ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1721 รอข้ากลับมา
บทที่ 1721 รอข้ากลับมา
ร่างกายของฉินเย่จือราวกับถูกฟ้าผ่า และทำได้เพียงเคลื่อนไหวตามความคิดในใจของเขา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเสียสติไปแล้ว มือหนาฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายของนางออก หลังจากนั้นไม่นานร่างกายเปลือยเปล่าก็ปรากฏต่อหน้าเขา
ดวงตาของฉินเย่จือเต็มไปด้วยความรักและความทะนุถนอมราวกับกำลังมองดูสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก เขาเลื่อนปลายนิ้วของเขาไปทั่วผิวที่เรียบเนียนทำให้เกิดความสะท้าน
เขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างคำรามออกมาจากร่างกายของเขา เสื้อผ้าบนร่างกายถูกถอดออกจากร่างกายตนเองตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ร่างกายของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกันมาก และภายในห้องอบอวลบรรยากาศคลุมเครือ
เมื่อบรรยากาศคลุมเครือนั้นหายไป ฉินเย่จือก็หยุดในช่วงเวลาสำคัญ ทิ้งคนที่ทำให้เขาหลงใหล และใช้ผ้าห่มหอร่างกายในกู้เสี่ยวหวานแน่น ปล่อยให้ตนเองเผชิญความเย็น
เห็นเขาหยุดการเคลื่อนไหว ต้องใช้เวลานานกว่าที่ความรู้สึกลึกในใจของกู้เสี่ยวหวานจะสงบลง เมื่อเห็นเขานอนหลับอยู่ข้างนอกผ้าห่มในวันที่อากาศหนาวจัด นางจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล และตอนนี้ก็ยังคร่ำครวญไม่หยุด “พี่เย่จือ เข้ามาเร็วเข้า”
“แบบนี้ดีแล้ว” ฉินเย่จือกอดนางแน่น ไม่ปล่อยให้นางขยับแม้แต่น้อย
เขาต้องการนอนในคืนที่หนาวเย็นนี้เพื่อปลุกตัวเองให้ได้สติ
ฉินเย่จือจ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้า เขาเกลียดตัวเองแทบตาย เพราะเขาเกือบจะทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่
เขาเห็นแก่ตัวที่ต้องการให้นางเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าเขาไม่สามารถกลับมาได้หลังจากช่วงเวลาที่อันตรายเหล่านั้นได้ล่ะ เขาจะสามารถทำลายชื่อเสียงของนาง และทำให้นางต้องอยู่อย่างโศกเศร้าไปตลอดชีวิตได้หรือ?
เขาไม่สามารถทำได้
เมื่อเห็นฉินเย่จือจ้องมองมาที่ตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็ได้เห็นความเสียใจที่ส่งออกมา ความเศร้า และความอดทนทั้งหมดในดวงตาของเขา
ทั้งคู่กำลังทดสอบและคาดเดาซึ่งกันและกัน แต่ทั้งคู่ต้องการสร้างความมั่นใจให้กันและกัน
“หวานเอ๋อร์ เมื่อข้ากลับมา ข้าจะแต่งงานกับเจ้า” ฉินเย่จือจับมือกู้เสี่ยวหวาน และพูดอย่างหนักแน่น
“ตกลง”
ทันทีที่พูดจบ เสียงระฆังบอกเวลาข้างนอกก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หวานเอ๋อร์ ข้าต้องไปแล้ว รอข้า ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน และข้าจะแต่งงานกับเจ้าในฐานะภรรยาของข้า”
“ตกลง ข้าจะรอท่าน”
กู้เสี่ยวหวานตอบตกลงอย่างหนักแน่น และทำได้เพียงหันหลังให้อีกฝ่าย ห่อตัวเองในผ้านวมแน่น มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่ดังมาจากภายในผ้าห่ม
ฉินเย่จือปล่อยมือจากคนในอ้อมแขนของเขา ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว และมองดูคนที่นอนอยู่บนเตียง
เขาไม่อยากให้คนบนเตียงมองมาที่ตนเอง หากนางมองมาเขาก็ไม่มีวันจากไปได้
เขาหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับว่าเขาต้องการเอาลมหายใจทั้งหมดที่เป็นของนางมาเก็บไว้ในใจของเขา จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็มองไปยังนางที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหันกลับและจากไป
