ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1734 ผู้หญิงแปลกหน้า
บทที่ 1734 ผู้หญิงแปลกหน้า
บนถนนที่พลุกพล่าน รถม้าสุดหรูเลี้ยวเข้าไปในตรอกแออัดจึงดูแปลกตาไปสักหน่อย
ไม่เคยมีรถม้าสุดหรูหราเช่นนี้อยู่ในตรอกนี้ และผู้อยู่อาศัยในตรอกต่างวิ่งออกไปดูอย่างตื่นเต้น เห็นว่าแม้แต่คนขับรถม้าก็กวาดสายตามองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับวิญญาณร้ายจากนรก คนเหล่านั้นต่างตกใจวิ่งหนีกลับบ้านด้วยความกลัว
เมื่อไม่มีผู้คนกีดขวาง รถม้าจึงสามารถขับไปได้อย่างราบรื่น ในที่สุดมันก็หยุดที่ประตูหลังของบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง
หลังจากหยุดรถแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งภายใต้เสื้อกันหนาวบุนวมสีเขียวอ่อนก้าวลงมาจากรถม้า วิ่งตรงไปเคาะประตูลาน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยประมาณสามสิบปีสวมเสื้อกันหนาวบุนวมสีเทาไว้หนวดมาเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าประตูเปิดออก ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้ทันถามว่าใครมา เขาก็ได้ยินหญิงสาวที่งดงามตรงหน้าพูดอย่างเย็นชา “จี้ฉาง ท่านหมอจี้ใช่ไหม”
ชายวัยกลางคนไม่คาดคิดว่าหญิงแปลกหน้าผู้นี้จะรู้จักชื่อตนเอง และรู้ว่าเขาเป็นหมอ จึงอดตกตะลึงไม่ได้
หญิงสาวสวมเสื้อกันหนาวบุนวมผ้าฝ้ายเนื้อดีสีเขียวอ่อนซึ่งดีกว่าเสื้อกันหนาวบุนวมผ้าหยาบที่เขาสวมอยู่มาก
จี้ฉางไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ จึงถามว่า “แม่นาง ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านเป็นใคร”
“ท่านคือจี้ฉาง ท่านหมอจี้ใช่ไหม” ซ่งฉินถามอีกครั้ง เนื่องจากท่าทางนางดูหยิ่งยโสเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงไม่ตอบคำถามของจี้ฉางและถามกลับไปอีกครั้ง
จี้ฉางมองนางถามอีกครั้งอย่างรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย และกำลังจะปิดประตู เมื่อเขาเห็นรถม้าหรูหราในตรอก เขาก็เดาในใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา เขาจึงตอบว่า “ใช่แล้ว ข้าเป็นหมอ”
ซ่งฉินมองไปที่จี้ฉางอีกครั้ง และเห็นว่าชายคนนี้ดูมีความสามารถมากทีเดียว
ชื่อถูกต้องและเป็นหมอ คนคนนั้นต้องพูดถึงเขาแน่ ๆ
นางจึงพูดว่า “คุณหนูของข้าไม่สบาย ข้าจึงมาหาท่านหมอจี้เพื่อขอคำปรึกษา”
“อ่า” จี้ฉางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเคยเป็นหมอ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว
เขาอยากเป็นหมอในเมืองหลวงแต่เขาไม่มีโอกาส
เช่นเดียวกับที่จี้ฉางต้องการบอกหญิงสาวว่าเขาทำไม่ไหว เมื่อเขาหันศีรษะ ผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังและจากไปอย่างรวดเร็ว
ซ่งฉินวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของรถม้าและตะโกนอย่างเคารพอยู่ข้างใน “คุณหนู เจอคนผู้นั้นแล้วเจ้าค่ะ”
ม่านของรถถูกเปิดออก หญิงคนหนึ่งในชุดสีเหลืองอ่อนและเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะก้าวลงมาจากรถม้า
แม้แต่จี้ฉางที่ไม่เคยเห็นสิ่งแบบนี้มาก่อนยังตกตะลึงกับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะ
ขนสุนัขจิ้งจอกชนิดนี้ขาวมาก ใคร ๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่าขนสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มีค่ามากเพียงใด
นางคงมาจากครอบครัวใหญ่ จี้ฉางลอบคิดในใจ
ด้วยการประคองของซ่งฉิน ผู้หญิงคนนั้นจึงลงจากรถม้า ดูสง่างามยิ่ง
นางสวมหมวกโต่วลี่*[1]และมีผ้าคลุมสีขาวห้อยลงมาจากหมวกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด
แต่จากรูปร่างที่สง่างาม รถม้าและเสื้อผ้าที่หรูหราทำให้จี้ฉางอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยความตกตะลึง
เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวผู้มั่งคั่งเช่นนี้ จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
หญิงสาวในตอนแรกแต่งตัวดี แต่เมื่อยู่ต่อหน้าหญิงสาวคนนี้กลับต่างกันราวกับสวรรค์และพื้นดิน
ท่าทางที่สง่างามและร่ำรวยของผู้หญิงคนนี้ นางคงเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ เขาเติบโตในหมินซานจึงไม่เคยเห็นคุณหนูของตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้ เขาจ้องมองอย่างตกตะลึงจนแม้แต่ผู้หญิงคนนั้นเดินนำหน้าเขาไปแล้ว เขาก็ไม่ได้สังเกต
“ท่านหมอจี้ฉาง” ซ่งฉินตะโกนอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นจี้ฉางหยาบคาย
จี้ฉางรู้สึกตัว เมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาสูญเสียสติ จึงโค้งคำนับเพื่อร้องขอการให้อภัย “ไม่ทราบว่าคุณหนูท่านมีเรื่องอะไร”
“ท่านหมอจี้ฉาง เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” ซ่งฉินประคองหญิงสาวสวมหมวกโต่วลี่ตรงไปที่ลานบ้านโดยไม่หันมามองจี้ฉาง
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านจี้ฉางราวกับเขาไร้ตัวตน ดูเหมือนนางจะใช้หางตามองตน ทำให้จี้ฉางตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึม
จี้ฉางเห็นพวกเขาเข้าไปจึงหันศีรษะไปมองรถม้าหรูหราที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นวี่แววของสัญลักษณ์บนรถม้าเลยจึงเดาตัวตนของหญิงสาวไม่ได้ ดังนั้นจึงยอมแพ้ หันหลังกลับและเข้าไปในลาน
เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน คุณหนูคนนั้นไม่สุภาพอีกต่อไป นางนั่งลงบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยท่าทางที่สง่างาม นางเป็นคุณหนูจากตระกูลขุนนางจริง ๆ
จี้ฉางค่อนข้างแปลกใจ เขาเพิ่งมาจากหมินซานและไม่รู้จักขุนนางระดับสูงในเมืองหลวง นับประสาอะไรกับคุณหนูคนนี้ นางมาหาเขาทำไม
นางยังคงสวมหมวกโต่วลี่และไม่เปิดแผยใบหน้า
“คุณหนู ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านเป็นใคร” จี้ฉางประสานมือและถามภูมิหลังของหญิงสาว
ซ่งฉินพูดจากด้านหลัง “ท่านหมอจี้ฉาง ข้าได้ยินมาว่าท่านมาจากหมินซานและมีทักษะทางการหมอดีจึงอยากมาที่เมืองหลวงเพื่อพัฒนาฝีมือ แต่ทุกวันนี้มันยากที่จะเปิดร้าน ดังนั้นท่านจึงอยู่ที่นี่มาตลอด เป็นความจริงใช่หรือไม่”
เมื่อจี้ฉางได้ยิน เขาก็มองไปที่ซ่งฉินด้วยความตกใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร”
“อย่ากังวลว่าข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าถามท่านอยู่ว่าจริงหรือไม่” ซ่งฉินพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“จริง จริง”
จี้ฉางรู้สึกหวาดกลัวสาวใช้คนนี้จนเหงื่อออก นอกจากนี้ยังมีคุณหนูที่สวมหมวกโต่วลี่ตลอดเวลาและมีผ้าคลุมรอบหมวกปิดหน้านาง ดังนั้นจึงมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัดเจน แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่ามีแววตาแห่งการตรวจสอบมองออกมาเป็นครั้งคราว มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวราวกับว่าเขาถูกจับเปลือยกายและยืนอยู่ต่อหน้าคนอื่น มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี
จากนั้นก็ได้ยินผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าพูดต่อไปว่า “คุณหนูของข้ารู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอจี้นั้นยอดเยี่ยมมาก ตอนที่อยู่หมินซาน ผู้คนในหมินซานต่างก็ยกย่องฝีมือของท่านหมอจี้และท่านก็มีชื่อเสียงมาก”
หลังจากที่จี้ฉางฟัง เขารู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาก็ยืดตรงขึ้นเล็กน้อยและพูดโดยไม่ถ่อมตัว “ข้าเรียนหมอมาหลายสิบปีแล้ว และคิดว่าตัวเองมีฝีมืออยู่พอตัว”
[1] หมวกโต่วลี่ 斗笠
……….