ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1722 เจ้าเป็นใคร
บทที่ 1722 เจ้าเป็นใคร
หิมะตกหนักเป็นเวลาสามวันสามคืนและข้างนอกก็ขาวโพลนไปหมด กู้เสี่ยวหวาน รู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับการจากไปของฉินเย่จือ และเนื่องจากหิมะตกหนักนางจึงอยู่ในห้องเป็นเวลาสามวันไปไหนไม่ได้
หิมะตกหนักจนถนนด้านนอกใช้การไม่ได้ ถานอวี้ซูก็มาหานางไม่ได้เช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานมีวันที่ดีสามวันโดยไม่ได้ยินเรื่องอะไรจากข้างนอก แต่เมื่อวันที่สี่มาถึง ท้องฟ้าแจ่มใส หิมะเริ่มละลายอย่างช้า ๆ บนถนนถูกจัดการอย่างเรียบร้อย สวนชิงจึงกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
คนที่มาหาที่สวนชิงเป็นคนที่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คาดคิด
คนที่มาคือหลิวเสวี่ยอิ๋งและหลิวซืออี๋
ตอนที่โค่วตันมารายงาน กู้เสี่ยวหวานกำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ครึ่งล่างของร่างกายคลุมด้วยผ้านวมหนา
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว กู้เสี่ยวหวานอยากจะนอนอยู่ในผ้าห่มอุ่นตลอดทั้งวัน ไม่อยากไปไปไหน อย่างไรก็ตามไม่ว่าเสื้อผ้าจะหนาแค่ไหนก็ไม่หนาเท่าผ้าห่ม
ดังนั้นสองสามวันมานี้ นางจึงทำเช่นนี้ตลอดเวลา และในขณะนี้ นางยังคงสวมชุดอยู่บ้าน
กู้เสี่ยวหวานไม่คุ้นเคยกับสองคนนี้ การปรากฏตัวของพวกนางน่าสงสัยยิ่งนัก เมื่อหิมะละลายพวกนางทั้งสองก็เข้ามาหาถึงสวนชิน ดังนั้นนางจึงประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกนางก็มาถึงแล้ว และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปเจอพวกนางทั้งสอง
ข้างนอกหนาวมาก หากคุณหนูสองคนนี้สามารถเดินทางมาได้ กู้เสี่ยวหวานก็จะพบพวกนาง
“ให้พวกนางรอข้างนอก อาจั่ว ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าที”
กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งลง แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่มา อาจั่วจึงรีบอธิบาย “คุณหนู แม้ว่าแดดจะออก แต่ก็ยังหนาวมากและหิมะก็เริ่มแข็งตัวอีกครั้ง ข้าเกรงว่าทางข้างนอกคงเดินไม่สะดวก”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า แม้ว่าจะมีทางเดินมากมายจากประตูมายังที่นี่ นางจึงยังนั่งรอ
เมื่อครู่นี้ หลังจากที่นางเปลี่ยนชุดแล้ว นางสวมชุดที่ทำจากผ้าฝ้าย ปักด้วยลวดลายก้อนเมฆ ผ้าคลุมกันลมบุนวมหนานุ่ม ใบหน้าของนางดูมีเสน่ห์และมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็เห็นทั้งสองคนเดินมาอย่างช้า ๆ ภายใต้การนำของโค่วตัน
ทันทีที่เราพบกัน หลิวซืออี๋ก็คุกเข่าลงและทักทายนางด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “ซืออี๋ ทักทายอันผิงจวิ้นจู่”
หลิวเสวี่ยอิ๋งด้านข้างก็คุกเข่าลงเช่นกัน “เสวี่ยอิ๋ง ทักทายอันผิงจวิ้นจู่”
พวกนางทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าหนา เมื่อพวกนางอยู่ข้างนอก ตอนนี้คนทั้งคนก็ราวกับถูกห่อไว้และเหลือเพียงใบหน้าเดียว หลังจากหมวกที่คลุมศีรษะของพวกนางถูกถอดออก แก้มของทั้งสองคนจึงสัมผัสกับอากาศเย็น และแก้มนวลเนียนก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
ทั้งสองสวมเสื้อกันลมบุนวมหนา น้ำหนักของเสื้อตัวนั้นค่อนข้างมาก และไม่อบอุ่นเท่าเสื้อคลุมบนร่างกายของกู้เสี่ยวหวาน เดิมทีร่างที่สง่างามของทั้งสองถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อบุนวมหนาจึงทำให้ร่างกายของพวกนางดูอ้วนขึ้นเล็กน้อย ไม่งดงามเท่าในอดีต
กู้เสี่ยวหวานมองพวกนางอย่างเฉยเมย และบอกให้พวกนางยืนขึ้น
หลังจากลุกขึ้น หลิวซืออี๋เหลือบมองกู้เสี่ยวหวานอย่างรวดเร็ว พลางถอดเสื้อกันลมบนตัวของนางออก แล้วส่งให้สาวใช้ด้านข้าง
กู้เสี่ยวหวานค่อนข้างแปลกใจ นางสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกขณะอยู่ในห้องด้วย แต่หลิวซืออี๋ไม่แม้แต่จะสวมเสื้อคลุมบุนวม
