ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1705+1706 โง่เขลา/วันเกิดของไทเฮา
บทที่ 1705 โง่เขลา
กู้เสี่ยวหวานเอื้อมมือไปหยิบขนมฝูหรงในมือของกู้ซินเถาแล้วมองดู
กู้ซินเถาจึงพูดอย่างมีความหวังว่า “เสี่ยวหวานลองชิมดูสิ อร่อยมากเลยนะ”
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเบา ๆ “งั้นหรือ”
“ใช่แล้วเสี่ยวหวาน เจ้าให้คนผู้นี้หลีกทางไป ข้ายังมีขนมฝูหรงอีกเยอะเลย” กู้ซินเถาพูดพลางชี้ไปที่โค่วไห่ “น้องสาวข้าออกมาแล้ว เจ้ายังไม่รีบให้ข้าเข้าไปอีก”
โค่วไห่ไม่ได้ขยับและยังคงถือแผ่นไม้ขวางเอาไว้อย่างหนักแน่น ไม่อนุญาตให้กู้ซินเถาเข้าไป
กู้เสี่ยวหวานมองแผ่นไม้ที่ไม่รู้ว่าโค่วไห่ไปหามาจากไหน ในตอนนี้กำลังปิดขวางประตูลานจวนไม่ให้กู้ซินเถาเข้ามาใกล้แม้แต่ครึ่งก้าว
นี่ก็ทำให้เขาลำบากใจแล้ว บุรุษและสตรีไม่ควรแตะต้องพูดคุยสนิทสนมกันเกินควร กู้ซินเถานี้สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บุรุษและสตรีไม่ควรแตะต้องพูดคุยสนิทสนมกันเกินควรคืออะไร ในสายตาของนางล้วนไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องแล้ว วันนี้ข้ามีแขกที่มีเกียรติอยู่ที่นี่ ท่านกลับไปก่อนเถิด ขนมฝูหรงนี้ข้าไม่ชอบกินแล้ว ท่านเก็บไว้ให้ตัวเองกับท่านป้ากินเถอะ” พูดจบกู้เสี่ยวหวานก็ไม่แม้แต่จะมอง ยัดขนมฝูหรงในมือกลับคืนไปอยู่ในมือของกู้ซินเถา
“เสี่ยวหวาน นี่ข้าตั้งใจนำขนมฝูหรงจากบ้านเกิดมาให้เจ้าโดยเฉพาะ เป็นความตั้งใจของพี่สาวเชียวนะ” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่กินใบหน้าของกู้ซินเถาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ แต่พอเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้เพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีกับนาง จำต้องกดข่มความโกรธไว้ในใจลงสองรอบจึงจะสะกดกลั้นกลับไปได้
“คุณหนูกู้ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้พี่สาวข้าเป็นอันผิงจวิ้นจู่ระดับสองแล้ว มีฐานะสูงส่งอย่างมาก ขนมฝูหรงที่ไม่ทราบที่มาที่ชัดเจนนี้ ท่านไม่กลัวว่าท่านพี่กินเข้าไปแล้วจะท้องเสียหรือ”
ถานอวี้ซูยิ่งไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกู้ซินเถา เมื่อเห็นว่านางประจบประแจงท่านพี่เช่นนี้จึงนึกถึงอดีตที่นางทำร้ายกู้เสี่ยวหวาน คนเช่นนี้นางไม่สามารถชอบขึ้นมาได้จริง ๆ
ยิ่งกว่านั้นพอเห็นท่าท่างที่พยายามประจบประแจงของนางในตอนนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าความคิดที่สกปรกในใจของนางจะคืออะไร
กู้ซินเถายิ่งไม่เคยพบเจอถานอวี้ซูมาก่อน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ว่านางมีฐานะสูงส่งจนเทียบไม่ได้ แต่เมื่อเห็นนางเทียวเอ่ยปากเรียกกู้เสี่ยวหวานว่าพี่สาว จึงคิดว่าคนผู้นี้เองก็มาประจบฐานะของกู้เสี่ยวหวานด้วยเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะไม่พอใจ “เจ้าเป็นคนเช่นไรกัน ข้าพูดคุยกับน้องสาวข้า ให้เจ้าพูดสอดขึ้นมาเมื่อใด”
กู้ซินเถาจ้องมองถานอวี้ซูด้วยความโมโห
ก็เห็นอาชิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากตำหนิขึ้นมาทันทีว่า “บังอาจ นี่คือฮู้กั๋วจวิ้นจู่ฐานะสูงส่งเทียบไม่ได้ จะปล่อยให้คนต่ำต้อยผู้หนึ่งตะโกนเรียกตรงหน้าได้อย่างไร ยังไม่คุกเข่าลงอีก”
