ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1719 หนอนบ่อนไส้
บทที่ 1719 หนอนบ่อนไส้
ด้วยสถานะที่ต่ำต้อยเช่นนี้ นางจะคู่ควรกับท่านพี่จือเย่วได้อย่างไร?
เมื่อเห็นการแสดงออกของน้องสาวมีความสุข ซูหลินรู้ว่าตัวเองเกลี้ยกล่อมนางสำเร็จ และหลังจากห่มผ้าให้นางอย่างระมัดระวัง ก็ยังพูดขึ้นอีกว่า “ที่นี่เป็นจวนของเรา ไม่มีใครสามารถหยุดเจ้าได้ แต่ตอนนี้เจ้าทำได้เพียงแค่รอ ต่อจากนี้จะไม่มีใครในใต้หล้าที่เหนือกว่าเจ้าได้และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จากนี้ไปจะไม่เกิดขึ้นอีก”
ซูหมิ่นพยักหน้าอย่างตื่นเต้น จนกระทั่งซูหลินจากไป ซูหมิ่นยังคงมีความสุขมาก
กู้เสี่ยวหวานนะกู้เสี่ยวหวาน แค่รอให้นางตกลงมาจากแท่นอันสูงส่ง หึ เจ้าก็เป็นแค่สาวชาวนา ถ้าต้องการมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ มาดูกันว่าเจ้าจะดวงดีตลอดไปหรือไม่
รถม้าตระกูลถานไปส่งกู้เสี่ยวหวานที่สวนชิงก่อน แต่ถานอวี้ซูไม่ได้อยู่ทานอาหารเย็นด้วย ปู่ของนางยังคงรอนางอยู่ที่บ้าน ทั้งสองจึงแยกจากกันทันที
เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงสวนชิง ก็เห็นกู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่กำลังรุดหน้ามาทางนี้อย่างรวดนี้
“ข้ากลับมาแล้ว”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานปลอดภัยดี กู้ฟางสี่จึงได้วางใจลง “ทุกอย่างภายในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่”
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหวานเข้าวังหลวงเพราะงานเฉลิมฉลอง ภายในงานมีคนมากมายดังนั้นไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเจอสิ่งใดขึ้นบ้าง กู้ฟางสี่พะว้าพะวังตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เมื่อว่ากู้เสี่ยวหวานปลอดภัยกลับมาจึงรู้สึกโล่งใจ
กู้เสี่ยวอี้ยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ กู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นว่าพี่สาวปลอดภัยดีก็รู้สึกโล่งใจ “ท่านพี่ ดีจริง ๆ ที่ท่านปลอดภัย”
เมื่อเห็นความกังวลใจของพวกนาง กู้เสี่ยวหวานจึงกวาดสายตาสำรวจน้องสาวและอาหญิง พลันใดก็เห็นรอยคล้ำรอบดวงตาของพวกนาง จึงทำให้รู้ว่าสองสามวันนี้พวกนางคงพักผ่อนไม่ได้เต็มที่ นางจึงถอนหายใจและพูดอย่างเป็นกังวล “ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่เป็นไร แต่ดูพวกเจ้าสิ ขอบตาคล้ำเช่นนี้ เกรงว่าเมื่อคืนนี้คงไม่ได้นอนทั้งคืนใช่หรือไม่”
กู้ฟางสี่ถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ตอนนี้นางเหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว
“ท่านพี่ ท่านอาไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน และก็เอาแต่รอท่านจนถึงตอนนี้” กู้เสี่ยวอี้ประคองกู้ฟางสี่ด้วยความเป็นห่วงและพูดว่า “ท่านพี่ ข้าจะพาท่านอากลับไปนอนพักผ่อน”
“รีบไปเถอะ เจ้าก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ข้าสบายดี ไม่ต้องกังวล” กู้เสี่ยวหวานลูบศีรษะของกู้เสี่ยวอี้เพื่อปลอบโยนนาง
กู้เสี่ยวอี้รู้สึกโล่งใจ นางไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา และเมื่อเห็นว่าพี่สาวปลอดภัยดี อาการอ่อนเพลียของนางจึงตามมา และรีบประคองกู้ฟางสี่ไปทันที
โค่วตันเดินเข้ามารายงานกู้เสี่ยวหวานว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในสวนชิงบ้าง หลังจากกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางกำมือแน่นและแววตาขุ่นเคืองก็ปรากฏในดวงตา
“คุณหนู กู้ซินเถาคนนี้ต้องไม่มีเจตนาดีแน่” อาจั่วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
