ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1690 ท่านพ่อของเจ้าขอแต่งตั้ง
บทที่ 1690 ท่านพ่อของเจ้าขอแต่งตั้ง
องค์หญิงลี่หัวยกดื่มหนึ่งอึกพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ชาในวังนี้เหมือนกับชานอกวังหรือไม่ ยกเว้นคราวที่แล้วที่ข้าดื่มในตำหนักเสด็จพี่ ไม่ว่าชาจะดีแค่ไหนก็จืดชืด”
กู้เสี่ยวหวานคิดว่านางพูดถึงเครื่องราชบรรณาการที่มอบให้ราชสำนักจึงไม่ถามอะไร
ใช่แล้ว ใต้หล้านี้ทุกคนล้วนมีความชอบเป็นของตัวเอง หากได้ลิ้มลองสิ่งหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งจะไร้รสชาติทันที
เช่นเดียวกับนาง หลังจากดื่มชาหลานเสวี่ยที่กลมกล่อมแล้ว รสชาติของชาอื่น ๆ ก็จืดชืด
กู้เสี่ยวหวานกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ชาผูเอ่อร์นี้รสกลมกล่อม เข้มข้น หอมอร่อย ดื่มหลังอาหารหนึ่งชั่วยามจะสามารถขจัดไขมันส่วนเกินได้ การดื่มชาผู่เอ่อร์เป็นเวลานานสามารถป้องกันโรคกระเพาะอาหารได้ และบำรุงกระเพาะอาหารอีกด้วย”
หลังจากที่ฟางเพ่ยหยาที่อยู่ด้านข้างได้ดื่มชาแล้วก็พยักหน้า จากนั้นพูดว่า “องค์หญิง พี่เสี่ยวหวานมอบวิธีลดน้ำหนักนี้ให้ข้า ข้าจะดื่มชาผูเอ่อร์ทุกวันหลังจากมื้ออาหารครึ่งชั่วยาม”
“ผูเอ่อร์นี้ ข้าได้ยินมาจากหมอว่าสามารถป้องกันโรคกระเพาะอาหารและบำรุงกระเพาะอาหารได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าสามารถลดน้ำหนักได้ เสี่ยวหวาน เจ้าไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ไหน” องค์หญิงลี่หัวมองกู้เสี่ยวหวานอย่างประหลาดใจ เรื่องนี้สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้นางมาก
“ตอนเด็กท่านพ่อเคยสอนข้ามาไม่น้อย” กู้เสี่ยวหวานผลักเรื่องทั้งหมดไปที่กู้ฉวนฟู่ ครั้นได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็พยักหน้ารับรู้ พวกนางรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก และรู้สึกไม่ดีที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
จากนั้นก็รู้ว่าชาผูเอ่อร์นี้สามารถช่วยย่อยอาหารและลดน้ำหนักได้ องค์หญิงลี่หัวยังบอกว่ารสชาติของชานี้ธรรมดาเกินไป หลังจากดื่มชาแล้วสองกา สุดท้ายก็ได้แต่วิ่งไปเข้าห้องน้ำ หลังจากกลับมายังลากกู้เสี่ยวหวานมาบอกว่านางรู้สึกโล่งท้องไม่น้อย
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าตอนนี้เริ่มดึกแล้วจึงเอ่ยขอให้ทุกคนอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนเนื่องจากตอนกลางวันมื้ออาหารของพวกนางค่อนข้างหนัก ดังนั้น ตอนเย็นกู้เสี่ยวหวานจึงขอให้กู้ฟางสี่เตรียมอาหารเบา ๆ ไว้ ทำให้ทุกคนกินแล้วมีความสุขมาก
เพราะว่าองค์หญิงลี่หัวต้องกลับวัง ดังนั้นอาหารมื้อค่ำนี้จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หลังเสร็จแล้วองค์หญิงลี่หัวก็นั่งรถม้าตรงกลับวังหลวง แต่ก่อนกลับยังกระซิบบางอย่างกับกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู ทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าของถานอวี้ซูเปลี่ยนไปทันที และมองกู้เสี่ยวหวานที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนกับว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“ท่านพี่” ถานอวี้ซูรู้สึกเป็นทุกข์ มองกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างปวดใจ กู้เสี่ยวหวานรีบบีบมือนางไว้ แล้วหันไปมองฟางเพ่ยหยาที่ออกมาทีหลัง “ไว้ค่อยคุยกัน”
รถม้าเคลื่อนออกไปไกลแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นฟางเพ่ยหยาเองก็ต้องกลับเช่นกัน “ท่านพี่ ถานอวี้ซู ข้ากลับก่อน”
ถานอวี้ซูรีบดึงนางไว้ “เพ่ยหยา เจ้าอย่าเพิ่งกลับ”
ฟางเพ่ยหยามองสีหน้าไม่สบายใจของถานอวี้ซูอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น”