หลังจากที่หลิวซืออี๋นำเสื้อกันลมออก จึงเผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบางและเอวคอดกิ่วนั้น และนางดูงดงามจริง ๆ ในชุดสีเหลืองอ่อน
หลิวเสวี่ยอิ๋งไม่คาดคิดว่าหลิวซืออี๋จะถอดเสื้อตัวนอกออก และหลังจากตะลึงไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็นั่งลง
หลังจากนั่งแล้ว โค่วตันก็ยกชาขิงเข้ามา “คุณหนู เชิญดื่มชา”
กู้เสี่ยวหวานถือถ้วยชาขิงร้อน เมื่ออยู่ในมือของนางก็ทำให้มืออุ่นขึ้น หลังจากเป่าเล็กน้องก็ยกขึ้นดื่มหนึ่งอึก ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานได้รับการเตือนจากท่านอา นางบอกว่าสองสามวันที่ผ่านมาหิมะตก ดังนั้นต้องทำให้ร่างกายอุ่นเข้าไว้ การดื่มชาขิงวันละถ้วยจะช่วยทำให้ท้องของนางอุ่นขึ้น ในชาขิงนี้ไม่เพียงแต่ใส่ขิงฝานเท่านั้น แต่ยังใส่น้ำตาลทรายแดงด้วย
หลังจากที่หลิวเสวี่ยอิ๋งและหลิวซืออี๋ดื่มชาแล้ว ทั้งคู่ก็ต้องผงะเมื่อได้กลิ่นฉุน
นี่คือวิธีที่อันผิงจวิ้นจู่ต้อนรับแขกหรือ?
ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ใช้ไม่ใช่ถ้วยชาแต่เป็นถ้วยสำหรับรับประทานอาหาร
นี่…
การต้อนรับแบบนี้คืออะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวซืออี๋ นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสงสัย
คุณหนูคนอื่น ๆ มักจะใช้ชาเพื่อรับรองแขก แต่ที่นี่ใช้ชาขิงเพื่อรับรองแขกอย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าชาขิงนี้จะมีคำว่าชาแต่ในนั้นไม่มีชาอยู่เลย เป็นขิงฝานต้มกับน้ำตาลทรายแดง โดยทั่วไปผู้หญิงจะดื่มเมื่อเป็นประจำเดือนเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ขิงหั่นมีมากเกินไปจึงทำให้เกิดกลิ่นฉุน
หลังจากที่หลิวซืออี๋รับไปแล้วใบหน้าของนางก็ฉายแววรังเกียจ และวางมันไว้โดยไม่จิบ
หลิวเสวี่ยอิ๋งลังเลเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็เป่ามันและยกชาขึ้นจิบ
หลังจากจิบชาขิงแล้ว นางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากลิ้นไปจนถึงท้อง และความหนาวเย็นที่เจอยามเดินทางมาที่นี่ ได้ถูกปัดเป่าออกไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงตอนแรกนางคิดว่าชาขิงนี้ค่อนข้างแปลก และหลังจากดื่มมันทำให้ร่างกายอบอุ่นไปทั้งตัว และจากนั้นหลิวเสวี่ยอิ๋งก็เข้าใจว่ากู้เสี่ยวหวานทำแบบนี้ทำไม
เมื่อครู่พวกนางเดินมาจากข้างนอก แม้ว่านางจะสวมเสื้อผ้าหนาแค่ไหน แต่อุณหภูมิภายนอกก็เย็นเกินไป หลังจากดื่มชานี้ร่างกายก็อุ่นขึ้น หลิวเสวี่ยอิ๋งไม่ได้วางชา แต่ถือไว้ในฝ่ามือพลางจิบเป็นครั้ง และใบหน้าของนางก็ค่อยกลับมาแดงระเรื่อ
ในทางกลับกัน ท่าทางหลิวซืออี๋ไม่ค่อยดีนัก
นอกจากนี้ยังมีการเผาถ่านในห้อง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบกลิ่นถ่านเท่าไรนัก ดังนั้นนางจึงวางมันไว้ห่าง ๆ จึงทำให้ภายในห้องไม่ค่อยอุ่นนัก และเตาอุ่นที่หลิวซืออี๋นำติดตัวมาด้วยก็เกือบจะเย็นแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อไม่มีเสื้อคลุมบุนวม ร่างกายของนางจึงสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นนางตัวสั่น กู้เสี่ยวหวานก็เตือนด้วยความปรารถนาดีว่า “ถ้าคุณหนูหลิวหนาวก็สามารถดื่มสิ่งนี้ได้”
มีรอยยิ้มที่น่าอึดอัดปรากฏที่มุมปากของหลิวซืออี๋
นางคิดเสมอว่าจวนของอันผิงจวิ้นจู่ควรอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นเมื่อนางเข้ามา นางจึงถอดเสื้อชัดนอกออก
แต่ใครจะรู้ ภายในห้องนี้ดีกว่าข้างนอกก็จริง แต่การใส่ชุดบาง ๆ ในอากาศหนาวนั้นไม่เพียงพอ และเตาอุ่นในมือของนางก็เกือบจะเย็นแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางจึงดูแย่มาก
เมื่อหลิวซืออี๋ได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดถึงการดื่มชา นางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกลั้นร่างกายที่สั่นเทาของนาง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตกลง”
