ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1703+1704 ฆ่าคนไม่ใช้มีด/เข้ามาหลอกเอา
บทที่ 1703 ฆ่าคนไม่ใช้มีด
ในตอนนั้นองค์หญิงลี่หัวได้กล่าวสัญญาไว้ว่าจะให้เงื่อนไขสามประการแก่กู้เสี่ยวหวาน ซึ่งจะต้องไม่ทำร้ายประชาชน ไม่ทำร้ายแผ่นดิน ไม่ทำร้ายราชวงศ์ และฝ่าบาทสามารถทำตามได้ เมื่อซูเทียนซื่อได้ฟังก็ตอบรับทันที
เด็กคนนั้น แม้แต่ครึ่งหนึ่งของร้านจิ่นฝูก็แทบจะมอบให้ตัวเองแล้ว เงินนางคงไม่ต้องการ
ในเมื่อไม่ต้องการเงินเช่นนั้นก็ต้องการเกียรติยศ สิ่งที่ฝ่าบาทมีก็คือเกียรติยศที่สามารถมอบให้ได้
จึงรีบร้อนตอบรับเงื่อนไขขององค์หญิงลี่หัว
จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยปรึกษากันว่าเงินสามแสนตำลึงนี้จวนหมิงอ๋องจะมีวิธีจัดการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
พอถึงวันรุ่งขึ้นหมิงอ๋องก็ร้องไห้เข้าวัง บอกว่าเป็นการเล่นกันของเด็ก การเดิมพันนี้ไม่นับว่าเป็นจริง ฝ่าบาทได้ปรึกษากับไทเฮามานานแล้วและทิ้งปัญหาที่แก้ยากไว้ให้ไทเฮาบอกว่านี่เป็นเรื่องขององค์หญิงลี่หัว ในฐานะที่เขาเป็นฮ่องเต้นั้นทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากต้องการเข้าพบก็ไปเข้าพบไทเฮาเอา
หมิงอ๋องร้องไห้ฟูมฟายไปหาไทเฮาอีก ไทเฮาก็บอกว่าเงินสามแสนตำลึงนี้แม้ว่าจะเป็นการเดิมพันกัน แต่ว่าตอนนั้นสตรีจากตระกูลที่ร่ำรวยยี่สิบกว่าคนได้เห็นกับตาได้ยินกับหูว่าเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อีกทั้งหมิงตูจวิ้นจู่ก็ใกล้จะสิบแปดเป็นผู้ใหญ่ที่ใกล้จะแต่งงานแล้ว จะเป็นการเล่นกันของเด็กได้อย่างไร
กล่าวได้คำเดียวก็ทำให้หมิงอ๋องสำลักจนพูดไม่ออกสักคำ ไทเฮาที่น่าเคารพนับถือผู้นี้ดันเป็นพี่สะใภ้ของเขา เขายังไม่กล้าตำหนิว่าสุ่มสี่สุ่มห้าจริง ๆ
ถ้าหากเป็นฮ่องเต้น้อยนั้นหมิงอ๋องยังสามารถคิดข้ออ้างแก้ตัวในการเหน็บแนมมากขึ้นได้ คราวนี้เขากลายเป็นคนใบ้กินหวงเหลียนจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แล้ว
ดังนั้นเงินสามแสนตำลึงนี้จวนหมิงอ๋องจึงค่อย ๆ รวบรวมมา รวบรวมได้ไม่กี่วันก็เพิ่งรวบรวมได้เพียงหนึ่งแสนตำลึง ต้องให้องค์หญิงลี่หัวยืดเวลาผ่อนผันไปอีกหลายวัน
องค์หญิงลี่หัวได้รับเงินก็แบ่งเงินหนึ่งแสนตำลึงนี้ออกเป็นสองส่วนในทันที ส่วนหนึ่งแบ่งให้ไทเฮา ส่วนหนึ่งแบ่งให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทมีความสุขจึงให้นางเก็บเงินที่เหลือทั้งหมดสองแสนตำลึงไว้เป็นเงินส่วนตัวขององค์หญิงลี่หัว
องค์หญิงลี่หัวได้รับเงินสองแสนตำลึง ถึงแม้จะยังไม่ถูกส่งไปที่ตำหนักของนางก็ตาม แต่คาดว่าหมิงอ๋องเองก็คงไม่กล้าที่จะบิดพลิ้ว ดังนั้นจึงหัวเราะชอบใจและรอคอยอยู่ในตำหนักให้จวนหมิงอ๋องส่งเงินมา
