ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1728 ไม่รู้จักแล้ว
บทที่ 1728 ไม่รู้จักแล้ว
สองวันถัดมา มีข่าวถูกส่งมาว่าจดหมายหย่าระหว่างฟางเจิ้งสิงและฮูหยินฟางถูกร่างขึ้นเรียบร้อย และหนังสือแต่งตั้งฮูหยินรองของฟางเจิ้งสิงถึงหวงหรูซื่อก็ถูกร่างขึ้นแล้วเช่นกัน
ซูเทียนซื่อขอให้ฟางเจิ้งสิงหย่า ดังนั้นหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับฟางเจิ้งสิงในการลงหย่า คือหวงหรูซื่อจะได้เป็นฮูหยินรองเมื่อแต่งงาน
ฟางเจิ้งสิงเป็นขุนนางเก่าแก่ของต้าชิง และเป็นไปไม่ได้ที่ซูเทียนซื่อจะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของเขา แต่กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฮ่องเต้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว
เมื่อมองไปที่การแสดงออกนิ่งสงบของฟางเพ่ยหยาซึ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสุข กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าฟางเพ่ยหยาไม่สนใจอีกต่อไป แม้ว่าหวงหรูซื่อจะแต่งงานและกลายเป็นฮูหยินรองก็ตาม
“ท่านแม่ได้ข่าวเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นจึงให้ข้ามาขอบคุณพวกท่าน หลังจากเรื่องระหว่างนางและท่านพ่อจบลงแล้ว ท่านแม่บอกว่าต้องมาที่นี่เพื่อขอบคุณฮู้กั๋วจวิ้นจู่และอันผิงจวิ้นจู่” ฟางเพ่ยหยามองไปที่กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู จากนั้นนางจึงคุกเข่าลงอย่างซาบซึ้งใจ
กู้เสี่ยวหวานมิคาดคิดว่าฟางเพ่ยหยาจะคุกเข่าลงเช่นนี้ ดังนั้นนางและถานอวี้ซูจึงเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น “ลุกขึ้นเร็วเพ่ยหยา พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ”
“ถูกต้องเพ่ยหยา ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้เราจะไม่มีความสุข” ถานอวี้ซูกล่าวตำหนิ
ฟางเพ่ยหยารู้สึกแปลกใจพูดตามเหตุผลฟางเจิ้งสิงต้องการหย่ากับท่านแม่ ด้วยเหตุผลว่าท่านแม่ละเมิดกฏเจ็ดประการ ทำไมจู่ ๆ เขาจึงตกลงหย่าล่ะ
“เจ้าต้องขอบคุณท่านพี่ เจ้าไม่รู้หรอกว่านางใช้ความพยายามขนาดไหนกับเรื่องของเจ้า แม้แต่เหตุผลของการมีลูกชายและลูกสาวนางก็ไปหามาได้”
“เหตุผลของการมีลูกชายและลูกสาวหมายถึงอะไร?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางเพ่ยหยาก็พูดด้วยความแปลกใจ
ถานอวี้ซูชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันเกี่ยวกับการมีลูกชายหรือลูกสาว เมื่อเจ้าแต่งงาน นางจะบอกเจ้าเอง
แน่นอนว่าใบหน้าของฟางเพ่ยหยาเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
“พระราชโองการคาดว่าจะมีขึ้นในอีกสองวันนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้ากับท่านแม่จะทำอย่างไร” กู้เสี่ยวหวานถามฟางเพ่ยหยา
มันก็นานแล้วจากครั้งล่าสุดที่เราเจอกัน สีหน้าของฟางเพ่ยหยาดูมีชีวิตชีวา ใบหน้ามีเลือดฝาด เลยคิดว่าสุขภาพของฮูหยินฟางก็คงจะดีขึ้นแล้ว และฟางเพ่ยหยาก็อยู่อย่างสุขสบายโดยปราศจากปัญหาใด ๆ
“ท่านยายบอกว่าข้ากับท่านแม่จะอาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลูไปตลอดชีวิต” ฟางเพ่ยหยาพูดด้วยความสุข “ป้าสะใภ้แนะนำให้เราอยู่ที่จวนด้วยกันตลอดไป”
เมื่อเห็นว่าตระกูลหลูให้ความสำคัญกับพวกนางมาก กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกโล่งใจ “เป็นสิ่งที่ดีทีเดียว ค่อย ๆ ทำไปทีละก้าว ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”
ด้วยความช่วยเหลือของกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู ฟางเพ่ยหยาก็รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อนางกลับไปที่จวนตระกูลหลู ขณะที่นางเพิ่งลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนมาจากข้างหลัง “คุณหนู ข้าอยากเจอฮูหยินฟาง ข้ารบกวนท่านไปบอกให้ได้หรือไม่”