ทั้งยังเอาแต่พูดว่าคุณหนูอยู่ในวังหลวงจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน และมักจะบอกกู้ฟางสี่ว่าหากผู้อื่นที่เข้ามาพูดไม่ดีและทำสิ่งผิดจะถูกฮ่องเต้สั่งตัดศีรษะ มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นยังไม่รู้จักทำตัวให้สงบเสงี่ยมไว้อีก
เป็นเพราะกู้ซินเถาเล่าเรื่องที่น่ากลัวมากมายให้กู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้ จึงทำให้พวกนางเป็นกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
กู้ซินเถาคนนี้ช่าง ‘ใส่ใจ’ เรื่องของนางจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานกำมือแน่น ตอนนี้เริ่มจะโกรธขึ้นมาเสียแล้วสิ
“คุณหนู เราควรทำอย่างไรดี เราควรไล่นางออกไปเลยดีหรือไม่” เมื่อเห็นสิ่งนี้อาจั่วจึงเอ่ยแนะนำ
ตนเองไม่ชอบครอบครัวนี้มานานแล้ว อาศัยอยู่ในสวนชิงแต่กินอยู่อย่างไร้ประโยชน์ และในบางครั้งก็ทำให้คุณหนูเป็นกังวล
ทันใดนั้นกู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงบางอย่างได้ “กู้ซินเถากล่าวว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีหญิงสาวคนหนึ่งจากครอบครัวเล็ก ๆ ติดตามญาติของวังหลวงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง และทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคือง ฮ่องเต้จึงสั่งโบยนางหนึ่งร้อยครั้งจนเลือดไหลเจิ่งนอง และเรื่องนี้ก็มีมูลความจริง”
เดิมทีโค่วตันมาจากเมืองหลวง แต่นางก็ไม่เคยได้ยินเรื่องสยองขวัญนั้น แต่หลังจากได้ยินคำพูดของกู้ซินเถา ก็พลันหวนนึกถึงงานเลี้ยงหนึ่ง ตอนนั้นมีขุนนางระดับสูงคนหนึ่งถูกปลดจากตำแหน่ง และถูกขับไล่จากเมืองหลวง
ตอนนี้เมื่อกู้ซินเถาพูดถึงเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องถูกต้องเกี่ยวกับการถูกไล่ออก
“ไม่รู้สิ ข้ารู้แค่ว่าขุนนางระดับสูงคนหนึ่งถูกปลดลงจากตำแหน่งและออกไปจากงานเลี้ยง” โค่วตันกล่าว หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
หลังจากกู้เสี่ยวหวานฟัง นางก็ไม่พูดอะไร โค่วตันและอาจั่วมองไปที่คุณหนูอย่างงุนงงเล็กน้อย “คุณหนูมีบางอย่างแปลกไปหรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าเราควรตรวจสอบกู้ซินเถาจริง ๆ”
“คุณหนู” อาจั่วและโค่วตันไม่เข้าใจว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังหมายถึงอะไร
“นางเพิ่งมาถึงเมืองหลวง และนางก็รู้เรื่องนี้ แต่ข้าที่อยู่เมืองหลวงมานานแล้วกลับไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน
“คุณหนูหมายความว่ามีคนอยู่เบื้องหลังนางหรือ” ทันใดนั้นอาจั่วและโค่วตันก็ตระหนักได้
“ไม่ใช่แค่ใครบางคน ข้าเกรงว่าสถานะของบุคคลนี้คงจะสูงไม่น้อย ไม่เช่นนั้นนางจะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยราชวงศ์ได้อย่างไร” จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจว่ากู้ซินเถาคนนี้มาด้วยจุดประสงค์จริง ๆ
“คุณหนู อาจเป็นหมิงตูจวิ้นจู่หรือไม่” อาจั่วถาม
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ หมิงตูจวิ้นจู่ไม่พอใจตัวเอง ดังนั้นจึงดูเหมือนกลับว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับนาง
“คุณหนู เราควรทำอย่างไรดี เราควรหาทางไล่นางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดหรือไม่” โค่วตันอดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเห็นว่ากู้ซินเถาอาจเป็นหนอนบ่อนไส้
“ไม่จำเป็น ตั้งแต่นางมาที่นี่ นางต้องได้รับคำสั่งจากคนคนนั้น สังเกตพวกนางจากที่ใกล้ย่อมดีกว่าสังเกตจากที่ไกล” กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า
ศัตรูควรเก็บไว้ใกล้ตัวดีที่สุด ดีกว่าการผลักไสออกไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็พูดกับโค่วตันว่า “ทุกวันเมื่อเจ้าไปส่งอาหารให้จับตาดูสองคนนั้นให้ดี ตั้งแต่พวกนางเข้ามา พวกนางต้องการข่าวจากข้า นอกจากนี้ค้นหาว่าพวกนางส่งข่าวออกไปอย่างไร”