หัวเราะมีความสุขอยู่ทุกวัน เดิมทีอยากออกไปนอกวังเพื่อไปขอบคุณกู้เสี่ยวหวานต่อหน้า แต่จนใจที่การออกนอกวังไม่เหมือนกับการออกไปนอกจวน ซึ่งไม่สะดวกมากอย่างยิ่ง จึงนึกถึงวันเกิดของไทเฮาที่ใกล้จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้นได้พบกันอีกถานอวี้ซูจะต้องขอบคุณกู้เสี่ยวหวานมากอย่างแน่นอน
กู้เสี่ยวหวานฟังแล้วก็รู้สึกดีใจมากที่องค์หญิงองค์หนึ่งสามารถมีเงินติดตัวได้สองแสนตำลึง ทั้งเป็นเงินจริงที่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้ ซึ่งดีกว่าของตายพวกนั้นมาก
ถานอวี้ซูงดงามมาก ครั้งนี้สามารถทำให้ซูหมิ่นยอมรับความพ่ายแพ้ได้
“ท่านพี่ ข้าได้ยินมาว่าซูหมิ่นนั้นถูกบิดานางกักขังไว้อยู่ในจวน ห้ามไม่ให้นางออกมาข้างนอก” ถานอวี้ซูพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้นางไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรได้แล้ว”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “นางอยากสร้างปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องให้นางลงมือ”
หมิงตูจวิ้นจู่อยากใส่ร้ายคนคนหนึ่ง ยังจะต้องให้นางลงมือทำเองอีกหรือ
แม้ว่านางจะถูกกักบริเวณอยู่ในจวนหมิงอ๋องตลอดชีวิต นางเห็นผู้ใดขัดหูขัดตาก็สามารถกำจัดทิ้งได้
ผู้ใดก็ตาม
ถานอวี้ซูแค่นเสียงเย็น “พี่สาวตอนนี้ท่านมีฝ่าบาทแล้ว ไทเฮาและองค์หญิงลี่หัวก็คอยช่วยอยู่ ซูหมิ่นอยากทำร้ายท่านก็ลองดูว่าฝ่าบาทจะยินยอมหรือไม่”
……
บทที่ 1704 เข้ามาหลอกเอา
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฝ่าบาทจะช่วยเหลือตัวเอง เพียงแต่ซูหมิ่นอยู่ในที่ลับ นางอยู่ในที่แจ้ง กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถคาดเดาได้ว่านางจะใช้กลอุบายอะไรมาจัดการกับตัวเอง
ตอนนี้ก็ได้เพียงแต่ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเท่านั้น
“ท่านพี่ ไม่พูดถึงเรื่องที่น่ารำคาญพวกนั้นแล้ว ถ้าซูหมิ่นนั้นกล้าทำร้ายท่าน ข้าจะทำให้นางได้เห็นดีแน่” ถานอวี้ซูโบกกำปั้นพูดด้วยท่าทางดุร้าย
เมื่อเห็นนางปกป้องตัวเองมากเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ขำพรืด แม้แต่พวกสาวใช้ในห้องเหล่านั้นก็ปิดปากหัวเราะกันตามไปด้วย
แต่มีเพียงคนหนึ่งในนั้น จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองถานอวี้ซู จากนั้นก็ก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว จึงจะปิดปากหัวเราะขึ้นมาตามทุกคน
ท่ามกลางคนหมู่มากการกระทำดูเหมือนจงใจมาก
ทันใดนั้นเสียงที่หวานหยาดเยิ้มก็ดังมาจากด้านนอก “เสี่ยวหวาน ข้าเอาขนมฝูหรงมาจากบ้านเกิด เจ้าลองชิมดูสิ เจ้าให้ข้าเข้าไปด้านในนั้น นางเป็นลูกพี่ลูกน้องข้านะ”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงแข็งกระด้างพูดว่า “คุณหนูท่านนี้ คุณหนูข้าบอกไว้แล้วว่าท่านไม่สามารถเดินไปมาอยู่ในสวนชิงได้ตามอำเภอใจ รบกวนท่านรีบกลับไปที่ลานจวนของท่านโดยเร็วเถอะ”
