ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1737+1738 สร้างกลไกการประเมิน/ทักทายวันตรุษจีน
บทที่ 1737+1738 สร้างกลไกการประเมิน/ทักทายวันตรุษจีน
……….
บทที่ 1737 สร้างกลไกการประเมิน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซ่งฉินรีบจับมืออีกฝ่าย กล่าวว่า “คุณหนูใจเย็นก่อน มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ จี้ฉางจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน พวกเราต้องคิดดูให้ดีว่าจะต้องเก็บเด็กคนนี้ไว้หรือยุติการตั้งครรภ์”
“เก็บไว้หรือ เจ้าจะให้ข้าเก็บไว้อย่างไร!” หวงหรูซื่อคำรามด้วยเสียงต่ำ “ข้าจะเก็บเด็กไว้ได้อย่างไร ข้าจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้”
“คุณหนู ฟังข้าก่อน” เมื่อเห็นท่าทางของหวงหรูซื่อที่กำลังเสียสติ ซ่งฉินก็พูดตามที่นางคิด “การตั้งครรภ์นี้จะต้องยุติอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ยาจะใช้เวลาเจ็ดวัน ถ้าพวกเขาเห็นเลือดออกมาตอนเพิ่งแต่งงานจะทำอย่างไร ต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันเด็กถึงจะหลุดออกมาได้ แต่อีกห้าวันคุณหนูก็จะแต่งงาน ถ้าเด็กหลุดออกมาในวันแต่งงานต่อหน้าแขกนับไม่ถ้วน ท่านจะทำอย่างไร เราไม่สามารถเสี่ยงได้”
การวิเคราะห์ของซ่งฉินนั้นมีเหตุผลและสมเหตุสมผล แต่ถ้ายังยุติการตั้งครรภ์ตอนนี้ไม่ได้ ทำไมไม่รอจนกว่าจะย้ายเข้าจวนตระกูลฟาง
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าหมายความว่าให้ข้าพาเด็กคนนี้ไปแต่งงานกับฟางเจิ้งสิงหรือ?” หวงหรูซื่อมองไปที่ซ่งฉิน ด้วยสายตาว่างเปล่างปราศจากสีหน้า
“คุณหนู ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยท่านในเรื่องนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ท่านกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี้ ในช่วงวันนี้ให้ท่านทำตัวตามปกติ ไม่ว่าท่านต้องการอะไร ทั้งหมดนี้ปล่อยให้ข้าทำ” ซ่งฉินปลอบใจหวงหรูซื่อว่า “แต่งงานก่อน และเมื่อถึงเวลาเราจะยุติการตั้งครรภ์อย่างลับ ๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่ต้องกังวล จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เจ้าพูดจริงใช่หรือไม่” เมื่อเห็นความตั้งใจของซ่งฉิน หวงหรูซื่อก็ถามอย่างคาดหวังพลางจับมือนางแน่น
ซ่งฉินขบกัดริมฝีปาก และพูดอย่างหนักแน่น “คุณหนูไม่ต้องกังวล แม้ว่าข้าน้อยคนนี้จะต้องเสี่ยงชีวิต ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิต
หลังจากได้ยินคำพูดของซ่งฉินแล้ว หวงหรูซื่อที่หน้าซีดราวกับกระดาษก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย “ตกลง ข้าจะฟังเจ้า”
ยังมีเวลาอีกสองสามวันก่อนถึงวันสิ้นปี กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะใช้เวลานี้เยี่ยมชมร้านจิ่นฝู ร้านฝูจิ่นและร้านหล่านเยว่
หลังจากมาถึงร้านจิ่นฝู เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน ประตูของร้านจิ่นฝูจึงแง้มอยู่เพียงเล็กน้อย หลังจากที่รถม้าของกู้เสี่ยวหวานมาถึง นางก็ผลักประตูเดินเข้าไป เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงวันสิ้นปีแล้ว แม้แต่ภายในร้านก็ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงและสนุกสนาน
มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ทุกที่ และผ้าไหมสีแดงแขวนอยู่เหนือรั้วดูรื่นเริง
เมื่อเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวาน คุณชายเฉิงจึงรีบวางพู่กันและกระดาษในมือลงแล้วออกมาทักทาย “ทักทายอันผิงจวิ้นจู่”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลูกจ้างคนอื่น ๆ ก็วางงานลงและทักทาย “ทักทายอันผิงจวิ้นจู่”
ในอดีตกู้เสี่ยวหวานมีตำแหน่งเสี้ยนจู่อันผิง และนางไม่เคยปล่อยให้พวกเขาเหล่านี้ทักทายตนเอง ดังนั้นนางจึงไม่คุ้นเคยกับการทักทายของพวกเขา ดังนั้นจึงรีบไปประคองคุณชายเฉิงและพูดว่า “คุณชายเฉิงทำให้เสี่ยวหวานรู้สึกแย่ จากนี้ไปท่านไม่ต้องมากพิธีกับข้า ให้ทุกคนเรียกข้าว่าเถ้าแก่เช่นเดิมเถอะ”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” เมื่อคุณชายเฉิงได้ยินเช่นนี้ จึงโบกมือพัลวัน “ตอนนี้ท่านเป็นท่านจวิ้นจู่แล้ว และในเมืองหลวงมีจวิ้นจู่เพียงสามคน ท่านเป็นเถ้าแก่ร้าน และนั่นคือความรุ่งโรจน์ของเรา”