“อาชิง บังอาจ”
พอถานอวี้ซูได้ยินก็ตำหนิทันที ก็เห็นอาชิงกวาดสายตามองอย่างรวดเร็วแล้วคุกเข่าลงขอร้องความเมตตาทันทีว่า “จวิ้นจู่ไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ จวิ้นจู่ไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ”
ส่วนกู้ซินเถานั้นเดิมทียังอยากจะด่าทอต่อ พอได้ยินอาชิงบอกว่าคนผู้นี้แท้จริงคือฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ก็ตกใจกลัวจนใบหน้าเขียวแล้ว
ที่แท้คนผู้นี้คือฮู้กั๋วจวิ้นจู่
ในต้าชิงทั้งหมดนั้นมีจวิ้นจู่อยู่สามคน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีเชื้อสายราชวงศ์ที่แท้จริงซึ่งก็คือหมิงตูจวิ้นจู่ อีกสองคนนั้นคือกู้เสี่ยวหวานและอีกคนนั้นก็คือถานอวี้ซูหลานสาวสายตรงของแม่ทัพ ได้ยินมาว่าเติบโตอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาถูกไทเฮาเลี้ยงดูจนเติบโตมาพร้อมกับองค์หญิงลี่หัว ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
……
บทที่ 1706 วันเกิดของไทเฮา
พอได้ยินว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองนั้นแท้ที่จริงแล้วคือฮู้กั๋วจวิ้นจู่ กู้ซินเถาก็ตื่นตระหนกในทันที คุกเข่าลงไปเสียงดัง “ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ขออภัยเจ้าค่ะ เป็นข้าที่มีตาแต่ไร้แวว”
ถานอวี้ซูเห็นว่าคนผู้นี้คุกเข่าขดตัวอยู่บนพื้น รู้ว่าคนผู้นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของกู้เสี่ยวหวาน แม้ว่าในใจจะไม่ชอบคนผู้นี้มากก็ตาม แต่เนื่องด้วยฐานะของนาง ถานอวี้ซูเองก็ไม่อาจทำอะไรนางได้ ดังนั้นจึงพูดว่า “เจ้ารีบลุกขึ้นมาเถอะ”
กู้ซินเถาได้ยินแล้วก็คิดอยากจะลุกขึ้นมา แต่ว่าเนื่องจากตกใจกลัวจนขาสั่น ขาทั้งสองข้างจึงหมดเรี่ยวแรง หวาดกลัวจนตัวสั่นจนลุกขึ้นยืนไม่ได้ สักพักก็ลงไปนั่งคุกเข่าอีกรอบ ด้วยท่าทางที่ขี้ขลาดอ่อนแอนั้น ใบหน้าถานอวี้ซูได้แต่ยุ่งเหยิงอย่างจนปัญญามองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวให้นาง ส่งสัญญาณบอกใบ้นางว่าอย่าเข้ามายุ่ง จากนั้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานเดินเข้าไปประคองกู้ซินเถาขึ้นมาแล้วพูดว่า “จวิ้นจู่อนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นมาแล้วก็ลุกขึ้นมาเถอะ ต่อไปถ้าหากไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องมาในลานจวนของข้าที่นี่”
นี่กู้เสี่ยวหวานกำลังกักบริเวณนางหรือ
คาดไม่ถึงว่าจะไม่ให้นางมา
ต่อหน้ากู้ซินเถาไม่ได้แสดงออกอะไรให้เห็น แต่ทว่าในใจนั้นกลับเกลียดชังมากอย่างยิ่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับฮู้กั๋วจวิ้นจู่ นางไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้แม้แต่ครึ่งคำ อย่างไรเสียฐานะของฮู้กั๋วจวิ้นจู่นั้นก็สูงส่งจนไร้ที่เปรียบ นางเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญจะทำเรื่องบุ่มบ่ามสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไรกัน
อาจั่วเข้ามาประคองกู้ซินเถาท่าทางราวกับนกเหยี่ยวหิ้วลูกไก่ลากนางจากไป
กู้ซินเถาจากไปแล้ว ทุกคนจึงกลับมาสงบสุขเหมือนเมื่อครู่นี้อีกครั้ง
ถานอวี้ซูเห็นว่าคนผู้นี้มาสวนชิงเช่นนี้แล้วจึงพูดว่า “ท่านพี่ นางมาเมืองหลวงได้อย่างไร”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว นางไม่รู้จริง ๆ