“ข้ากลับไปแน่ แต่ตอนนี้ข้าจะต้องเอาของให้ลูกพี่ลูกน้องกิน เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน”
กู้ซินเถาเห็นโค่วไห่เริ่มไล่นางจากไปแล้ว แต่ว่าในห้องก็ยังไม่มีใครออกมา จึงอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจเล็กน้อยและตะโกนเสียงดังลั่นต่อว่า “เสี่ยวหวาน ข้าเอาขนมฝูหรงจากบ้านเกิดมาให้เจ้ากิน เจ้าชอบขนมฝูหรงของอวี๋จี้ที่สุดไม่ใช่หรือ”
ขนมฝูหรงของอวี๋จี้
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเสียงด้านนอกของกู้ซินเถาดังเพิ่มขึ้น นึกถึงขนมฝูหรงนั้นจึงยิ้มหยัน
ดูเหมือนว่ากู้ซินเถานี้จะมาแสดงความรักความผูกพันระหว่างลูกพี่ลูกน้องให้ตัวเองแล้ว
เพียงแต่กู้ซินเถาคิดจริง ๆ หรือว่าหลังจากที่ตัวเองออกจากเมืองหลิวเจียแล้ว ขนมฝูหรงของร้านอวี๋จี้นั้นนางจะยังชอบกินอยู่
ขนมฝูหรงที่ทำในร้านขนมทุกแห่งในเมืองหลวง ล้วนอร่อยกว่าของอวี๋จี้
คนเราจะอาลัยอาวรณ์เรื่องราวเก่า ๆ ก็ต้องดูว่าเรื่องราวเก่า ๆ นี้ควรค่าให้หวนนึกถึงหรือไม่
“ท่านพี่ ด้านนอกคือ”
ถานอวี้ซูได้ยินเสียงที่ตะโกนลั่นด้านนอกจึงถามอย่างสงสัย
“พวกเราไปดูกันเถอะ นั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ข้ารักและผูกพันมาก” กู้เสี่ยวหวานจับมือถานอวี้ซู พอออกประตูมาก็เห็นว่าลานด้านนอก โค่วไห่กำลังถือแผ่นไม้หนึ่งแผ่นปิดกั้นตรงทางเข้าลานบ้าน ไม่ให้กู้ซินเถาเข้ามา
ส่วนในมือของกู้ซินเถานั้นนางถือขนมฝูหรงที่เอามาด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ พอเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาแล้ว ดวงตาก็สว่างขึ้น
“เสี่ยวหวาน เจ้ารีบมาชิมสิ พี่สาวเอาขนมฝูหรงมาจากอวี๋จี้ เจ้ารีบชิมเร็วเข้า หลายปีมานี้ยังเป็นรสชาติเช่นเดิมอยู่เลย” กู้ซินเถาเห็นว่าในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็ออกมาแล้ว จึงยิ้มและรีบร้อนเปิดขนมในมือส่งขนมฝูหรงให้แก่กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานมาถึงตรงหน้ากู้ซินเถาและมองนางจากที่สูงลงล่าง
แม้ว่ากู้ซินเถาจะอายุมากกว่ากู้เสี่ยวหวานสองปี แต่เนื่องจากว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้กู้เสี่ยวหวานกินดี นอนหลับดีและยังออกกำลังกาย ดังนั้นตอนนี้รูปร่างของนางจึงสูงกว่ากู้ซินเถาครึ่งหนึ่งและกำลังหลุบตามองนางอยู่ในตอนนี้
กู้ซินเถาส่งขนมฝูหรงให้กู้เสี่ยวหวานอย่างประจบเอาใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “เสี่ยวหวาน เจ้าลองชิมดู รสชาติยังเหมือนกับตอนที่พวกเรายังเด็กเหมือนเดิมเลย”