ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1697+1698 ความตกต่ำของครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยว/ซินเถามาเยือน
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย
- บทที่ 1697+1698 ความตกต่ำของครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยว/ซินเถามาเยือน
บทที่ 1697+1698 ความตกต่ำของครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยว/ซินเถามาเยือน
……….
บทที่ 1697 ความตกต่ำของครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยว
“ฝ่าบาทหมดสติไปครึ่งค่อนคืน และท่านอ๋องก็อยู่กับฝ่าบาทเสมอ” ขันทีฉีรายงานรวดเร็ว
ซูเทียนซื่อรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกาย ศีรษะบีบรัดจนแทบระเบิด ลำคอแห้งผากกระหายน้ำ ในหัวสมองจำได้ลาง ๆ ว่าตอนที่เขานอนกับโหยวกุ้ยเฟย จู่ ๆ ก็พลันเป็นลมหมดสติไป
“ข้าเป็นอะไร ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงหมดสติไป” ซูเทียนซื่อถามด้วยความฉงน ขณะลูบศีรษะที่ปวดร้าว
เมื่อขันทีฉีได้ยินสิ่งนี้ เขาจึงมองไปที่ฉินเย่จือด้วยความแววตาตื่นตระหนก ทันใดนั้นก็กลืนน้ำลายและพูดอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท โหยวกุ้ยเฟยจุดเซียงซือฝางไว้ในห้องบรรทม”
“เซียงซือฝาง” ซูเทียนซื่อถามอย่างสงสัย “มันคือสิ่งใด”
“ตอบกลับฮ่องเต้ สิ่งนั้นคือยาปลุกกำหนัด หลังจากที่ผู้คนได้กลิ่นมัน…” ขันทีฉีตอบอย่างระมัดระวัง เมื่อซูเทียนซื่อมองตนเองด้วยสายตาเย็นชา ขันทีฉีก็ปิดปากอย่างชาญฉลาดทันที
“ยาปลุกกำหนัดหรือ!” ซูเทียนซื่อเย้ยหยันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นก็ยกมือขึ้น จ้องมองมือของตัวเอง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “ตอนนี้อาชญากรโหยวเหออยู่ที่ไหน”
“ไทเฮาเฆี่ยนนางสามสิบครั้งและส่งไปยังฝ่ายลงทัณฑ์แล้ว” ขันทีฉีพูดอย่างเร่งรีบ “ตอนนี้กองทัพอวี้หลินได้บุกเข้าไปในจวนตระกูลโหยวเป็นที่เรียบร้อย และสมาชิกทุกคนในตระกูลโหยวทั้งหมดถูกกุมตัวเองไว้”
ฉินเย่จือยืนอยู่ด้านข้างและนิ่งเงียบตลอดเวลา เขาจ้องมองไปที่แสงจันทร์กระจ่างตรงหน้าต่างท่ามกลางความคิดสับสน
ตระกูลโหยวพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง และชื่อเสียงนับศตวรรษถูกทำลายเพราะโหยวเหอ
“ออกคำสั่งและมอบสุราพิษให้กับนักโทษโหยวเหอหนึ่งจอก” ซูเทียนซื่อพูดอย่างเย็นชาราวกับจะบอกว่าให้สุราชั้นดีแก่โหยวกุ้ยเฟย
ขันทีฉีพยักหน้ารับคำสั่ง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลโหยวก็หายสาบสูญไปจากอาณาจักรต้าชิง
การลอบทำร้ายฮ่องเต้เป็นอาชญากรรมร้ายแรง ตระกูลโหยวไม่มีผู้ใดรับรู้แผนการของโหยวเหอเลย แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะโหยวเหอต้องการตั้งครรภ์กับฮ่องเต้
ซูเทียนซื่อยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้างและเนรเทศสมาชิกครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยว โหยวกุ้ยเฟยป่วยหนักและถึงแก่กรรม
ตระกูลอายุร้อยปีตกต่ำลงเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวหวานได้รู้เรื่องสมาชิกตระกูลโหยวถูกคุมขังในวันต่อมา แต่เพราะสาเหตุใดนางไม่อาจทราบได้
ถานอวี้ซูถือเครื่องเตาอุ่นไว้ในมือ มองลมเหนือพัดหวีดหวิวอยู่ข้างนอก และเอ่ยขึ้น “วันเกิดไทเฮาเข้าใกล้ขึ้นทุกวัน ข้าไม่คาดคิดว่าตระกูลโหยวจะล่มสลายในเวลานี้”
กู้เสี่ยวหวานชงชาและยกถ้วยให้อีกฝ่ายพลางถอนหายใจ “มีคำกล่าวโบราณว่า บาปที่ก่อขึ้นเองไม่สามารถหลีกหนีได้ ตระกูลโหยวมักจะแสดงให้คนอื่นเห็นเสมอว่าพวกตนมีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเสมอ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโหยวฝ่างฉิน ใครจะยังคิดว่าตระกูลโหยวเป็นครอบครัวที่มีความเมตตาและความชอบธรรมได้อีก”
“ท่านพี่ ตระกูลโหยวหายไปหมดแล้วหรือ” ถานอวี้ซูถามด้วยความสงสัย
“ยังมีครอบครัวรองตระกูลโหยวอยู่” กู้เสี่ยวหวานเยาะเย้ยและพูดว่า “เป็นความโชคดีของครอบครัวรองตระกูลโหยว แยกออกจากกันเพราะคำขอร้องที่หนักแน่นของโหยวไท่ซื่อ ครอบครัวที่สองจึงไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับครอบครัวใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจจะถึงเวลาที่รุ่งเรืองของพวกเขาแล้วก็ได้”
ความสัมพันธ์ระหว่างโหยวฝ่างฉินกับซูหลิน ใครบอกว่าครอบครัวที่สองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซูหลิน
โหยวฝ่างฉินเสียชีวิตแล้วและครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยวก็ไม่มีแล้ว บางทีซูหลินจะสนับสนุนครอบครัวรองตระกูลโหยวให้ไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
…….
