ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1699 ความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง
บทที่ 1699 ความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง
……….
บทที่ 1699 ความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง
ดูเหมือนในภาพฝันซุนซีเอ๋อร์จะเห็นลูกสาวตนเองแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา ได้แต่งงานกับครอบครัวมั่งคัง นางจะไม่กังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงถากถาง “ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับครอบครัวร่ำรวย ตอนนี้ข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว ถ้าจะแต่งงาน ข้าจะแต่งงานกับคนที่มีอำนาจเท่านั้น คนอื่นล้วนไม่ได่อยู่ในสายตาข้า”
ซุนซีเอ๋อร์ไม่คิดว่ากู้ซินเถาจะพูดคำที่เกินตัวขนาดนี้ “ซินเถา สถานการณ์ในครอบครัวของเราเป็นเช่นนั้น การแต่งงานกับคนที่มีอำนาจนี่มัน…”
ซุนซีเอ๋อร์คิดว่าเรื่องนี้ไม่อาจเป็นไปได้ พวกนางล้วนเป็นคนธรรมดาแล้วจะแต่งงานกับตระกูลขุนนางได้อย่างไร จะเป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลร่ำรวยและมีอำนาจแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้าธรรมดา พวกเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลที่เหมาะสมเท่านั้น
ซุนซีเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อ ดังนั้นจึงคิดจะคุยกับซินเถาให้รู้เรื่อง
“ท่านแม่ เหตุใดข้าถึงแต่งงานกับตระกูลที่มีอำนาจไม่ได้” กู้ซินเถาอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย ครั้งได้ยินว่ามารดาไม่ได้ให้กำลังใจตนเองสักนิด “อย่าลืมว่าหมิงตูจวิ้นจู่คือใคร นางต้องการความช่วยเหลือจากเรา ถ้าเราช่วยเขาได้ นางสัญญาว่าจะยอมทำตามทุกอย่างที่เราขอ
ซุนซีเอ๋อร์เห็นว่าลูกสาวของนางต้องการแต่งงานกับครอบครัวที่มากด้วยอำนาจ เรื่องนี้นางรู้อยู่ในใจ หากได้แต่งงานให้ครอบครัวที่ดี นางจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าไปตลอดชีวิต
“เอาล่ะ เอาล่ะ ตราบใดที่เจ้าต้องการข้าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่” เพื่อให้กู้ซินเถาระลึกถึงความเมตตาของนางในอนาคต จึงรีบเห็นด้วยกับกู้ซินเถาเพื่อแสดงความจริงใจ
กู้ซินเถาไม่ได่เอ่ยสิ่งใดอีก แต่กลับถอนหายใจอย่างเย็นชา
ในตอนนั้นเอง ประตูของสวนชิงเปิดออกอีกครั้ง และคนผู้นั้นก็เป็นคนที่มาเปิดประตูให้นางเมื่อครู่
“เชิญท่านสองคน” โค่วไห่พูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก
โค่วไห่เปิดประตูด้านข้างเล็กน้อยแล้วปล่อยให้ทั้งสองคนเข้ามา เมื่อเห็นว่านางได้เข้ามาทางประตูด้านข้างแล้ว กู้ซินเถารีบเดินตามซุนซีเอ๋อร์พลางกระซิบว่า “ท่านแม่เป็นป้าของนาง มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะปล่อยให้ท่านเข้าทางประตูข้าง”
กู้ซินเถากดเสียงให้ต่ำลง เดิมทีนางคิดว่าคนเฝ้าประตูที่นำทางอยู่ข้างหน้านางจะไม่ได้ยินเสียงนาง แต่จะรู้ได้อย่างไรแม้ว่าโค่วไห่จะอยู่ไกล แต่การได้ยินของเขาดีมาก เขามีศิลปะการต่อสู้จึงสามารถได้ยินคำพูดทั้งหมดของกู้ซินเถาได้อย่างชัดเจน
ต้องการเข้าประตูหน้า
ไม่ดูด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสำคัญอย่างไร
โค่วไห่ไม่พูดอะไรและเดินไปข้างหน้าโดยไม่หยุด
กู้ซินเถาเดินไปที่สวนชิง ยิ่งนางเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ สวนชิงที่หรูหรานี้ก็ยิ่งทำให้นางชื่นชอบ
แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว บนพื้นกลับไร้ใบไม้ร่วงหล่น ทุกสถานที่ได้รับการจัดการอย่างดี แต่กลับยังเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศบานสะพรั่ง
“ท่านแม่ ที่นี่สวยจริง ๆ” กู้ซินเถาพูดขึ้น ความริษยาในจิตใจยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางจงใจเดินไปด้านข้าง และมองดอกเบญจมาศที่บานสะพรั่งเหล่านั้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยไฟอิจฉา จากนั้นจึงใช้ประโยชน์จากการไม่มีใครอยู่รอบ ๆ และโค่วไห่ไม่รู้ตัว นางจึงยื่นมือไปดึงกลีบดอกเบญจมาศ