“ใช่แล้วใช่แล้ว จวิ้นจู่ร้านจิ่นฝูของเราในเมืองหลวงไม่มีใครกล้ายุ่ง ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่าน”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของพวกเขา กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกอายเล็กน้อย “ข้าก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของร้านแห่งนี้ และเรื่องของร้านอาหารก็เป็นเรื่องของข้า”
“จวิ้นจู่ เพราะท่าน เราจึงมีงานทำ ท่านคือผู้มีพระคุณของพวกเรา จากนี้ไป ข้าจะติดตามท่านตลอดไป”
“ใช่ ท่านจวิ้นจู่ พวกเราทุกคนจะติดตามท่านตลอดไป
นับตั้งแต่ที่ออกจากคุก กู้เสี่ยวหวานได้เพิ่มค่าจ้างรายเดือนให้กับผู้ภักดีต่อร้านจิ่นฝูเป็นการตอบแทนทุกคนด้วยความจริงใจ
สำหรับผู้ที่ไหลไปตามกระแสน้ำเพราะไม่สามารถทนต่อการต่อการลงโทษได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเปิดเผยสิ่งสำคัญไป กู้เสี่ยวหวานสามารถเข้าใจได้ ท้ายที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกคน
ทุกคนได้เงินทำขวัญไปจำนวนหนึ่ง และให้พวกเขากลับไปทำงานในร้านจิ่นฝู แต่ค่าตอบแทนรายเดือนของทุกคนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
คนเหล่านั้นรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคนอื่น และไม่มีผู้ใดปริปากบ่น ตรงกันข้ามพวกเขากลับทำงานหนักกว่าเดิม
ต่อมาเนื่องจากประสิทธิภาพของคนเหล่านี้ หลี่ฝานจึงเพิ่มเงินรายเดือนของคนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ทุกคนแทบจะมีเงินเดือนเท่ากัน
ด้วยวิธีการนี้ ความสามัคคีของร้านอาหารทั้งหมดจึงแข็งแกร่งขึ้น
ทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็งและกิจการของร้านจิ่นฝูก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาก็คิดว่าต้องขอบคุณกู้เสี่ยวหวานที่ทำให้ร้านจิ่นฝูกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นเพราะกู้เสี่ยวหวานที่ทำให้พวกเขายังคงมีงานทำและมีเงิน ความชื่นชมต่อกู้เสี่ยวหวานจึงมีอย่างไม่รู้จบ
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานตอนนี้ ความชื่นชมในใจของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้น และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงความจริงใจของพวกเขาต่อกู้เสี่ยวหวาน
การได้เห็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา การทำงานอย่างกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบสูง หลังจากผ่านเหตุการณ์การเสียชีวิตของโหยวเฉียนในครั้งล่าสุด กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกในใจว่าถ้าทุกคนในร้านอาหารทำงานร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอาจไม่เกิดขึ้น
เมื่อพวกเขามาถึงห้องส่วนตัวของหลี่ฝาน หลี่ฝานก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัว
ตั้งแต่นั้นมากู้เสี่ยวหวานและหลี่ฝานก็ถือเอาเหตุการณ์การวางยาพิษครั้งที่แล้วเป็นอุบัติเหตุที่เลวร้ายที่สุดในการเปิดร้านของพวกเขา เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต กู้เสี่ยวหวานและหลี่ฝานได้วางแผนวิธีป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคต ซึ่งเป็นวิธีที่ละเอียดมาก
แบ่งความรับผิดชอบของทุกคนในร้านอาหารให้ชัดเจน และกำหนดกลไกการประเมินทุกหนึ่งเดือน
ลูกจ้างร้านอาหารแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม พ่อครัวในครัวด้านหลังและคนล้างจาน ลูกจ้างในห้องโถงชั้นแรก และลูกจ้างชั้นสอง แต่ละทีมมีหัวหน้าและรองหัวหน้า ในขณะที่ทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว พวกเขายังต้องดูแล ประเมินทัศนคติและความรับผิดชอบของลูกจ้างคนอื่นด้วย
…….
