ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1713 รางวัลใหญ่
บทที่ 1713 รางวัลใหญ่
กู้เสี่ยวหวานหันไปมองคนที่พูดกับตนเอง จึงเห็นว่าที่ด้านข้างของนักบัณฑิตหลินมีหลินจิhงหรูนั่งอยู่ กำลังมองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม
หนวดเคราขาวโพนเต็มใบหน้าของบัณฑิตหลินนั้น ถึงแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงเฉียบแหลม ให้ความรู้สึกตระกูลบัณฑิตที่ยิ่งใหญ่
มิน่าล่ะ ลักษณะท่าทางของหลินจิ้งหรูจึงดูสง่างาม เรียบร้อยและจิตใจดี ดู ๆ แล้วคนในตระกูลหลินคงเปรียบเสมือนต้นสนที่สูงตระหง่าน จนทำให้ใครไม่กล้าที่จะดูถูก
“วันนี้ตระกูลหลินจะสร้างความลำบากใจอะไรให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ งั้นหรือ” ครั้นฮ่องเต้เห็นบัณฑิตหลินหันไปคุยกับกู้เสี่ยวหวานจึงพูดขึ้นด้วยความสนใจ
อาจารย์หลินลูบเคราขาวโพนของตน พลางยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าน้อยจะกล้ารบกวนอันผิงจวิ้นจู่ได้อย่างไร เพียงแต่เมื่อก่อนได้ฟังบทกลอนของอันผิงจวิ้นจู่ที่งานเลี้ยงบทกวี จึงรู้สึกชอบในความสามารถของอันผิงจวิ้นจู่เป็นอย่างมาก วันนี้จึงคันไม้คันมืออยากจะศึกษา”
ผู้อาวุโสหลินถึงแม้ตนเองจะเป็นผู้อาวุโสแต่ก็ไม่มีความถือตนเลยสักนิด และเขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะดูถูกกู้เสี่ยวหวานเพียงเพราะนางเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสหลินรวบรวมหนักสือมาตลอดชีวิต ล้วนเคยอ่านหนังสือมานับไม่ถ้วน แต่วันนี้เขามารบกวนหญิงสาวตัวเล็กคนนี้ เกรงว่ากู้เสี่ยวหวานคงไม่ผ่านการทดสอบไปได้ง่าย ๆ แน่
เดิมทีซูหมิ่นนั้นไม่พอใจอยู่แล้ว ตอนนี้ล้วนต้องเก็บไว้ในใจก่อน แต่ไหนแต่ไรก็คิดว่ากู้เสี่ยวหลานกับหลินจิ้งหรูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เกรงว่าเห็นนางทำตัวโดดเด่นเช่นนั้น ในใจก็คงจะร้อนรนอยู่แน่
หลินจิ้งหรูคนที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถมากที่สุดในใต้หล้า
คงคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่มีความสามารถมากที่สุดในโลกนี้จะถูกบดบังด้วยสาวชนบทคนหนึ่ง คิดมาถึงตรงนี้ ซูหมิ่นจึงแสดงความสบายใจออกมา ตระกูลหลินออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ปล่อยกู้เสี่ยวหวานไปง่าย ๆ แน่ เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาสู้กันเสียหน่อยเถอะ
นางมาเพื่อนั่งดูการต่อสู้ และคนที่จะได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็คือนาง
กู้เสี่ยวหวานเห็นความเมตตาบนใบหน้าของผู้อาวุโสหลิน และอยากจะเรียนรู้เรื่องวรรณกรรมกับนางจริง ๆ ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ใต้เท้าหลิน เสี่ยวหวานไม่มีความสามารถ เสี่ยวหวานไม่มีความสามารถพอที่จะแสดงออกมาต่อหน้าผู้อาวุโสหลินได้”
