ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1695 ยาเสือหมาป่า
บทที่ 1695 ยาเสือหมาป่า
หลังจากรายงานเรื่องทั้งหมดให้ไทเฮาทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไทเฮาที่ได้ยินก็มีสีหน้าบึ้งตึ้งโกรธขึ้นมาทันที และรีบส่งคนไปที่ตำหนักกุ้ยเฟยทันที
คนยังไม่มีมาถึง แต่นางกำนัลของตำหนักกุ้ยเฟยก็ออกมาก่อน และบอกว่าฝ่าบาทหมดสติไปยังไม่ฟื้นขึ้นมา
เมื่อได้รับพระราชโองการให้ไปตำหนักของกุ้ยเฟย ทางนั้นก็เห็นหมอหลวงคนหนึ่งมาที่ตำหนักไทเฮาอย่างรีบร้อน
“ไทเฮา ฝ่าบาทหมดสติพะยะค่ะ” หมอหลวงคนนั้นตกใจจนตัวสั่น เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของฝ่าบาทก็เหมือนมีมีดห้อยอยู่กลางหัวของเขา
“หมดสติงั้นหรือ” ไทเฮาได้ยินก็ตกใจอกสั่นขวัญแขวน “ฝ่าบาทหมดสติไปได้อย่างไร”
“ฝ่าบาทยังอยู่ที่ตำหนักกุ้ยเฟย หมอเฮ่อเหลียนและหมอเมิ่งกำลังตรวจรักษาให้ฝ่าบาทอยู่ในตำหนัก ไทเฮารีบเถอะพะยะค่ะ” หมอหลวงผู้นั้นไม่ทราบว่าฝ่าบาทป่วยเป็นอะไร เมื่อมองดูบ่าวรับใช้และนางกำนัลในวังหลายคนก็พูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ
ไทเฮาเป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาท จึงรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักของกุ้ยเฟยทันที
ครั้นไปถึงก็เห็นบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้และนางกำนัล ที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น
นำโดยโหยวเหอ ที่เสื้อผ้ากระเซอะกระเซิงน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตาแต่ก็ยังดูสง่างาม
เมื่อโหยวเหอเห็นไทเฮาเดินเข้ามา นางก็กลัวจนขดตัวซ่อนอยู่ข้างหลัง แม้แต่ความหวาดกลัวในสายตาก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ไทเฮาเห็นนางเช่นนี้ก็นึกถึงคำที่ขันทีฉีพูด ฝ่าบาทมาหานางติดต่อกันหลายวันแล้ว ตอนนี้ฝ่าบาทยังเป็นเด็ก ถึงเวลาก็เป็นไปได้ที่จะมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเกิดขึ้น
แต่นี่ไม่ถือเป็นการเอาชีวิตของฝ่าบาทอีกหรือ
เมื่อนึกเช่นนี้ ไทเฮาก็อยากจะคว้าโหยวเหอออกมาอย่างดุเดือด และเห็นเพียงโหยวเหอขดตัวอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นสายตาที่เฉียบแหลมของไทเฮาแล้ว ทั้งตัวก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง จากนั้นก็เห็นไทเฮาเดินผ่านตัวนางไป จึงหมายยื่นมือออกมาอยากจะดึงไทเฮาไว้ แต่นางยื่นมือออกมากลางอากาศและไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือเข้าไปใกล้
นางตกใจจนหน้าซีด สีหน้าเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวา
ไทเฮาเอ่ยขึ้นอย่างน่าเกรงขาม “โหยวเหอ ข้าจะบอกเจ้าให้ จะให้ดีเจ้าควรอธิษฐานให้ฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย”
หลังจากนั้น ภายใต้การประคองจากนางกำนัลก็รีบเดินเข้าไปในห้องบรรทม และทิ้งโหยวเหอที่สีหน้าไร้ชีวิตชีวาไว้ที่พื้น
เมื่อนึกถึงคืนนี้ที่ฝ่าบาทจะมาหา นางสั่งของสิ่งนั้นขึ้นมาเป็นพิเศษ และนึกถึงหมอเฮ่อเหลียนคนนั้นที่ขึ้นชื่อว่ารอบรู้ด้านการแพทย์ ทันทีที่เข้าห้องบรรทมก็ให้หมอหลวงที่อยู่ข้าง ๆ ไปเชิญไทเฮาเข้ามา
นางร้องขอให้ไม่ไปตามไทเฮามา แต่หมอเฮ่อเหลียนไม่พูดอะไรสักคำและไม่แม้แต่จะสนใจนางเลย
จากนั้นก็มองหมอหลวงคนนั้นเดินจากไป โหยวเหอตกใจมาก เมื่อรอจนไทเฮามาถึงและเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกนั้น ในที่สุดนางก็เข้าใจ
ถ้าไม่รนหาที่ตายก็จะไม่ตาย
ครั้งนี้ นางยากที่จะรอดพ้นจากการถูกประหารแล้ว
โหยวเหอตกใจกลัวจนสั่นไปทั้งตัวและสลบไป
แต่เหล่านางกำนัลและบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่นอกวัง ไม่มีใครกล้าออกมาข้างหน้าเพื่อประคองโหยวเหอเลยสักคน ปล่อยให้นางเป็นลมหมดสติอยู่เช่นนั้น
