพื่อใช้บำรุงร่างกายของกู้เสี่ยวอี้ได้
ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่ามีอะไรอยู่ในภูเขาลึกนี้ ถ้าพวกเขารู้ว่ากู้เสี่ยวหวานพบโสมในภูเขาลึกแล้ว หลังจากนั้นเมื่อกู้เสี่ยวหวานขึ้นไปบนภูเขาอีก นางอาจไม่พบอะไรเลย
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานกลัวเฉาซื่อ แต่นางกำลังอับจนปัญญา ทำได้เพียงต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อคำดูถูกเหยียดหยาม
“ท่านพี่ ข้าไม่เต็มใจ!” กู้หนิงผิงรู้ว่าพี่สาวของเขาหมายถึงอะไร เขารู้สึกเสียใจกับนาง แต่ไม่สามารถแสดงออกได้ ทำได้เพียงกุมศีรษะ นั่งยอง ๆ บนพื้นและร่ำไห้ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ
กู้เสี่ยวหวานพยุงเขาและพูดอย่างเด็ดขาดว่า “หนิงผิง สิบปีค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย!”
หลังจากที่ได้เห็นความเย่อหยิ่งของเฉาซื่อ อุบายของซุนซื่อ การเลือกปฏิบัติและอคติของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง เรื่องเหล่านี้ก็ได้ฝังลึกลงไปในหัวใจของกู้เสี่ยวหวาน และทำให้นางเข้มแข็งขึ้น
ถ้าคนอื่นไม่รังแกข้า ข้าก็จะไม่รังแกคนอื่น ถ้าคนอื่นรังแกข้า ข้าก็จะเอาคืน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เก็บความแค้นไว้ค่อยแก้แค้นทีหลังก็ยังไม่สายค่ะเด็ก ๆ และวิธีแก้แค้นคนอื่นที่ได้ผลชะงัดที่สุดและใช้กำลังน้อยที่สุดคือการใช้ชีวิตให้ดีกว่าพวกมันหลายร้อยเท่าค่ะ ให้พวกมันอกแตกตายเพราะความอิจฉาแต่ทำอะไรไม่ได้ไปเอง
ไหหม่า(海馬)