“ดี งั้นวันนี้ก็มาลองดูกันดีกว่า บทกลอนที่เด็กสาวอายุสิบห้าเป็นคนเขียน จะสามารถดึงดูดสายตาของบัณฑิตอันดับหนึ่งในราชวงศ์ต้าชิงของข้าได้หรือไม่ วันนี้เป็นวันพระราชสมภพของไทเฮา ให้ไทเฮาเป็นคนตัดสินไม่ดีกว่ารึ” ฮ่องเต้เหลือบมองมารดาของตนด้วยความเคารพ จากนั้นก็เห็นไทเฮาพยักหน้าด้วยความเมตตาพร้อมพูดว่า “งั้นทำไมไม่ใช้เรื่องราวในวันนี้เป็นการสร้างคำถามขึ้นมาล่ะ”
เรื่องราวของวันนี้
หลังจากที่หลินจิ้งหรูได้ฟัง พลันคิดขึ้นมาได้
ผู้คนในท้องพระโรงต่างพากันตกตะลึง วันนี้เป็นวันพระราชสมภพของไทเฮา ไทเฮาคงไม่อยากจะใช้วันพระราชสมภพของตัวเองมาเป็นข้อปัญหาหรอกใช่ไหม
ผู้คนต่างครุ่นคิดอย่างหนัก ก็เห็นกู้เสี่ยวหวานที่กำลังครุ่นคิด พลางคิดไปเดินไปที่ของล้ำค่าสี่อย่าง ห่างออกไปเพียงสองสามเก้า หลังจากเห็นนางยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าของล้ำค่าสี่อย่าง แล้วจึงหยิบพู่กันจุ่มลงไปที่น้ำหมึก และตวัดลงไปบนกระดาษมีตัวอักษรที่สวยงามปรากฏออกมา
เฟิ่งโหลวมืดมนและงดงาม เจียรุ่ยบรรพชิตเสด็จลงมาแผ่พระกรุณาทั่วสารทิศ
แท่นบูชายามค่ำคืนหนาวเหน็บ งานเลี้ยงเคล้าเสียงบรรเลงจนฟ้าสาง
เหล้าเป่าเฉิงบดพริกส่งกลิ่นหอมหวน ด้ายสีทองห้อยลงมาจากเข็มขัดอายุยืน
ขุนนางเข้าตั้งแถวมองจักรพรรรดิ อวยพรให้จักรพรรดิทรงพระเจริญ อายุยืนยาว
นี่คืออวี้โหลวชุนที่หลิวยงเป็นผู้ประพันธ์ เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่มีอะไรจะจริงไปกว่านี้แล้ว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเขียนเสร็จแล้วพลันวางพู่กัน แล้วจึงหันกลับไปทูลว่า “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี ขอไทเฮาทรงพระเจริญพันปี พันปี พัน ๆ ปี
ชายชราหนวดขาวรีบรุดขึ้นหน้า มองตัวอักษรที่โบยบินสง่าราวมังกรโผบินอย่างไม่เชื่อสายตา ดูงดงามและมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
แค่เห็นตัวอักษรที่มีพลังราวกับนกอินทรีที่กำลังสยายปีก ความธรรมชาติที่พลิ้วไหวราวกับม้าที่รวดเร็ว เขียนออกมาด้วยพลังที่ควบคุมไม่ได้ ไม่พูดว่าคำคำนี้เขียนอย่างไร ง่าย ๆ ก็คือการเขียนเช่นนี้ อาจทำให้หลินไห่เทียนยอมรับแล้ว “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ ตัวอักษรช่างงดงาม บกกลอนก็ช่างดี”
ผู้อาวุโสหลิน ผู้หลงใหลในวรรณกรรมมาโดยตลอดถึงกับมองหญิงสาวตัวเล็กด้วยความชื่นชม หลังจากได้ยินคำชมของผู้อาวุโสหลินแล้ว จึงเข้าใจแล้วว่า หญิงสาวที่มาจากชนบทคนนี้ ได้บดขยี้หญิงสาวหญิงในต้าชิงนี้จนหมดสิ้น
ผู้อาวุโสหลินชื่นชมกู้เสี่ยวหวานเช่นนี้ เกรงว่าหลานสาวสุดที่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างหลินจิ้งหรูที่หญิงสาวที่มีความสามารถที่สุดในใต้หล้านี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้ยินคำชมเช่นนี้จากเขามาก่อน
แม้แต่ฮ่องเต้และไทเฮาที่ได้เห็นก็ชอบใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ไทเฮาก็ปรบมือให้ถึงสามครั้งสามครา และฮ่องเต้ทรงเอ่ยขึ้นมาว่า “รางวัล รางวัล ต้องให้รางวัลใหญ่”
