ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1723 วางเบ็ดเพื่อจับปลาตัวใหญ่
บทที่ 1723 วางเบ็ดเพื่อจับปลาตัวใหญ่
เป็นคำเปรียบเปรยของการทำสิ่งต่าง ๆ ในระยะยาว แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้รับผลทันที แต่เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นในอนาคต
อาจั่วหยุดนิ่งขมวดคิ้วแน่น และเนื่องจากนางอยู่เคียงข้างฉินเย่จือมาเป็นเวลานานนางจึงมีนิสัยเย็นชา ในขณะนี้ใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก และดวงตาก็จ้องมองที่หลิวซืออี๋อย่างดุเดือด เมื่อหลิวซืออี๋เห็น ร่างกายก็สั่นสะท้านไปหมด
หลิวซืออี๋ผู้นี้เรียกอันผิงจวิ้นจู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จริง ๆ แล้วนางกลับขอให้จวิ้นจู่ระดับสองร่ายรำให้นางดู
นางคิดว่านางเป็นไทเฮาอย่างนั้นหรือ
“ข้า ข้า…” หลิวซืออี๋ตัวสั่นเทิ้ม แต่ตอนนี้เมื่อถูกตำหนิ ร่างกายพลันสั่นสะท้านหนักขึ้นเพราะความหวาดกลัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่ด้านข้างก็ส่งสายตาให้สาวใช้ด้านข้างอย่างรวดเร็ว และนางก็รีบนำเสื้อคลุมมาสวมให้หลิวซืออี๋
หลิวซืออี๋ตัวสั่นจากความหวาดกลัว นางจึงสูญเสียความสามารถในการคิด นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาที่คับแค้นใจ ตัวสั่นด้วยความขุ่นเคือง
นางเป็นเพียงสาวชาวนาผู้ต่ำต้อยที่มีโชคชะตาอันดี นางจึงได้เป็นอันผิงจวิ้นจู่ แต่ตัวตนดั้งเดิมของนางเป็นเพียงโคลนในโคลนตม
แม้ว่านางจะเป็นเพียงคุณหนูของขุนนางชั้นผู้น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพ่อของนางก็ยังคงเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งทางการ แต่เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานผู้นี้
นางเป็นเพียงคนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ในอดีต แม้ว่าคนเช่นนี้จะยืนอยู่ต่อหน้าตัวเองก็ยังต้องเกรงใจนาง
แต่ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความสง่างามและความหรูหรา และรูปร่างที่สง่างามของนางเสื้อผ้าฤดูหนาวหนา ๆ ก็ไม่ได้ทำให้นางดูแย่
เสื้อคลุมที่นางสวมคือเสื้อคลุมกันลมผ้าฝ้ายสีขาวบุนวม ผ้าฝ้ายสีขาวให้ความอบอุ่นได้ดีกว่าผ้าฝ้ายธรรมดาถึงร้อยเท่า ไม่เช่นนั้น เหตุใดผ้าฝ้ายสีขาวจึงมีราคาแพงกว่าผ้าฝ้ายธรรมดามาก
ลวดลายก้อนเมฆบนตัวของกู้เสี่ยวหวาน เกรงว่าจะมีราคามากกว่าชุดผ้าฝ้ายธรรมดาหลายสิบชุดของนาง
เถ้าแก่รองร้านจิ่นฝูและเจ้าของร้านหล่านเยว่ กู้เสี่ยวหวานคนนี้รวยเกินไปจริง ๆ
รวย เก่ง หน้าตาดี มีความสามารถ ทำไมใต้หล้าถึงมีคนเช่นนี้อยู่
ยิ่งหลิวซืออี๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยิ่งเศร้า เมื่อได้ยินว่านางแสดงการร่ายรำในท้องพระโรง ซึ่งทำให้ผู้คนทั้งหมดประหลาดใจ หลิวซืออี๋ก็คิดในเวลานั้น ว่าถ้าตัวเองทำได้คงจะดีไม่น้อย
ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมกู้เสี่ยวหวาน แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าคืนนั้นหิมะจะตกหนัก และตกต่อเนื่องเป็นเวลาสามวัน ในวันที่สี่เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสง นางจึงออกมา
กลัวว่าคนอื่นจะมาที่สวนชิงเร็วกว่าตนเอง ถ้ามีคนขอแบบเดียวกับนาง เกรงว่านางจะไม่ได้เจอกู้เสี่ยวหวาน
นางโอ้อวดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในการร่ายร่ำ ถ้าตั้งใจในการดูมาก ๆ นางจะจำได้ถึงหกในสิบส่วน เมื่อกลับไปฝึกฝนบ่อยครั้ง นางอาจทำได้เจ็ดในสิบส่วน นี่คือการร่ายรำที่ไม่มีใครในต้าชิงทำได้ ถ้านางทำได้ล่ะก็…
สายตาของคนคนนั้นจะจับจ้องมาที่นางหรือเปล่า?