บทที่ 1698 ซินเถามาเยือน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของกู้เสี่ยวหวาน
ค่ำคืนนั้น ฉินเย่จือกลับมา
หลังจากบอกกู้เสี่ยวหวานถึงสาเหตุความตกต่ำของครอบครัวใหญ่ตระกูลโหยวแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกประหลาดใจ “โหยวเหอทำความผิดร้ายแรงจริง ๆ”
“เมื่อสามปีก่อนไทเฮาออกราชโองการว่าฮ่องเต้ยังเด็ก และต้องการทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงานเพื่อปวงประชา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีแต่ฮองเฮาและกุ้ยเฟยสองคน เนื่องจากสตรีข้างกายฮ่องเต้มีน้อยและฮ่องเต้เองก็ยังเป็นเพียงเด็ก นางจึงไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับรัชทายาท แต่การเลือกนางสนมในทุกสามปีกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เกรงว่าโหยวเหอคงจะกังวล และต้องการตั้งท้องลูกของฮ่องเต้ให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาตำแหน่งกุ้ยเฟยให้มั่นคง และหวังตำแหน่งที่สูงส่งกว่านี้”
“ท่านหมายความว่านางต้องการใช้ลูกเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและเป็นฮองเฮาหรือ?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ฉินเย่จือพยักหน้า “นางตายไปแล้ว แม้จะอยากได้คำตอบมากแค่ไหนก็ไม่อาจคาดคั้นคำตอบได้”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าและถอนหายใจเบา ๆ “นางเป็นคนโหดเหี้ยม หากต้องการปีนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น นางก็ต้องรับผลที่ตามมา”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเอ่ยประโยคอันแสนเศร้านั้น ฉินเย่จือก็รู้สึกอึดอัดมาก ชายหนุ่มคว้าตัวกู้เสี่ยวหวานมากอดไว้และหลับตาลง และลูบไล้ผิวแขนที่เรียบเนียนของกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “หวานเอ๋อร์ เราจะเป็นคู่ชีวิตกันไปตลอดชีวิต ข้าสาบาน ในชีวิตนี้ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
ฉินเย่จือไม่เคยกล่าวสัตย์สาบานที่ใดมาก่กอน แต่ตอนนี้กลับเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กู้เสี่ยวหวานกอดอีกฝ่าย คำพูดของเขาทำให้นางรู้สึกสบายใจ “ข้ารู้ ข้าเข้าใจ ในชีวิตนี้ข้าต้องการท่านคนเดียวเท่านั้น”
ค่ำคืนแห่งความเงียบงัน ค่ำคืนที่เหน็บหนาว
ฉินเย่จือออกไปก่อนรุ่งสาง เมื่อกู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยขณะที่สัมผัสผ้าปูที่นอนเย็นเฉียบด้านข้าง แต่อย่างไรก็ต้องไม่ให้อารมณ์ของตัวเองส่งผลกระมบต่อฉินเย่จือ
หลังมื้ออาหารเช้า โค่วไห่มารายงานว่ามีคนอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของกู้เสี่ยวหวาน และต้องการพบตนเอง
“พี่สาวหรือ?” กู้เสี่ยวหวานยังคงรับประทานอาหารเช้าอยู่ หลังจากได้ยินเรื่องนี้ก็พลันนึกถึงกู้ซินเถาลูกพี่ลูกน้องของตนเองทันที
“นางมาที่เมืองหลวงหรือ” กู้เสี่ยวหวานวางชามลง และถามด้วยความอยากรู้
เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินสิ่งนี้ จึงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเอ่ยอย่างหวาดระแวง “พวกนางมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด
“นางบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของอันผิงจวิ้นจู่ นางไม่ได้เจอคุณหนูนานแล้วและต้องการพบอันผิงจวิ้นจู่”
“เสี่ยวหวาน ให้นางกลับไปเถอะ ครอบครัวใหญ่ใจจืดใจดำ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด” กู้ฟางสี่ไม่เห็นด้วยที่จะพากู้ซินเถาเข้ามา และรีบแนะนำเรื่องนี้กับกู้เสี่ยวหวาน
