ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1692 แผนการของฮูหยินหลู
บทที่ 1692 แผนการของฮูหยินหลู
ปีนี้ฮ่องเต้มีอายุครบสิบหกปี หวงหรูซื่อก็อายุครบสิบเก้าปีแล้ว ถ้าเป็นลูกสาวของครอบครัวธรรมดาคงให้กำเนิดลูกหนึ่งถึงสองคน หวงหรูซื่อเป็นสาวเทื้อ คงไม่มีผู้ใดอยากแต่งงานกับนางแล้ว
ผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับนาง หรืออายุมากกว่านางก็แต่งงานกันหมดแล้ว
หวงหรูซื่อต้องการแต่งงาน แต่ก็สามารถเป็นอนุภรรยาได้เท่านั้น แต่ในใจหวงหรูซื่อนั้นก็หยิ่งยโสทั้งยังมีหน้ามีตาในสังคม นางจะแต่งเพื่อเข้าไปเป็นภรรยารองง่าย ๆ ได้อย่างไร
แต่ถึงหวงหรูซื่อไม่ได้เข้าวัง ตระกูลหวงก็ยังมีลูกสาวอีกคนที่สามารถเข้าวังได้
อีกไม่กี่ปี ฮ่องเต้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที เกรงว่าอาจจะต้องการเปิดตำหนักรับนางสนม ลูกสาวของตระกูลหวงอาจจะต้องเข้าวังจริง ๆ ฐานะหน้าตาทางสังคมของตระกูลหวงในเมืองหลวงแห่งนี้ก็คงจะต้องสูงขึ้นแน่นอน
เพราะตระกูลหวงนั้นมีลูกชายลูกสาวหลายคน อย่างน้อยก็ต้องมีลูกสาวคนหนึ่งที่ต้องได้เข้าวังและรับใช้ฮ่องเต้
ฟางเจิ้งสิงบางทีอาจเห็นว่าลูกสาวของตระกูลหวงนั้นงดงามดั่งบุปผา จึงทำให้เกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
ตอนนี้เขาคงกำลังประกาศก้องอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะแต่งงานกับหวงหรูซื่อ หรือไม่ก็กำลังทำเพื่อรักษาหน้าให้ตระกูลหวงอยู่
เดิมทีควรเป็นหญิงสาวที่ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นภรรยาที่แต่งงานต่อจากคนอื่น คุณหนูของตระกูลนี้อายุน้อยกว่าภรรยคนใหม่เพียงไม่กี่ปี คนอื่นจะมองตระกูลหวงอย่างไร
ดังนั้นหลังจากที่เรื่องนี้แดงขึ้น ฟางเจิ้งสิงก็ต้องแต่งตั้งฐานะให้หวงหรูซื่อเป็นเก้าหมิงฟูเหริน ถ้าหากสำเร็จ ก็อาจทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นมาก
ขุนนนางระดับสูงนั้นมีหลายคน แต่เก้าหมิงฟูเหรินนั้นมีเพียงไม่กี่คน และถึงแม้หลูเหวินซินจะแต่งงานกับฟางเจิ้งสิงมาหลายปี แต่ไม่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นก้าวหมิงฟูเหริน
ฮูหยินหลูได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของลูกสะใภ้ทั้งสอง จึงรู้ว่าตัวเองนั้นโมโหเกินไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรจะหาทางออก นางจึงพูดอย่างจำใจว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอย่างไรเพราะถึงอย่างไรใต้เท้าฟางผู้นั้นก็จะแต่งงานกับหวงหรูซื่อแน่ ๆ ทั้งยังทูลรายงานให้ฮ่องเต้ทราบแล้ว เกรงว่าใต้เท้าฟางผู้นี้คงจะได้แต่งงานจริง ๆ แต่ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำอย่างไร ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าทุกอย่าง”