หลิวซืออี๋คิดว่ากู้เสี่ยวหวานก็คือเด็กหญิงชาวนา แม้ว่านางจะมีสถานะเป็นจวิ้นจู่ แต่อย่างไรก็ยังมีสถานะต่ำต้อย
นางเป็นคุณหนูที่สง่างามจากตระกูลขุนนาง การมาขอให้นางร่ายรำนั่นเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายแล้ว แต่นางจะรู้ได้อย่างไร
จะรู้ได้อย่างไร…
เสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันความหนาวเย็น ใบหน้าของหลิวซืออี๋ดีขึ้นกว่าเดิมมาก และค่อย ๆ มีเลือด หากแต่สีหน้ายังคงดูไม่ค่อยดีนัก
“จวิ้นจู่ ลูกพี่ลูกน้องของข้ายังเด็กและโง่เขลา โปรดอย่าใส่ใจนางเลย” หลิวเสวี่ยอิ๋งไม่คาดคิดว่าหลิวซืออี๋จะพูดอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับอ้อนวอนขอความเมตตาให้หลิวซืออี๋ “อันผิงจวิ้นจู่ ท่านมีอำนาจมากมาย ดังนั้นอย่าใส่ใจนางเลย นางเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้ และนางไม่รู้กฎมากมายของเมืองหลวง ข้าหวังว่าท่านจวิ้นจู่จะให้อภัย”
เมื่อหลิวซืออี๋เห็นหลิวเสวี่ยอิ๋งคุกเข่าลงจึงแสดงสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็ปรีบสีหน้ามาเป็นปกติทันที นางขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่ามีความไม่พอใจอยู่ในใจ
“ซืออี๋ ยังไม่รีบคุกเข่าอีก” เมื่อเห็นนางยังคงยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น หลิวเสวี่ยอิ๋งก็กังวลมากและตะโกนสั่งน้องสาว
เมื่อถูกลูกพี่ลูกน้องของนางตะโกนใส่ หลิวซืออี๋ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากแต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้ง ดังนั้นจึงได้แต่คุกเข่าลงช้า ๆ อย่างไม่เต็มใจ
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูการเคลื่อนไหวทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา และเมื่อเห็นหลิวซืออี๋ที่ดูหยิ่งยโส นางก็เข้าใจในใจว่าคนคนนี้ดูเหมือนจะเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจว่าตัวเองจะร่ายร่ำให้นางดู แต่นางไม่คาดคิดว่าจะไม่สมหวัง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกใจ คนคนนี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวเองจะเต้นให้นางดูได้?
ไม่ต้องพูดถึงสถานะ สมมติว่านางเป็นแขกที่มาที่สวนชิงโดยไม่ได้รับเชิญ และบอกว่าต้องการให้นางร่ายรำให้ดู นางคิดว่านางเป็นใครกัน?