“ข้ารู้เพียงแค่ว่าท่านลุงและกู้จือเหวินนั้นยังอยู่ที่เมืองรุ่ยเสียนเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ เหตุใดพวกเขาจึงกลับมานั้น ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน”
“ท่านพี่ ข้ามีคำพูดหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดออกมาดี” ในใจถานอวี้ซูมีความลังเลเล็กน้อย
กู้เสี่ยวหวานมองดูนางและส่งสัญญาณให้นางพูดต่อ “เจ้าพูดมาเถอะ ระหว่างพวกเราพี่น้องมีเรื่องอะไร เจ้าพูดมาไม่เป็นไรหรอก”
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่ากู้ซินเถาผู้นี้เหมือนจะเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว วันเกิดของไทเฮาก็กำลังจะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ถ้าหากบอกว่านางมาที่นี่เพราะพี่ชายนางกำลังสอบเคอจวี่ เช่นนั้นนางรู้ได้อย่างไรว่าพี่ชายนางจะได้รับเลือกแน่นอน ถ้าหากไม่ได้รับเลือก เช่นนั้นพวกเขาจะอยู่ในเมืองหลวงอย่างไรหรืออยู่ที่ไหน หรือว่าวางแผนจะอยู่ในสวนชิงของท่านไปตลอดชีวิตงั้นหรือ” ถานอวี้ซูถามอย่างสงสัย
นี่ไม่ใช่ครอบครัวคนที่เป็นปึกแผ่นเดียวกัน พออยู่ด้วยกันจึงมักรู้สึกแปลก ๆ นอกจากนี้นางก็รู้ว่าครอบครัวใหญ่ตระกูลกู้นี้เคยทำเรื่องที่ทำร้ายกู้เสี่ยวหวานมาไม่น้อย
พังพอนสามารถกลายเป็นไก่ในเพียงชั่วข้ามคืนได้หรือ
เป็นไปไม่ได้
คนบางคนจิตใจชั่วร้ายก็จะชั่วร้ายไปตลอด
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวยิ้มอย่างเย็นชา “อยู่ในสวนชิงไปตลอดชีวิต เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูว่านางจะมีวาสนานั้นหรือไม่ที่จะได้อยู่ต่อไป”
ถ้าหากกู้ซินเถาไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรก นางยังสามารถรั้งให้พวกนางอยู่ต่อได้อีกสักระยะ แต่ถ้าหากพวกนางมีแผนการในใจ กู้เสี่ยวหวานนั้นก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยสนับสนุนพวกนางให้มากขึ้น
คำพูดของถานอวี้ซูทำให้กู้เสี่ยวหวานต้องคอยจับตาดูให้มากขึ้น หลังจากที่ถานอวี้ซูจากไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ให้อาโม่ไปที่เมืองรุ่ยเสียนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของกู้ซินเถา
พี่ชายของนางยังสอบเคอจวี่อยู่ที่เมืองรุ่ยเสียน เหตุใดนางจึงนำหน้ามาก่อน
ตั้งแต่นั้นมากู้เสี่ยวหวานก็คอยระมัดระวังกู้ซินเถาและซุนซีเอ๋อร์มากขึ้น ด้วยนิสัยที่หยิ่งผยองของกู้ซินเถานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบากหน้ามาหาที่พักเพียงแค่ชั่วคราวอย่างแน่นอน
สองแม่ลูกกู้ซินเถาอยู่ต่อก็ถูกจัดให้อยู่ในลานเรือนที่เงียบสงบมาก ซึ่งอยู่ไกลจากลานเรือนที่กู้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่ ในลานนั้นมีบ่อน้ำและห้องครัว ในทุกวันโค่วไห่จะไปซื้ออาหารเพิ่มสำหรับสองคน จากนั้นโค่วไห่จะนำอาหารที่พวกนางอยากกินในวันนั้นส่งให้แก่พวกนางส่วนอย่างอื่นนั้นล้วนไม่สนใจ
กู้ซินเถาคิดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานจะใจร้ายเช่นนี้ บอกว่าไม่มีคนรับใช้ก็คือไม่มีเลยจริงๆ
นอกจากนี้ลานเรือนที่กู้เสี่ยวหวานอาศัยอยู่นั้น กู้ซินเถาและซุนซีเอ๋อร์ไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้แต่ครึ่งก้าว