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู กู้เสี่ยวหวานโผออกมาจากผ้าห่ม ดวงตากลมโตคู่นั้นมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ก็ไม่พบเจอผู้ใด สายลมหนาวที่พัดเข้ามาเมื่อครู่ กำลังบอกนางว่าเขาจากไปแล้วจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทนได้อีกต่อไป นางขดตัวอยู่บนเตียงและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง แต่นางนั้นไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง และทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น
สำหรับฉินเย่จือ แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงนางมากแค่ไหน ก็ไม่กล้าหันกลับไป
เขาเดินไปพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่เมื่อสัมผัสลงบนผ้าก็พบว่ามันเปียกชื้น และมันก็เย็นลงเรื่อย ๆ เมื่อลมเย็นยะเยือกพัดมา
น้ำตาของนางหยดลงบนเสื้อผ้าของเขา แต่นางพยายามไม่ทำให้เขาเป็นกังวล ฉินเย่จือหยุดมือที่กำลังจัดเสื้อผ้าและรีบมองกลับไป ภายในห้องเงียบสนิทไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
ความจริงแล้วอาจจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น เพราะนางยังอยู่ข้างใน
ทันใดนั้น มีบางอย่างสัมผัสเย็น ๆ หล่นกระทบแก้มของเขา ฉินเย่จือเงยหน้าขึ้น และเห็นเกล็ดหิมะตกลงจากท้องฟ้าอันมืดมิด
หิมะตกแล้ว…
ฉินเย่จือยืนนิ่งอยู่ในลาน มองประตูที่ถูกปิดสนิทเงียบ ๆ ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาราวกับกระแสน้ำ
จนกระทั่งผมของเขาถูกเกล็ดหิมะเกาะ ทันใดนั่นก็มีเสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง ฉินเย่จือจึงหันหลังกลับและเดินออกไป
หวานเอ๋อร์ เจ้าต้องรอข้ากลับมา
วันนี้อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่านางนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มนานเท่าไรแล้ว เมื่อคืนนางนอนไม่หลับ จนกระทั่งเผลอหลับไปตอนรุ่งสาง และตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว “อาจั่ว”
อาจั่วรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน หลังจากได้ยินเสียงก็รีบเข้าไปและเปิดประตู ลมหนาวยังคงพัดเข้ามาตามรอยแยกเล็ก ๆ กู้เสี่ยวหวานที่นอนอยู่ในห้องยังคงรู้สึกถึงความเย็นที่กัดกิน
“ทำไมวันนี้มันหนาวจัง” กู้เสี่ยวหวานซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เมื่อปราศจากความอบอุ่นของฉินเย่จือ ผ้าห่มก็กลับมาเย็นอีกครั้ง
“คุณหนู เมื่อคืนหิมะตก” อาจั่วรีบตอบ
“มิน่าล่ะ” กู้เสี่ยวหวานพึมพำและเห็นอาจั่วเข้ามาในห้อง นางรอให้กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้น เมื่อกู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดเข้ามาก็รู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้สวมเสื้อผ้า แต่ตอนนี้นางลุกขึ้นนั่งแล้ว และอาจั่วก็เดินเข้ามาในห้องแล้วด้วย
ร่างกายที่เรียบเนียนและรอยจูบสีแดงบนร่างกายของนาง อาจั่วเห็นมันอย่างชัดเจน
อาจั่วมองไปที่รอยฟกช้ำบนร่างกายของคุณหนู และนางก็รู้ว่าร่องรอยเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอายเล็กน้อย ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง นางดึงผ้าห่มคลุมร่างกาย และมองไปที่อาจั่วอย่างเขินอาย จากนั้นนางก็รู้สึกว่าตนร้อนตัวมากเกินไป ดังนั้นนางจึงแสร้งทำเป็นเมินเฉย และรับชุดชั้นในจากอาจั่วและเริ่มสวมเสื้อผ้าทันที
เมื่อทุกอย่างพร้อม กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่หน้าหน้าต่าง และมองไปลานที่เต็มไปด้วยหิมะ ก่อนที่อาหารเช้าจะมาถึง
หิมะตกจริง ๆ ด้วย
ลานหน้าบ้านถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริง ๆ
แต่…
เมื่อนึกถึงชายหนุ่มที่เลือกเดินทางในช่วงเวลานี้ ไม่รู้ว่าพกผ้าห่มหรือเสื้อคลุมกันลมไปบ้างหรือเปล่า เขาจะดูแลตัวเองดีไหม
หัวสมองของนางฟุ้งซ่าน มองไปที่หิมะกำลังโปรยปราย ความคิดของนางร่องรอยไปไกล