นางคิดว่าตัวเองเป็นนักร่ายรำจริง ๆ หรือ
ยิ่งกู้เสี่ยวหวานคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ อารมณ์ของนางก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น เดิมทีเมื่อฉินเย่จือจากไป นางรู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้คนคนนี้มาที่บ้านของนางเพื่อทำให้นางอับอาย นางก็ยิ่งเดือดดาล
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยโสและหยาบคายของหลิวซืออี๋ กู้เสี่ยวหวานก็ตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง หัวใจของคนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่สั่นสะท้าน
หลิวซืออี๋ยิ่งกว่า นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และเห็นว่านางไม่แสดงสีหน้าใด ดวงตาคู่นั้นฉายแววเย็นชา
อุณหภูมิรอบตัวคนผู้นี้หนาวยิ่งกว่าพายุหิมะที่เพิ่งพัดมา
“ข้าไม่รู้เลยว่าคุณหนูหลิวจะมาที่นี่เพื่อรับชมความบันเทิง แต่คุณหนูหลิวมาผิดที่ ข้าอยู่ที่นี่ในสวนชิง ถ้าคุณหนูหลิวอยากรับชมความบันเทิง โปรดไปที่โรงละคร” น้ำเสียงนั้นเย็นชายิ่งนัก
เมื่อหลิวเสวี่ยอิ๋งได้ยิน หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ นางดุหลิวซืออี๋และรีบคำนับ “จวิ้นจู่ โปรดใจเย็นก่อน ลูกพี่ลูกน้องของข้ายังเด็กและไม่รู้เรื่องรู้ราว ข้าหวังว่าท่านจวิ้นจู่จะให้อภัย”
หลิวเสวี่ยอิ๋งมากับหลิวซืออี๋เพราะหลิวซืออี๋ต้องการไปหากู้เสี่ยวหวาน หลิวเสวี่ยอิ๋งต้องการผูกมิตรกับอันผิงจวิ้นจู่ ดังนั้นนางจึงตกลงโดยไม่ได้คิด แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์ที่หลิวซืออี๋มาที่นี่คือเพื่อให้อันผิงจวิ้นจู่ร่ายรำให้ดู
อันผิงจวิ้นจู่มีสถานะอย่างไร พวกนางไม่ควรดูหมิ่น หลิวเสวี่ยอิ๋งรู้ว่าหลิวซืออี๋ทำผิดพลาดในครั้งนี้ ดังนั้นนางจึงรีบไปคำนับเพื่อขอโทษ
และหลิวซืออี๋ก็คุกเข่าลงภายใต้การกระตุ้นของหลิวเสวี่ยอิ๋ง
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าพวกนางทั้งสองคำนับราวกับสับกระเทียม แต่นางไม่ได้สนใจและรีบลุกขึ้นทันที
ทั้งสองมาที่นี่โดยมีจุดประสงค์คลุมเครือ ซึ่งทำให้ผู้คนรังเกียจโดยไม่มีเหตุผล
เมื่อเห็นหลิวเสวี่ยอิ๋งคนนี้ นางเกิดความรู้สึกอยากผูกมิตรอยู่ครู่หนึ่ง และตอนนี้มันก็หายไปแล้ว
“พวกเจ้ากลับไปเถิด” จากนั้นนางก็กลับไปที่ห้องด้านใน เพราะไม่อยากเห็นทั้งสองคนด้วยซ้ำ
ด้วยการสนับสนุนจากสาวใช้ของพวกนาง หลิวเสวี่ยอิ๋งและหลิวซืออี๋เดินออกจาก สวนชิงทีละก้าว ใบหน้าของพวกนางถูกซ่อนไว้โดยผ้าคลุม แต่กู้ซินเถาก็เริ่มสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพวกนางจากไปด้วยความหดหู่ใจ “ท่านแม่ พวกนางสองคนมีความสุขเมื่อมาที่นี่ แต่ตอนนี้พวกนางกลับไปอย่างน่าเศร้าราวกับมีคนตายที่บ้าน ท่านคิดว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานหรือไม่”
ซุนซื่อแอบมอง จะไม่ใช่ได้อย่างไร