“ท่านอา นางไม่เคยมาเมืองหลวงมาก่อน เช่นนั้นแล้วนางรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ที่ไหน และนางรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ข้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นจวิ้นจู่แล้ว เรื่องนี้บังเอิญเกินไป ดังนั้นข้าจะต้องถามนางให้รู้เรื่อง” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจกู้ซินเถาที่ภายนอกแข็งแกร่งแต่ภายในว่างเปล่า และสั่งให้คนพานางเข้ามา
หน้าประตูสวนชิงมีสิงโตหินขนาดใหญ่สองตัว ดวงตาของสิงโตนั้นกลมโตมีขนาดใหญ่พอกับระฆังทองแดง ใบหน้าของพวกมันก็ดุร้ายจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
เมื่อกู้ซินเถาเห็นสิงโตหินสองตัวก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า นางจึงเดินกระย่องกระแย่งอย่างหวาดกลัวและในที่สุดก็หยุดลงหน้าประตูสวนชิง
บริเวณด้านหน้าไม่มีแม้แต่คนเฝ้ายาม ดังนั้นกู้ซินเถาจึงไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป และเคาะประตูสวนชิงสองสามครั้ง
หลังจากเคาะครั้งที่สามก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายใน
ประตูถูกเปิดพร้อมกับชายหน้าตาหล่อเหล่าผู้หนึ่ง เขาถามว่ากู้ซินเถามาที่นี่มีจุดประสงค์ใด เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นแต่งกายธรรมดา แต่เขาก็ยังดูหล่อเหลา จึงคิดว่าชายผู้นี้เป็นคนข้างกายผู้ติดตามกู้เสี่ยวหวาน ยิ่งกู้ซินเถาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น
ทำไมกัน… หน้าตาของนางก็สวยสดงดงาม เหตุใดถึงไม่มีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาอยู่ข้างกายบ้าง?
ชายรูปงามทั้งหมดล้วนติดตามอยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวาน แต่รอบกายนางกลับไม่มีผู้ใดเลย
“พี่ใหญ่ ข้าต้องการพบอันผิงจวิ้นจู่ ข้าเป็นพี่สาวของนาง ข้ามาจากนอกเมืองเพื่อมาหานาง ดูสิ นี่คือท่านป้าของอันผิงจวิ้นจู่”
กู้ซินเถาแนะนำซุนซื่อที่อยู่ด้านข้าง โค่วไห่มองไปที่ใบหน้าของพวกนางสองคน เขารู้ว่าแม่นางมีญาติและยังรู้ว่าคุณหนูเกือบจะถูกกำจัดโดยบุคคลที่อ้างว่าตัวเองเป็นป้า
ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้เขาก็ยิ่งเศร้า พวกนางเอ่ยว่าตนเองเป็นญาติของคุณหนูอย่างไม่ละอายใจ แต่พวกเขากลับปล่อยให้คุณหนูของตนทุกข์ทรมาน
เมื่อโค่วไห่เห็นรูปลักษณ์ที่น่ารังเกียจของคนสองคนนี้ เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา
“พวกท่านทั้งสองโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานให้คุณหนูทราบ” หลังจากพูดจบ โค่วไห่ไม่สนใจว่าประตูจะอยู่ใกล้คนเหล่านั้นเพียงใดและปิดประตูโดยตรง
ไม่ง่ายเลยที่กู้ซินเถาและซุนซีเอ๋อร์จะเห็นคนจากสวนชิง และก่อนที่พวกนางจะเอ่ยถาม คนคนนั้นก็ไล่พวกนางออกไปราวกับขโมย ในเวลานั้นพวกนางจึงรู้สึกโกรธและพูดประชดประชันว่า “หึ ตอนนี้รวยแล้วจึงไม่สนใจพวกเราที่ยากจนสินะ”
ซุนซีเอ๋อร์พึมพำอย่างไม่พอใจ
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้ นางมองไปที่ประตูสีแดงเข้มและพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “ท่านแม่ไม่เคยได้ยินคำว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือ มารอดูกันว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย”
กู้ซินเถาคิดถึงการทรมานและการกดขี่ที่บุคคลนี้มอบให้นาง และวันหนึ่งนางจะต้องแก้แค้นกู้เสี่ยวหวานให้ได้
ส่วนฉินเย่จือ… เมื่อนางกำจัดเสี้ยนหนามไปได้แล้ว ฉินเย่จือต้องเป็นของนาง
เมื่อคิดว่าไม่ได้เจอฉินเย่จือมาหลายปีแล้ว แต่ใบหน้าที่งดงามราวกับเทพเซียนของเขาก็ยังทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของลูกสาว ซุนซีเอ๋อร์ก็เกิดแผนการขึ้นในใจ “ซินเถา บ้านหลังใหญ่เช่นนี้ สักวันหนึ่งบ้านหลังนี้จะเป็นของครอบครัวเราแน่นอน ไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะทำให้งานแต่งงานของเจ้าเป็นแบบกู้เสี่ยวหวาน ไม่สิ เจ้าต้องดีกว่านาง”
……….