โค่วตันพยักหน้า จากนั้นอาจั่วจึงพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “แม่นาง ท่านอยากให้สองคนนี้อยู่เคียงข้างท่านจริงหรือ”
เมื่อคิดว่าสองคนนี้อาจถูกส่งมาจากหมิงตูจวิ้นจู่ อาจั่วจึงกังวลอยู่ครู่หนึ่ง หมิงตูจวิ้นจู่มีความแค้นกับคุณหนูอยู่แล้ว หลังจากงานเลี้ยงในวันนี้ นางคงเกลียดคุณหนูมากยิ่งขึ้น หากสองคนนั้นหาโอกาสทำร้ายคุณหนูขึ้นมา…
อาจั่วไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน นอกจากมัวแต่เป็นกังวลแล้ว ในอนาคตนางต้องดูแลคุณหนูให้ดีขึ้นและระมัดระวังยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านพ้นเลี้ยงวันเกิดของไทเฮาแล้ว ฤดูหนาวก็มาเยือน เพียงเวลาชั่วข้ามคืนก็รู้สึกว่าอากาศหนาวเย็นลงอย่างกะทันหัน
ขณะที่กู้เสี่ยวหวานหลับไปในตอนกลางคืน นางรู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงสายลมหนาวด้านนอก แม้ว่าผ้าห่มจะหนาแค่ไหนแต่ก็ยังไม่สามารถยับยั้งความหนาวเย็นได้
กู้เสี่ยวหวานขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ภายในห้องมีเตาคอยให้ความอบอุ่น แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความหนาวเย็นได้
เมื่อเข้าช่วงฤดูหนาว มือและเท้าของนางจะเย็นจัด และตราบใดที่ถ่านไฟมอด มือและเท้าที่อบอุ่นของนางก็จะเย็นยะเยือก ในวันธรรมดาเมื่อใช้เตาอุ่น นางจะสามารถนอนหลับได้ทั้งคืน แต่คืนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรถ่านถึงมอดเร็วเช่นนี้
นางโผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม และสัมผัสได้ถึงความเย็นนอกผ้า นางต้องการเรียกหาอาจั่วเพื่อให้นางมาเติมถ่านในเตา แต่เมื่อคิดถึงว่าข้างนอกนั้นหนาวแค่ไหน กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการรบกวนอาจั่ว ดังนั้นนางจึงล้มตัวลงนอนต่อ
ไอหมอกขาวโพนปกคลุมทั่วลานบ้าน ความเย็นบริเวณฝ่าเท้าดูเหมือนจะเย็นลง กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ ดันเตาอุ่นออกไปแล้ว แล้วขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มราวกับกุ้ง
กลางดึกค่ำคืนเงียบสงัด
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างช้า ๆ
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงนั้นก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง เสื้อผ้าชั้นในของนางนั้นเย็นยะเยือก ท่ามกลางคืนที่หนาวเย็น แต่ตอนนี้นางกลับไม่รู้สึกถึงความเย็นเลย
เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เดิมทีแล้วจะมีคนคอยเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของนางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอาโม่หรืออาจั่ว แต่คนผู้นั้นไม่ได้หยุดฝีเท้าของเขาเลยด้วยซ้ำ เดาว่าสองคนนั้นน่าจะปล่อยเขาเข้ามา
คนที่มาต้องคุ้นเคยกับอาจั่วและอาโม่เป็นอย่างดี
เวลานี้ท่านอาและคนอื่น ๆ จะไม่มารบกวนเวลาพักผ่อนของนางอย่างแน่นนอน
กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กระชับผ้าห่มคลุมตัวแน่นขึ้น และรอคอยคนผู้นั้น
ชั่วพริบตาเดียวประตูก็ถูกเปิดออก สายลมเย็นพัดเข้ามาทำให้ม่านพลิ้วไหวเบา ๆ ในพริบตาคนที่ประตูก็ยกม่านขึ้นและเดินเข้า และน้ำเสียงอ่อนโยนพลันดังขึ้น “หวานเอ๋อร์”
กู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และลุกขึ้นยืนจากเตียงโดยไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรีบวิ่งไปออก
“พี่เย่จือ”
หลังจากออกจากผ้าห่มก็หนาวเย็นลงเรื่อย ๆ ความหนาวเย็นทำให้ร่างกายนางสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ แต่ในไม่ช้านางก็โผเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น ฉินเย่จือโอบกอดกู้เสี่ยวหวานแน่น และทิ้งตัวลงบนเตียง
……….