พวกบ่าวและสาวรับใช้ในลานเรือนนั้นเหมือนกับมีดวงตาที่ยาว ขอเพียงแค่พวกนางเข้าใกล้แค่เล็กน้อยก็จะถูกค้นพบ หลังจากนั้นก็มาหาพวกนางอย่างเงียบเชียบ เตือนพวกนางว่าทำลายกฎแล้ว จากนั้นก็เชิญพวกนางให้กลับไป
กู้ซินเถาอยากเข้าใกล้กู้เสี่ยวหวานหลายครั้ง แต่ว่าแต่ละครั้งนั้นต่างก็จบลงอย่างเดิม กู้ซินเถาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเส้นตายที่หมิงตูจวิ้นจู่กำหนดไว้เรื่อย ๆ แล้ว นางยังจับจุดอ่อนของกู้เสี่ยวหวานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จึงร้อนใจจะแย่แล้ว
อาโม่รับคำสั่งแล้วก็ไป เพียงแต่การเดินทางกลับเมืองหลวงนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อย ดังนั้นก่อนที่จะได้รับข่าวของกู้ซินเถา วันเกิดของไทเฮาก็มาถึงแล้ว
กู้เสี่ยวหวานช่วยให้องค์หญิงลี่หัวได้รับเงินสามแสนตำลึง ไทเฮาจึงมีความสุขมากอย่างยิ่ง จึงมีรับสั่งให้กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูเข้าวังหลวงก่อนกำหนด อยู่ในวังเป็นเพื่อนองค์หญิงลี่หัวและเข้าร่วมงานวันเกิดของไทเฮาในวังหลวงในวันรุ่งขึ้น
กู้เสี่ยวหวานถือว่าเป็นสตรีสามัญชนคนแรกที่ถูกไทเฮารับเชิญไปเข้าร่วมฉลองวันเกิดในวันแรกเป็นการส่วนตัว แม้แต่หมิงตูจวิ้นจู่ก็ยังไม่เคยได้รับการต้อนรับที่มีเกียรติเช่นนี้
หลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ทุกคนต่างพากันฮือฮา
พากันคาดเดาถึงฐานะของกู้เสี่ยวหวานกับไทเฮา
ในวันเกิดไทเฮาให้ถานอวี้ซูอยู่เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น อย่างไรเสียถานอวี้ซูก็เติบโตขึ้นมาใต้ฝ่าเท้าของไทเฮาตั้งแต่เด็ก
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่ทั้งญาติและคนสนิท ทว่าไทเฮากลับรักเอ็นดูนางเช่นนี้ ดังนั้นอันผิงจวิ้นจู่ผู้นี้จึงกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงอันดับหนี่งของต้าชิงในทันที
วันเกิดของไทเฮาเริ่มขึ้นในวันที่สภาพอากาศแจ่มใส
กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูแต่งตัวเต็มยศไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของไทเฮา
องค์หญิงลี่หัวต้องออกมาพร้อมกับไทเฮา ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูจึงล่วงหน้ามารอที่ท้องพระโรงก่อน พวกนางทั้งสองมากันไม่เช้านัก ยังไม่ทันที่จะเข้าไปในท้องพระโรงก็เห็นว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยอยู่ในท้องพระโรงแล้ว ไม่ว่าจะนั่งจะยืนอย่างกระจัดกระจายอยู่ในที่ของตัวเอง หรือว่าพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ รอคอยการเสด็จมาของฝ่าบาทและไทเฮา ขันทีร้องป่าวประกาศเสียงดังว่า “ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ อันผิงจวิ้นจู่มาถึงแล้ว”
ทันใดนั้นสายตาที่อยู่ในท้องพระโรงทั้งหมดก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
เห็นเพียงฮู้กั๋วจวิ้นจู่กับสตรีที่สวมเสื้อผ้างดงามก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้า
เห็นเพียงกระโปรงผ้าโปร่งสีม่วงอ่อนของสตรีผู้นั้นลากไปบนพื้นและสวมเสื้อขนจิ้งจอกสีขาวหิมะ ผิวที่ขาวอมชมพูนั้นยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าสตรีผู้นั้นงดงามอย่างมาก