ซ่งจวินหัวและเนี่ยอวี่ต่างก็พากันพยักหน้าตาม “เฟ่ยหยา ไม่ว่าเจ้าและแม่ของเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร ป้าก็จะสนับสนุนพวกเจ้า ประตูบ้านหลูยินดีเปิดรับพวกเจ้าเสมอ”
เนี่ยอวี่เป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา จึงพูดออกมาตรง ๆ ว่า “อย่างมากน้องสะใภ้แค่ต้องอยู่ที่จวนตระกูลหลู และต่อให้ต้องเลี้ยงดูนางตลอดชีวิตก็ข้ายินดี”
เมื่อได้ยินลูกสะใภ้ทั้งสองพูดกับหลานสาวและลูกสาวนางเช่นนี้ ฮูหยินหลูจึงรู้สึกพอใจมาก
ลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งคน ล้วนเป็นดวงใจของนาง โดยเฉพาะลูกสาวนั้น นางรักทะนุถนอมและดูแลมาเป็นอย่างดี กำไว้ในมือก็กลัวจะแตก อมไว้ในปากก็กลัวจะละลาย แต่ดันถูกฟางเจิ้งสิงพรากไป ไม่พรากไปเพียงเท่านั้น ยังทำลายหัวใจของนางอีก นี่ไม่ใช่การใช้มีดกรีดแทงหัวขอของฮูหยินหลูหรอกหรือ
“เจ้ากลับไปปรึกษากับแม่เจ้าให้ดีก่อนเถิด ดูจากความเห็นของพวกเจ้าแล้ว เจ้าวางใจเถอะรอตาของเจ้ากลับมาข้าจึงจะปรึกษากับตาของเจ้า”
ฮูหยินหลูพูดด้วยความห่วงใย หัวใจของฟางเพ่ยหยาที่ตายด้านไปแล้ว เมื่อได้ยินประโยคนี้ นางจึงร้องไห้โฮออกมา โผเข้ากอดฮูหยินหลูและร้องไห้ออกมาในอ้อมแขนของนาง “ท่านยาย ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้รอง ขอบคุณพวกท่านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกท่าน ข้ากับแม่ของข้า ข้ากับแม่ของข้า”
ฟางเพ่ยหยาสะอื้นจนพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นแล้วก็ไม่พูดแล้ว แค่คิดถึงคำคำนั้น นางก็รู้สึกหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา
มีคนต้องการชีวิตท่านแม่
เมื่อคิดถึงมารดา ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เสี่ยวหวาน มารดาของนางจะต้องไม่รอดอย่างแน่นอน ฟางเพ่ยหยากัดฟันด้วยความโกรธ
คนคนนั้นที่ทำร้ายท่านแม่คือใครกัน?
ไม่ว่าจากนี้ไปนางจะอยู่หรือไม่อยู่ในจวนตระกูลฟาง คนที่จะทำร้ายแม่ของนาง นางจะหาให้เจอและนางจะต้องคืนความยุติธรรมให้ท่านแม่อย่างแน่นอน
ฟางเพ่ยหยาสาบานอยู่ในใจเงียบ ๆ ว่า ถ้าหากรู้แล้วว่าใครคือคนที่ใส่ร้ายแม่ของนาง นางจะทำแบบเดียวกันกับที่คนผู้นั้นทำกับแม่ของนางแน่
ฮูหยินหลูรู้ว่าหลานสาวของตัวเองนั้นเป็นคนกตัญญู ครั้นเห็นนางร้องไห้ นางก็แทบจะร้องไห้ตามมาให้ได้ ทั้งลูกสาวและหลานสาวล้วนเป็นเหมือนดวงใจของนาง หลายปีมานี้ เพราะฟางเจิ้งสิง ลูกและหลานสาวนั้นต้องเหินห่างจากนาง แต่ภายในใจนี้ ก็ยังจดจำพวกนางได้เสมอ
ฮูหยินหลูจึงร้องไห้ตาม ซ่งจวินหัวที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบเข้ามาปลอบใจฟางเพ่ยหยา “หยาเอ๋อร์ เจ้าอย่าร้องไห้เลย เจ้ายิ่งร้อง ยายเจ้าจะร้องไห้ตามเจ้าแล้วนะ”