ฟางเพ่ยหยาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เมื่อนางหันหน้าไปก็เห็นหลิวเนี่ยนโหรวยืนอยู่หน้ารถม้า กำลังมองมาที่นาง
หลิวเนี่ยนโหรวมาถึงจวนตระกูลหลู แต่ตระกูลหลูปฏิเสธที่จะให้นางเข้าไป โดยบอกว่าฮูหยินฟางยังต้องการพักฟื้นและไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอก
อย่างไรก็ตามหลิวเนี่ยนโหรวมาที่นี่ด้วยความยากลำบาก แต่กลับไม่ได้พูดในสิ่งที่นางต้องการ และยังไม่ได้พบคนที่นางต้องการพบ นางจะจากไปได้อย่างไร
ดังนั้น นางจึงรอคนจากตระกูลหลู แต่โดยไม่คาดคิดหลังจากที่นางรอได้ไม่นานก็มีรถม้ามาถึง หญิงสาวร่างเพรียวที่ก้าวลงมาจากรถม้าคงเป็นคนจากตระกูลหลู
หลิวเนี่ยนโหรวจึงรีบลงจากรถม้า และเอ่ยเรียกนางผู้นั้นไว้
ฟางเพ่ยหยาได้ยินเสียงของหลิวเนี่ยนโหรว จึงหันกลับไปมอง หลิวเนี่ยนโหรวยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม แต่ใบหน้าของนางไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าของนางซีดเซียว ขอบตาดำคล้ำ ดูเหมือนว่าชีวิตของนางช่วงนี้คงไม่ค่อยดีนัก
เมื่อหลิวเนี่ยนโหรวเห็นฟางเพ่ยหยา นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงดูคุ้นเคย
รูปลักษณ์ของฟางเพ่ยหยาแวบเข้ามาในความคิดของนางครู่หนึ่ง แต่ก็ต้องเค้นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยตนเองในใจ จะเป็นไปได้อย่างไร ฟางเพ่ยหยาเป็นหญิงสาวร่างอ้วนท้วม ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางคงมาจากตระกูลหลู ดังนั้นนางจึงมีลักษณะคล้ายกับฟางเพ่ยหยา
“คุณหนู ข้าคือหลิวอี๋เหนียงแห่งตระกูลฟาง ฮูหยินฟางป่วยหนัก ข้าจึงมาที่นี่เพื่อเยี่ยมฮูหยิน” หลิวเนี่ยนโหรวมองหญิงสาวที่คุ้นเคยตรงหน้า เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
ฟางเพ่ยหยามองไปที่รูปลักษณ์ที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ของหลิวเนี่ยนโหรว เมื่อเห็น นางก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นไม่มีการแสดงออกอื่นใด และอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ อีกฝ่ายคงจะจำตัวเองไม่ได้
ฟางเพ่ยหยาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหลิวเนี่ยนโหรว และถามด้วยความสงสัย “ ไม่ทราบว่าหลิวอี๋เหนียงมาหาฮูหยินฟางด้วยเรื่องอันใด”
“นี่…” หลิวเนี่ยนโหรวตกตะลึงอีกครั้งเมื่อได้ยินหญิงสาวตรงหน้าถามเหตุผลตนเอง แต่เสียงของหญิงสาวตรงหน้านางฟังดูเหมือนฟางเพ่ยหยาจริง ๆ
หลิวเนี่ยนโหรวรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
นอกจากท่าทางและน้ำเสียงของฟางเพ่ยหยา ผู้หญิงคนนี้คล้ายกับฟางเพ่ยหยาในทุกด้าน
ผู้หญิงตรงหน้าอายุไล่เลี่ยกับฟางเพ่ยหยา แต่นางมีรูปร่างสมส่วน ใบหน้าบอบบางและงดงาม นางดูไม่เหมือนคนอ้วนอย่างฟางเพ่ยหยา
หลิวเนี่ยนโหรวหัวเราะเยาะตัวเองและรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่นายท่านทำอย่างนั้นก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังต่อต้านตัวเอง
“คุณหนู ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับเรื่องระหว่างข้ากับฮูหยินได้อย่างชัดเจนภายในไม่กี่ประโยค ดังนั้นโปรดรบกวนบอกฮูหยินฟางให้ข้าที” หลิวเนี่ยนโหรวหยุดชั่วคราวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แค่พูดว่านายท่านกำลังจะแต่งงาน นางจะมาพบข้าแน่นอน”
หลิวเนี่ยนโหรวรู้ว่าหลูเหวินซินรักฟางเจิ้งสิงมาก ไม่เช่นนั้นด้วยสถานะอันสูงส่งในตอนนั้น นางคงไม่ยอมแต่งงานกับฟางเจิ้งสิงที่ไม่มีชื่อเสียงหรือโชคลาภ
ทำไมนางถึงสามารถอยู่ในจวนตระกูลฟางเป็นเวลาหลายปีและต่อสู้กับหลูเหวินซินที่เป็นภรรยาเอกได้ ก็ไม่ใช่เพราะความรักของหลูเหวินซินที่มีต่อฟางเจิ้งสิงหรอกหรือ?