แม้ว่าเด็กหญิงทั้งสองจะสวมผ้าคลุมหน้าและไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของพวกนางได้ แต่ท่าทางการเดินดูก็รู้ว่าเพิ่งจะประสบกับความล้มเหลว และเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อย
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ออกไปไหนมาสามวันแล้ว กู้ซินเถาจึงอยากจะออกไปเดินเล่น แต่นางไม่คาดคิดว่าจะเห็นภาพที่น่าตกใจเช่นนี้
มาที่นี่อย่างมีความสุข แต่กลับไปอย่างผิดหวัง เมื่อครู่นี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นข้างในแน่ ๆ
เมื่อเห็นท่าทางที่มีความสุขของกู้ซินเถา ซุนซื่อก็งงงวยเล็กน้อย “ซินเถา เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ท่านแม่” กู้ซินเถาเอียงศีรษะพลางมองไปที่ซุนซื่อที่อยู่ด้านข้างและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ศัตรูของกู้เสี่ยวหวานคือเพื่อนของเรา ถ้าทั้งสองคนถูกกู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ เราจะเปลี่ยนพวกนางมาเป็นเพื่อนของเรา”
นี่คือสิ่งที่ซูเฉี่ยนเยว่บอกนาง ใครก็ตามที่ยืนอยู่คนละฝั่งของกู้เสี่ยวหวาน พวกนางสามารถถูกชักจูงได้ การที่กู้เสี่ยวหวานจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เมื่อถึงเวลาก็จะจัดการกับนางได้ง่ายขึ้นมาก
ทั้งสองมองไปที่ด้านหลังของสองพี่น้องตระกูลหลิวและคิดแผนการ แต่พวกนางไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองพวกนางจากด้านหลัง และได้ยินทุกสิ่งที่พวกนางพูด
ตั๊กแตนตำข้าวกำลังจะจับจักจั่นกินเป็นอาหาร หารู้ไม่ว่าข้างหลังยังมี นกกระจอกเหลืองคอยจับจ้องจิกกิน*[1]อยู่
ไม่ว่ากู้ซินเถาจะมีแผนการอะไร แต่นางอาจไม่เคยคิดเรื่องนี้
โค่วตันบอกกู้เสี่ยวหวานในสิ่งที่นางเพิ่งได้ยิน ในขณะนี้กู้เสี่ยวหวานกำลังฝึกคัดลายมือ และความเบื่อหน่ายในใจของนางก็หายไปเล็กน้อย หลังจากวางพู่กันในมือลง นางก็เยาะเย้ย “นางพูดจริง ๆ หรือว่าศัตรูของข้าคือเพื่อนของนาง กู้ซินเถา ฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เดิมทีสองพี่น้องตระกูลหลิวเป็นคุณหนูของตระกูลขุนนาง หากกู้ซินเถาไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง นางจะติดต่อกับสองคนนี้ได้อย่างไร
โค่วตันส่ายหน้าและพูดว่า “การสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
ดูเหมือนว่าสมองของกู้ซินเถาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่นางมาเยือนเมืองหลวง
ไม่เช่นนั้นตามอารมณ์ที่หยิ่งยโสของนาง ขุนนางคนใดเป็นเพื่อนของนาง นางก็ต้องการป่าวประกาศให้ทุกคนในโลกรู้
กู้เสี่ยวหวานตอบรับ “จับตาดูพวกนางไว้ให้ดี พวกนางต้องการทำอะไรก็ไม่ต้องไปขัดขวาง”
อาจั่วและโค่วตันมองหน้ากัน คุณหนูกำลังวางเบ็ดเพื่อจับปลาตัวใหญ่ ดังนั้นพวกนางจึงตอบว่า “รับทราบ”
[1] อุปมาว่า มองเห็นแต่สิ่งที่จะได้อยู่ข้างหน้า แต่หารู้ไม่ว่ายังมีภัยมหันต์กำลังจะตามมา