ดอกไม้ที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้เบ่งบานอย่างงดงาม แต่เนื่องจากถูกบังด้วยใบไม้กว้างจึงมองไม่เห็นดอกไม้ที่ถูกเด็ดออก
กู้ซินเถาคิดว่าสิ่งที่นางทำไม่มีที่ติ แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าแม้ว่าโค่วไห่จะหันหลังให้นางแต่เขาก็ยังเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนาง
นั่นคือดอกเบญจมาศที่คุณหนูชอบ คุณหนูต้องมองมันทุกวัน และมูลค่าของมันก็ประเมินค่าไม่ได้
คุณหนูกลัวว่าดอกเบญจมาศจะเติบโตได้ไม่ดี ดังนั้นจึงต้องย้ายดอกไม้ออกไปรับแสงแดดทุกเช้า แล้วย้ายกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ตัดแต่งหลายครั้งต่อวัน
โค่วไห่รู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำของกู้ซินเถา แต่เนื่องจากหญิงผู้นี้เป็นญาติของคุณหนู เขาจึงไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โค่วไห่จึงกล่าวว่า “คุณหนูกู้ ฮูหยินซุน สวนชิงตั้งอยู่บนถนนกว่างหลงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง พืชและต้นไม้ทุกต้นที่นี่เป็นสิ่งล้ำค่า หวังว่าคุณหนูกู้และฮูหยินซุนจะไม่แตะต้องต้นไม้ทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก โต๊ะทุกโต๊ะ เก้าอี้ทุกตัว ถ้าของข้างในเสียหาย เกรงว่าทั้งสองคนจะชดใช้ไม่ไหว”
โค่วไห่พูดด้วยเสียงต่ำ เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าหมายความว่าข้าไม่สามารถจ่ายได้อย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ว่าไม่สามารถจ่ายได้ แต่ไม่สามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน” โค่วไห่ชี้ไปที่ชิ้นส่วนของดอกเบญจมาศที่กู้ซินเถาตั้งใจเด็ดออกมา และพูดด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เมื่อครู่คุณหนูเด็ดดอกเบญจมาศ แค่สัมผัสกลีบนั้นก็ส่งผลต่อความงามของดอกเบญจมาศทั้งหมด ถ้าคุณหนูต้องการจ่าย จะต้องจ่ายเป็นเงินหนึ่งพันตำลึงเงินต่อหนึ่งกลีบ และไม่รู้ว่าคุณหนูจะสามารถจ่ายได้หรือไม่”
“อะไรนะกลีบดอกไม้มีราคาหนึ่งพันตำลึงเงิน ทำไมกู้เสี่ยวหวานไม่ขโมยเงินไปเสียเลยล่ะ” ซุนซีเอ๋อร์แทบจะกรีดร้องเมื่อได้ยินราคาของมัน
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้อ้าปากก็พลันพบว่ามีสายตาดุร้ายจ้องมองมาที่ตน จึงรีบปิดปากสนิท
สายตาของคนรับใช้คนนี้น่ากลัวมาก
ซุนซีเอ๋อร์รีบก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้ามองไปมากกว่านี้
“ฮูหยิน ตอนนี้คุณหนูของข้าคืออันผิงจวิ้นจู่ระดับสอง นางได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ สถานะของนางสูงส่งและไม่มีใครเทียบได้ ข้ายังหวังว่าคุณหนูและฮูหยินจะไม่เรียกคุณหนูของข้าด้วยชื่อส่วนตัว” โค่วไห่เห็นว่าสองคนนี้ไม่มีมารยาท เขาจึงไม่สุภาพอีกต่อไป
กู้ซินเถารู้สึกรำคาญคนรับใช้คนนี้มากจนไม่สามารถพูดอะไรได้ ทั้งมีเงินและสถานะหรือ ใช่ ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีสถานะและความมั่งคั่งที่นางไม่สามารถจินตนาการได้
จวิ้นจู่อันผิงระดับสอง เป็นเถ้าแก่อีกคนของร้านจิ่นฝูและร้านฝูจิ่น
ร้านหล่านเยว่ ตุ๊กตามูลค่าหลายพันตำลึงเงินที่เหล่าคุณหนูทั้งหลายต่างแย่งกันซื้อจนของขาดตลาด
เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าตอนนี้หมิงตูจวิ้นจู่กำลังโกรธจัด งานเลี้ยงขอบคุณทำให้หมิงตูจวิ้นจู่เป็นหนี้องค์หญิงลี่หัวเป็นเงินสามแสนตำลึง
ค่าตุ๊กตาหนึ่งแสนตำลึงเงินให้กับร้านหล่านเยว่ และเงินสองแสนตำลึงเงินให้กับองค์หญิงลี่หัว กล่องหนึ่งบรรจุเงินได้เพียงเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน กู้ซินเถาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับจำนวนเงินอันมากมายขนาดนั้น
ตอนนี้หมิงตูจวิ้นจู่กำลังจะเสียสติเพราะต้องหาเงินสามแสนตำลึงเงิน
เมื่อกู้ซินเถาคิดถึงความต้องการของหมิงตูจวิ้นจู่ เมื่อนางมาที่นี่ กู้ซินเถาก็รู้สึกว่านางมีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง
……….