เมื่อฮ่องเต้และไทเฮาพูดจบแล้ว ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงนี้จึงเห็นด้วยขึ้นมาทันที ไม่มีใครกล้าแสดงสีหน้าดูถูก แม้จะพูดว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นมาจากชนบท แต่หญิงสาวคนนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นบรรเลงกู่ฉิน เล่นหมากล้อม เขียนหนังสือหรือวาดภาพ เกรงว่าคงจะทำได้หมด
นางเรียนรู้มาจากใครกัน เรียนรู้หนังสือมาจากใคร ที่ชนบทนั่นคนที่แสดงความสามารถออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้มันไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ฮ่องเต้มองกู้เสี่ยวหวานพร้อมพูดอย่างพอใจว่า “ข้าคิดว่ามีคนที่มีความสามารถเช่นนี้ในต้าชิง ดูแล้วรางวัลเมื่อครู่ที่ข้าประทานให้คงจะไม่พอ ยังไม่พอขอข้าคิดดีดีก่อนว่าข้าควรจะให้อะไรกับเจ้า”
จริง ๆ เมื่อครู่ฮ่องเต้ทรงให้คำมั่นสัญญาที่จะให้พรกับกู้เสี่ยวหวานแล้วข้อหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้ หรือมีเงินมากเท่าไหร่ก็ขอไม่ได้ พรข้อนั้น สามารถแลกกับตำแหน่งสูง หรือแม้แต่เปลี่ยนเป็นทรัพย์สมบัติมากมายได้
พรเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานมีถึงสามข้อแล้ว มิแปลกใจเลย ตอนนี้ฮ่องเต้ใจดีเช่นนี้ เพราะไม่รู้ว่าควรประทานรางวัลแสดงความยินดีแบบไหนให้กู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นฮ่องเต้ทรงคิดหนัก กู้เสี่ยวจึงรีบคุกเข่าไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทูลฮ่องเต้ เสี่ยวหวานไม่ต้องการของรางวัลอะไร เสี่ยวหวานเพียงขอให้ฮ่องเต้และไทเฮาทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ต้าชิงมีความสงบสุข ประเทศสงบสุขสันติตลอดไป”
“ยอดเยี่ยม” เมื่อได้เห็นหลินไห่เทียนปรบมือขึ้นพร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “ดี ดีมาก อันผิงจวิ้นจู่มีใจรักบ้านเมืองแม้จะอายุยังน้อย มิน่าละตอนนั้นที่ทุกเมืองต่างเจอกับปัญหาภัยแล้ง เมืองรุ่ยเสียนจึงเป็นเพียงเมืองเดียวที่อยู่ดีมีสุข กลายเป็นเมืองหลบภัยของชาวบ้าน หญิงสาวที่มีใจรักและเป็นห่วงบ้านเมือง เจ้าทำให้คนแก่ประหลาดใจเสียแล้ว”
หลินไห่เทียนหันไปยกนิ้วให้กู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าที่เรียวขาวแสดงความชื่นชมกู้เสี่ยวหวาน
หลินไห่เทียนคือบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ ได้รับคำชื่นชมมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาก็ที่ไม่มีใครได้รับคำชมจากเขา ก็นับว่าได้แฝงความนัยไว้มากมายแล้ว
วันนี้ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของเขา แต่ยังเกิดขึ้นครั้งแรกกับหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่ง จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงนั้นเกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เมื่อฮ่องเต้และไทเฮาได้ยินคำขอของกู้เสี่ยวหวาน จึงมีรอยยิ้มที่พอใจบนใบหน้า
นางไม่ต้องการ งั้นยิ่งต้องตกรางวัลนางอย่างยิ่งใหญ่