“คุณหนู ได้เวลาอาหารแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของกู้เสี่ยวหวาน อาจั่วจึงรีบเรียกนางไว้เพราะรู้ว่าคุณหนูเป็นห่วงนายท่าน
ก่อนที่เจ้านายจะจากไป คุณหนูรู้ว่าต้องไปสถานที่เสี่ยงอันตราย และงานของนางคือทำให้คุณหนูรู้สึกสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับนายท่าน
อาจั่วเห็นท่าทางกังวลของคุณหนู แต่นางก็ยังไม่เข้าใจ ในเมื่อเขารู้ว่าคุณหนูจะกระวนกระวาย เหตุใดต้องบอกคุณหนูด้วย
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความตั้งใจของนายท่าน ดังนั้นนางจะไม่ถามสิ่งใดออกไป ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงทำตามความตั้งใจของนายท่านเท่านั้น
“อืม” กู้เสี่ยวหวานกลับมารู้สึกตัวและพยักหน้าตอบรับ
มื้อเช้าวันนี้เป็นอาหารง่าย ๆ และหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ นางก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วหยิบหนังสือมาอ่าน
เมื่อเห็นนางนอนพักผ่อน อาจั่วก็รู้ว่าเมื่อคืนนางต้องนอนไม่ค่อยหลับ ดังนั้นนางจึงรีบเอาเตาอุ่นวางลงข้างเตียง เพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะหนาวเกินไป
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าอาจั่วหยิบเตาอุ่นมามากมาย แล้ววางไว้ทั่วห้องจนกู้เสี่ยวหวานรู้สึกตะลึง “เจ้าเอาเตาอุ่นมามากขนาดนี้ทำไมกัน”
“คุณหนู ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว และท่านก็ไม่ชอบอากาศหนาว การเพิ่มเตาอุ่นจะทำให้ท่านอุ่นขึ้น ถ้าหากมันเริ่มเย็น ท่านสามารถบอกข้าได้ ข้าจะนำมาเปลี่ยนให้ใหม่” อาจั่วตอบอย่างจริงจัง
ก่อนออกเดินทาง นายท่านบอกนางว่านางต้องเพิ่มเตาอุ่นให้คุณหนูมากขึ้น และกลางดึกก็อย่าลืมเปลี่ยนมัน ไม่เช่นนั้นเตาอุ่นเริ่มเย็น จะทำให้คุณหนูหนาวเอาไว้
เมื่อเห็นความจริงจังของอาจั่ว กู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่หลังจากนั้นไม่นานอากาศภายในห้องก็อุ่นขึ้น นางไม่ชอบอากาศเย็น ดังนั้นนางจึงชอบมาก แต่ไม่นานอาการเหนื่อยล้าจากการนอนไม่พอก็เกิดขึ้น
หลังจากอ่านหนังสือไปได้สองหน้า กู้เสี่ยวหวานก็ผล็อยหลับไป เมื่อเห็นว่าคุณหนูหลับไปแล้ว อาจั่วจึงคลุมผ้าห่มให้นางอย่างระมัดระวัง และเดินไปที่ประตูเพื่อเฝ้าอยู่หน้าห้อง
เมื่อเห็นท่าทางระมัดระวังของอาจั่ว อาโม่ก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย “ทำไมวันนี้เจ้าถึงแปลกไป”
รู้สึกว่าท่าทางของอาจั่วในวันนี้ค่อนข้างระมัดระวังเกินไป
อาจั่วหันไปมองอีกฝ่าย และพูดอย่างหนักแน่น “นายท่านกล่าวคำหนึ่งก่อนจากไป ห่างเกิดเรื่องใดขึ้นกับคุณหนูให้รีบไปแจ้งเขาทันที
สิ่งที่นายท่านพูดยังคงเรียบง่าย แต่ความหมายของเขาคือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต
มีคนเคยคิดค้นการลงโทษที่เรียกว่ามีดสามร้อยเล่ม ขนาดของมีดนั้นไม่ทำให้ถึงตาย แต่มีดทุกเล่มจะค่อย ๆ ปลิดชีวิตไปทีละน้อย
มีดสองร้อยเก้าสิบเก้าเล่มก่อนหน้านี้ไม่ใช่บาดแผลร้ายแรง เพียงแต่ทำให้เราเข้าใกล้ความตายมากยิ่งขึ้น เมื่อเลือดเหือดแห้ง จากนั้นมีดเล่มสุดท้ายก็จะพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจ ทำให้เลือดไหลทะลัก มองดูตัวเองค่อย ๆ หมดลมหายใจอย่างช้า ๆ ฉากนี้น่ากลัวและน่าขนลุกมากกว่าการฆ่ากันตรง ๆ เสียอีก
เมื่อเห็นอาจั่วพูดแบบนี้ อาโม่ไม่รู้ว่านายท่านกำลังบอกพวกเขาว่าความปลอดภัยในชีวิตของคุณหนูมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นเขาจึงรีบตอบกลับ “แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า แต่ข้าก็จะปกป้อคุณหนูอย่างดี”
“ข้าด้วย” อาจั่วพูดอย่างหนักแน่น ดวงตาเย็นชาของนางมองไปที่ทิวทัศน์นอกกำแพงลานบ้าน
ในขณะนี้ กองคาราวานได้ออกจากเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ และควบม้าไปทางทิศใต้
ชายแดนทางใต้คืออาณาจักรหนานหลิง
……….