หลังจากไทเฮาเข้าไปในห้อง ก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ อบอวลไปทั่วห้อง และไม่เหมือนเครื่องหอมที่ใช้เป็นประจำทุกวันในตำหนัก
นางเป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาท จึงเดินเข้าไปก็เห็นฝ่าบาทนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง มีเพียงส่วนสำคัญเท่านั้นที่ถูกห่มด้วยผ้าบาง ๆ ทั้งร่างกายที่ซูบผอมนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาตรงนั้น แม้แต่ลมหายใจก็อ่อนแรง
ไทเฮาเห็นเช่นนั้นก็เจ็บปวดใจมาก จึงรีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน “หมอเฮ่อเหลียน ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอเฮ่อเหลียนกำลังฝังเข็มรักษาฝ่าบาทอยู่ ครั้นเห็นไทเฮาก็พยักหน้าเพื่อเป็นการทักทาย แต่ไม่พูดอะไร
ไทเฮาเห็นเขาไม่พูดอะไรก็รู้ว่าเขากำลังตั้งใจรักษาอาการของฝ่าบาท จึงปิดปากเงียบและยืนอยู่ด้านข้าง มองดูหมอเฮ่อเหลียนฝังเข็มต่อไป
เบ้าตาเขียวคล้ำ สีหน้าหมองคล้ำ ราวกับว่าร่างกายหมดแรง
ไทเฮายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าโหยวเหอผู้นี้ทำมากเกินไปแล้ว ฝ่าบาทอายุยังน้อย สำหรับชายหญิงรักชอบกันเป็นเรื่องธรรมดา หลังลิ้มรสความรักแล้วก็จะลุ่มหลงเป็นธรรมดา
ดังนั้น ก่อนหน้านี้ไทเฮาเคยมีพระราชโองการว่า ก่อนที่ฝ่าบาทจะพระชนมายุครบยี่สิบปี หนึ่งสัปดาห์สามารถโปรดปรานสนมได้เพียงสองคนเท่านั้น นางสนมที่โปรดปรานจะถูกจัดสับเปลี่ยนตามความเคารพ และต้องนำป้ายสัญลักษณ์ให้ฝ่าบาทพลิกดูก่อน
เนื่องจากหนึ่งเดือนมีแปดครั้ง ดังนั้นภายในหนึ่งเดือนไทเฮาจะเข้าเฝ้าได้สามครั้ง แต่โหยวกุ้ยเฟยและวังกุ้ยเฟย ใครจะมาสามครั้งหรือใครจะมาสองครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับฝ่าบาทว่าจะเลือกใคร หากฝ่าบาทเลือกใครก็เป็นคนนั้น
เป็นเช่นนี้ก็ยุติธรรมมาก สามารถแบ่งปันความโปรดปรานได้เท่ากัน อีกทั้งฝ่าบาทยังได้บำรุงสุขภาพและได้ดูแลพระวรกาย
ไม่กี่ปีนี้ ฝ่าบาทยึดมั่นในคำพูดและการกระทำ ไม่เคยทำให้งานล่าช้าเพราะเรื่องส่วนตัวของสตรี และยิ่งไม่เคยอาลัยอาวรณ์เป็นทรราชเพราะเรื่องความรักชอบของชายหญิง
เขาปฏิบัติตามราชโองการของไทเฮาอย่างเข้มงวด มีบางครั้งที่ยกเลิกเรื่องสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เพราะงานในราชการยุ่งมาก
เดิมทีไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่ครั้งนี้ปัญหาก็คือไปติดต่อกันเป็นเวลาเจ็ดแปดวัน
เมื่อไทเฮาลองคิด ๆ ดู ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งยุ่งยากและไม่ชัดเจน
หลังจากที่หมอเฮ่อเหลียนฝังเข็มสุดท้ายเสร็จ หมอหลวงที่อยู่ดานข้างก็รีบส่งยาที่ต้มมาให้ทันที หมอเมิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ก็รับไว้และมาป้อนให้ฝ่าบาทอย่างระมัดระวัง
ไทเฮาก็รีบถามขึ้นอย่างรีบร้อน “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดถึงได้หมดสติไปเช่นนี้”
หมอเฮ่อเหลียนกุมมือทำความเคารพ “ทูลไทเฮาเนื่องจากฝ่าบาทมีสัมพันธ์มากเกินไป ร่างกายจึงเหนื่อยล้าอ่อนแรง”
“มีสัมพันธ์มากเกินไป ฝ่าบาททรงรอบคอบในคำพูดและการกระทำมาโดยตลอด ร่างกายไม่เคยอ่อนแรงเพราะเรื่องรักชอบระหว่างชายหญิง เหตุใดครั้งนี้…” ไทเฮาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องนี้” หมอเฮ่อเหลียนเปิดเตาทองแดงสำหรับเผาเครื่องหอม จากนั้นหยิบสมุนไพรที่ยังไม่ได้เผาออกมาเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “ไทเฮา นี่คือเซี่ยงซือฟาง”
“เซี่ยงซือฟาง” ไทเฮามองดูสมุนไพรมีขนาดไม่เท่านิ้วในมือของหมอเฮ่อเหลียน “นี่คืออะไร”
“ฝ่าบาท นี่เป็นสมุนไพรที่คนนอกวังนิยมใช้ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความสุขสำหรับชายหญิง หรือเรียกอีกอย่างว่ายาปลุกกำหนัด” หลังพูดจบหมอเฮ่อเหลียนก็เอามือลง
……….