ฟางเพ่ยหยาได้ยินดังนั้นจึงปาดน้ำตาบนหน้าของตัวเอง แล้วออกจากอ้อมแขนของฮูหยินหลู ก็เห็นว่าหลูฮูหยินนั้นเพิ่งจะหยุดร้อง ดวงตาของนางแดงกล่ำ จึงรีบเอ่ยปลอบใจ “ท่านยาย ท่านอย่าร้องไห้เลย”
พูดจบ ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับน้ำตาให้ฮูหยินหลู ฟางเพ่ยหยาใส่ใจเช่นนี้ หัวใจของนางก็ราวกับได้รับการปลอบประโลม
ส่วนเรื่องที่เพิ่งรู้ว่าฟางเจิ้งสิงนั้นจะแต่งงานกับหวงหรูซื่อและแต่งตั้งให้นางเป็นเก้าหมิงฟูเหริน ฮูหยินหลูคิดว่าไม่นานก็คงจะคิดหาวิธีได้
ลูกก็ลูกของนาง หลานก็หลานของนาง นางปกป้องดูแลลูกและหลานสาวที่เป็นแก้วตาของนาง เทียบไม่ได้แม้แต่คนใช้ในตระกูลฟาง ทั้งคนที่จ้องจะทำเอาชีวิตลูกของนางอีก
แต่ไหนแต่ไรมาฮูหยินหลูเป็นคนที่เข้มแข็ง แต่จะทนให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกสาวตัวเองได้อย่างไร
ยังดีที่ครั้งนี้ หยาเอ๋อร์รู้เรื่องทั้งหมด จึงทำให้นางไปรับเหวินซินกลับมา ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าหากเหวินซินอยู่ที่จวนตระกูลฟางต่อ ถึงตอนนี้ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพียงแค่คิดฮูหยินหลูก็รู้สึกหวาดกลัวไปหมด ยังดีที่ลูกสาวของนางนั้นไม่เป็นไรมาก แต่ความแค้นต่อเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยมันได้ง่าย ๆ
ศัตรูของเหวินซิน นางต้องรายงานแน่นอน
ส่วนจวนตระกูลฟางนั้น ในใจของนางยังคิดว่าหากฟางเจิ้งสิงได้ทำเรื่องที่ใจร้ายเช่นนี้แล้ว จะไปหรือไม่ไปที่จวนตระกูลฟางก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้ว
ตอนนี้เขาอยากจะให้เหวินซินนั้นตายตกไปให้เร็วที่สุด
เพื่อต้องการแต่งหวงหรูซื่อมาเป็นภรรยา ภรรยาของตนเองต้องตายตกไปหรือหย่าขาดไปแล้ว แต่ถ้าภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ แล้วเรื่องนี้แพร่ออกไปก็คงจะถูกคนอื่น หัวเราะเยาะ
แต่ถ้าฟางเจิ้งสิงต้องการจะหลุดพ้นจากหลูเหวินซิน เมื่อให้หย่าเขากลับไม่กล้าเพราะหลูเหวินซินนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าหากหย่ากับนางมันจะเป็นการทำให้เขาขายหน้า
ดังนั้น แผนการต่อไปของฟางเจิ้งสิงเดาว่าต้องตรงพุ่งเป้าเรื่องการให้หลูเหวินซินนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว และนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการ
เพียงแต่ตอนนี้ที่เหวินซินกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ เขาไม่เคยมาที่นี่ จึงไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของนางเป็นเช่นไรแล้ว ถ้าหากเขารู้ว่าอาการของเหวินซินนั้นดีขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่า….
……….