ใบหน้าถานอวี้ซูมืดครึ้ม สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่สู้ดี พลันใดนั้นหัวใจของฟางเพ่ยหยาก็เต้นรัว “เกิดเรื่องอะไรหรือ”
“ไม่สะดวกที่จะพูดที่นี่ เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” เมื่อครู่ตอนที่องค์หญิงกับถานอวี้ซูคุยกัน หลีกเลี่ยงไม่ให้ฟางเพ่ยหยาได้ยิน หากแต่ไม่ได้หลีกเลี่ยงกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้ข่าวนี้จากหลินจิ้งหรูแล้ว องค์หญิงลี่หัวยังพูดอีกว่าดูเหมือนฟางเจิ้งสิงผู้นั้นจะใจร้อนมาก
พวกนางพากันเดินเข้าไปในบ้านด้วยความหวาดหวั่น ฟางเพ่ยหยารู้สึกกังวลแต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง ร่างกายของท่านแม่ดีขึ้นมากแล้ว น้ำหนักนางก็ลดลงไปมาก เรื่องอื่นที่นางจะพูดล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นนางจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ อวี้ซู เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่ พวกท่านพูดออกมาเถอะ ข้าเคยผ่านเรื่องโหดร้ายกว่านี้มาแล้ว เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ”
แม้ว่าจะกังวลเล็กน้อย แต่ในวันนี้สำหรับฟางเพ่ยหยาที่เคยเกือบสูญเสียท่านแม่มาแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ถานอวี้ซูมองพี่น้องที่แสนดีของตัวเองที่เหมือนจะโตอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน ในใจก็เศร้าเหมือนกัน ในช่วงหลายวันมานี้นางอยู่ที่จวนหลูตลอด นอกจากต้องลดน้ำหนักแล้วยังต้องดูแลท่านแม่ สภาพจิตใจในช่วงนี้ ฟางเพ่ยหยาคิดมากพอแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปเสียใจกับเรื่องอื่น
“เมื่อครู่องค์หญิงลี่หัวบอกพวกเราว่าพ่อของเจ้าต้องการแต่งงานกับหวงหรูซื่อ ยื่นขอพระราชทานงานแต่งกับให้ฮ่องเต้แล้ว โดยบอกว่าต้องการแต่งตั้งหวงหรูซื่อเป็นฮูหยินรอง” ถานอวี้ซูมองหน้าฟางเพ่ยหยา และพูดอย่างลำบากใจ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “คุณหนูหลินเองก็บอกเรื่องนี้กับข้าแล้ว นางบอกว่าพ่อของเจ้าทำหนังสือร้องขอ ซึ่งออกมาจากท่านพ่อของนาง”
ทั้งสองรู้สึกทนไม่ได้ แต่หลังจากที่พูดจบกลับไม่เห็นความขุ่นเคือง และความเศร้าบนใบหน้าของฟางเพ่ยหยา แล้ะเห็นเพียงนางส่งเสียงตอบรับเบา ๆ ราวกับว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
ใบหน้าของนางเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
ถานอวี้ซูและกู้เสี่ยวหวานมองหน้ากัน ในใจรู้สึกทนไม่ได้ อยากจะปลอบแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน “เพ่ยหยาถ้าเจ้าอยากร้องไห้ เจ้าก็ร้องเถอะ ฮูหยินฟางเขา…”
“อวี้ซูน้ำตาของข้าได้ไหลออกมาแล้วเมื่อตอนที่รู้ว่าท่านแม่เกือบถูกฆ่าตาย ตอนนี้รู้ว่าท่านแม่ของข้าดีขึ้น ข้าก็มีความสุขมาก เรื่องของคนอื่นไม่ทำให้ข้าเป็นทุกข์ รวมทั้งการที่เขาแต่งงาน ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย”
ฟางเพ่ยหยาสูดหายใจเข้าแล้วพูดออกมาอย่างเด็ดขาด “ข้าจะกลับไปบอกท่านตาดูว่าท่านแม่ของข้าควรทำอย่างไร ท่านพี่ ท่านพูดถูกแล้ว ใจของผู้ชายไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าจะเป็นหรือจะตายเขาไม่แม้แต่จะสนใจ ท่านแม่อยู่ที่บ้านท่านตามานานมากแล้ว นอกจากครั้งล่าสุดที่เขามาดูท่านแม่ของข้าว่ายังอยู่หรือเปล่า ก็ไม่เคยถามถึงอาการป่วยของท่านแม่ข้าอีก”
ในคำพูดของฟางเพ่ยหยายังคงแฝงไปด้วยความเสียใจ นั่นเป็นพ่อของนางถึงจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ในใจยังคงห่วงใย
น้ำเสียงของฟางเพ่ยหยาสะอึกสะอื้นเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้น ราวกับพยายามกลั้นน้ำตาแต่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้ม
นางปาดน้ำตา เช็ดน้ำตาออกทันที และพูดกับกู้เสี่ยวหวานอย่างเก้อเขิน “ท่านพี่ ขอโทษจริง ๆ วันนี้เป็นวันดีของท่าน ข้าขอโทษ”
……….