อย่างไรก็ตาม หลังจากรับถ้วยชาไปแล้ว นางก็ยกขึ้นจิบเล็กน้อยแล้ววางทิ้งไว้อีกครั้ง
เมื่อหลิวเสวี่ยอิ๋งเห็นการกระทำของหลิวซืออี๋จึงขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบชาขิงนี้
หลิวเสวี่ยอิ๋งไม่พอใจกับการกระทำของหลิวซืออี๋ แต่นางไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าอันผิงจวิ้นจู่ได้
“วันนี้คุณหนูหลิวทั้งสองมาที่สวนชิงมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” กู้เสี่ยวหวานวางชามไว้ด้านข้าง หลังจากดื่มไปถ้วยหนึ่งแล้วจึงถามขึ้น โดยไม่สนใจหลิวซืออี๋
เมื่อครู่นางถอดเสื้อผ้าคลุมออกทันทีที่เข้ามา และตัวเองก็เตือนนางแล้วว่าสามารถดื่มชาขิงเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ แต่ในเมื่อนางไม่ดื่มก็ไม่ใช้หน้าที่ของนาง
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ นางก็ได้ยินหลิวซืออี๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อันผิงจวิ้นจู่ช่างมีจิตใจเมตตา พวกเราสองพี่น้องต้องการรู้จักท่านมานานแล้ว แต่เรากลัวว่าท่านจวิ้นจู่จะไม่ชอบเราเพราะฐานะต่ำต้อย เราจึงไม่กล้ามาที่นี่”
กู้เสี่ยวหวานนั่งนิ่งมองไปที่ชามที่นางวางบนโต๊ะ และพึมพำกับตัวเองในใจ เห็นได้ชัดว่านางกำลังดูถูกตัวเอง
นางไม่ดื่มชาที่ตัวเองนำมา
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดอะไร และเอ่ยแต่คลี่ยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของกู้เสี่ยวหวาน หลิวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่ด้านข้างก็เดาได้ว่าการกระทำของหลิวซืออี๋ทำให้นางไม่มีความสุข ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “จวิ้นจู่ ซืออี๋ไม่ชอบขิง นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่ดื่มชาขิง”
“ท่านจวิ้นจู่ ข้ารู้สึกไม่ดีเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นขิง” หลิวซืออี๋พยักหน้า
กู้เสี่ยวหวานตอบรับและไม่สนใจฟังสิ่งที่พวกนางพูด “แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่แดดจัด แต่อุณหภูมิก็ยังเย็นมาก ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านทั้งสองคนถึงมาที่สวนชิงในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของคุณหนูทั้งสองแย่มาก ทำไมถึงไม่รอให้อากาศอุ่นขึ้นแล้วค่อยมาล่ะ”
ความหมายอันผิงจวิ้นจู่คือกำลังขับไล่แขก
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิวซืออี๋ก็กังวลเล็กน้อยและรีบพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าอันผิงจวิ้นจู่ แสดงบางอย่างในวันเกิดของไทเฮา ซืออี๋ชื่นชมมันและต้องการที่จะมาดู”
เมื่อหลิวเสวี่ยอิ๋งได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของนางก็แย่ลงทันทีและหันหน้าไปมองหลิวซืออี๋เพื่อส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด แต่หลิวซืออี๋ยังไม่รู้ตัวและกังวลว่ากู้เสี่ยวหวานจะขับไล่พวกนางออกไป ดังนั้นจึงเอ่ยออกไปอย่างตรงไปตรงมาขึ้นเรื่อย ๆ “อันผิงจวิ้นจู่ ท่านช่วยแสดงให้พวกเราสองพี่น้องดูอีกครั้งได้ไหม ข้าได้ยินว่าการร่ายรำนั้นสวยงามมาก ในเวลานั้นทั้งท้องพระโรงต่างตกตะลึง และข้าได้ยินมาว่าแม้แต่ไทเฮาก็ยังเอ่ยชมไม่หยุด อันผิงจวิ้นจู่ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ที่สามารถร่ายรำแบบที่ไม่มีใครในต้าชิงสามารถเต้นได้”
หลังจากหลิวซืออี๋พูดจบ นางก็เอื้อมตัวมาข้างหน้าและดึงแขนของกู้เสี่ยวหวานด้วยความกระตือรือร้น จนกู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว
หลิวเสวี่ยอิ๋งต้องการจะพูดเพื่อหยุดหลิวซืออี๋ แต่มันก็สายเกินไป
อาจั่วที่ยืนอยู่ข้างกู้เสี่ยวหวานผลักมือของหลิวซืออี๋ที่จับแขนของกู้เสี่ยวหวาน ออกไปแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใครถึงมาขอให้อันผิงจวิ้นจู่ร่ายรำให้เจ้าดู”
……….