บทที่ 1738 ทักทายวันตรุษจีน
การประเมินจะดำเนินการทุกสิ้นเดือนและมีรางวัลให้ลูกจ้างยอดเยี่ยมทุกเดือนเป็นการจ่ายเงินเพิ่มอีก เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนทำงานอย่างตั้งใจ
นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้บางคนหาผลประโยชน์ส่วนตัว หลี่ฝานตรวจทั้งสามกลุ่มเป็นครั้งคราว ในตอนแรก ทุกคนมีขอบเขตความรับผิดชอบที่แน่นอนของตัวเอง แต่มันไม่สะดวกที่จะทำทั้งหมด แต่หลังจากทำความคุ้นเคย ทุกอย่างก็ดีขึ้นมาก
แม้ว่าภาระงานจะหนัก แต่ทุกครั้งที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขาจะไม่ทำซ้ำกัน เช่น หลังจากที่จางซานเช็ดโต๊ะครั้งหนึ่ง บางทีหลี่ซื่ออาจจะเช็ดมันซ้ำอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันได้ลดแรงงานซ้ำซ้อนลงไปมาก
หลี่ฝานบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับการดำเนินงานและสถานะการประเมินของร้านจิ่นฝูในช่วงเวลานี้ และหลังจากที่เขาพูดจบ เขายังคงชื่นชมวิธีการจัดการคนของกู้เสี่ยวหวานว่าจัดการได้เป็นอย่างดี
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม วางถ้วยชาในมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “การพึ่งพาระบบในการบริหารคนเป็นวิธีที่ทำให้ร้านอาหารสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ยาวนาน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องจัดการร้านอาหารและคนเหล่านี้ด้วยมนุษยธรรม”
“มนุษยธรรม” หลี่ฝานไม่เข้าใจความหมายของมนุษยธรรม ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟัง
“กิจการที่ดีย่อมต้องการดำเนินงานไปได้อย่างยาวนาน หากพึ่งพาแต่ระบบที่เข้มงวดในการดูแล จนทุกคนไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการดูแลเอาใจใส่จะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความกดดัน ดังนั้นในขณะที่ดูแลกิจการเราจำเป็นปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมกับลูกจ้าง”
“ตัวอย่างล่ะ”
กู้เสี่ยวหวานปิดปากและพูดด้วยรอยยิ้ม “เทศกาลส่งท้ายปีเก่ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า เราควรไปที่บ้านของคนเหล่านี้ ถามเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา และดูว่ามีความยากลำบากปัญหาใดที่ต้องการความช่วยเหลือ เราไม่สามารถปล่อยปละละเลยผู้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรามาได้”
“ไม่เลวไม่เลว” หลี่ฝานตบมือ “ถ้าเราทำได้ดี พวกเขาจะไม่อยากจากไป”
“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดคุ้นเคยกับงานแล้ว ถ้าต้องฝึกลูกจ้างใหม่อีก เกรงว่าจะต้องใช้พลังงานและเวลามาก” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นหลี่ฝานตกลงจึงพูดว่า “เมื่อเราซื้อของบางอย่างและไปเยี่ยมสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาและให้ซองแดงซึ่งถือเป็นการขอบคุณจากใจจริงต่อครอบครัวของพวกเขาที่ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจตลอดปีที่ผ่านมา”
“ตกลงตกลงตกลง” หลี่ฝานตบมือ “ข้าจะสั่งให้คนเตรียมของให้ตอนนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมบ้านของทุกคนเพื่อทักทายถือได้ว่าเป็นการทำหน้าที่เจ้าของร้านอย่างดีที่สุด”
เมื่อออกจากร้านจิ่นฝู หลี่ฝานจึงพากู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านฝูจิ่นเพื่อดูอีกครั้ง หลังจากประสบการณ์หลายปี เสี่ยวเซิ่งจื่อดูเหมือนจะสามารถดูแลด้วยตัวเองได้ หลังจากได้ยินสิ่งที่หลี่ฝานพูด เขาจึงขอให้นักบัญชีรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของลูกจ้างร้านฝูจิ่น
ในอดีต ส่วนใหญ่พวกเขารู้เพียงว่าใครอาศัยอยู่ที่ไหนและมีกี่คนในครอบครัว แต่เรื่องนอกเหนือจากนั้นก็ไม่สามารถบอกได้
อย่างไรก็ตาม หากเราทราบสถานการณ์ครอบครัวของคนเหล่านี้และดูแลลูกจ้างในร้านอาหารอย่างเห็นอกเห็นใจ บางทีพวกเขาอาจมีแรงจูงใจในการทำงานในอนาคต
เมื่อดูเผิน ๆ ดูเหมือนว่าร้านอาหารจะทุ่มเททั้งเงินและความพยายาม แต่มันก็สามารถแลกกับความจริงใจของลูกจ้างได้
……….