ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1739 กู๋ไห่แอบหลับ
บทที่ 1739 กู๋ไห่แอบหลับ
หลังจากทำข้อตกลง หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ พวกเขาจะไปเยี่ยมครอบครัวของลูกจ้างทุกคนและพยายามไปเยี่ยมให้เสร็จก่อนวันส่งท้ายปีเก่า
กู้เสี่ยวหวานยังคงต้องการไปที่ร้านหล่านเยว่ เพราะหลี่ฝานมีบางอย่างที่ต้องทำและตอนนี้ร้านหล่านเยว่ได้ถูกส่งมอบให้กับกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไปด้วย จึงปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานไปคนเดียว
กู้เสี่ยวหวานมาที่ร้านหล่านเยว่ เพราะตอนนี้ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีขึ้นเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ที่บ้านจึงต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาว ดังนั้นนางจึงไม่มีเวลาตัดเย็บตุ๊กตาใหม่ ประตูหน้าจึงถูกทิ้งร้าง
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามาก็มีเสียงดังมาจากข้างใน “ยินดีต้อนรับ!”
ฟังดูไม่เหมือนเสียงคนเลย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากก้าวมาถึงด้านใน ดวงตาคู่สวยพลันเหลือบเห็นนกแก้วที่อยู่เหนือบริเวณประตู เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เถ้าแก่ ซื้อของ คุณหนู หนึ่งร้อยตำลึงเงิน”
นี่เป็นนกแก้วที่กู้เสี่ยวหวานซื้อมาจากผู้ขายรายเล็กย่อย ตอนนางซื้อมาครั้งแรก นกแก้วตัวนี้สามารถพูดได้อยู่ และท่าทางของมันก็น่ารักมากกู้เสี่ยวหวานจึงตัดสินใจซื้อมันมาก หากแต่นางไม่ได้นำมันกลับไปที่สวนชิง แต่เอามันมาที่ร้านหล่านเยว่ เพราะเมื่อเห็นขนสีสันสวยงามของนกแก้วตัวนี้ จึงคิดว่าสามารถเพิ่มบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้กับร้านหล่านเยว่ได้
“เจ้าพูดเก่งจริง ๆ”
“จวิ้นจู่ ท่านมาแล้ว!” ทันทีที่พูดจบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
เจี่ยงปู้หวนยังคงสวมกันหนาวบุนวมสีเทายืนอยู่ข้างหลัง มองมาที่กู้เสี่ยวหวานและพูดด้วยความเคารพ ครั้นนกแก้วเห็นคนมาใหม่จึงส่งเสียงทักทายขึ้นอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ”
กู้เสี่ยวหวานมองปากเรียวแหลมของนกแก้ว พลางคลี่ยิ้ม “เจ้าฝึกนกแก้วตัวนี้หรือ”
“ขอรับ นกแก้วตัวนี้ฉลาดมาก หลังจากเรียนไปไม่กี่ครั้งมันก็พูดได้แล้ว” เจี่ยงปู้หวนยังคงเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ
“ฉลาด ฉลาด” เมื่อนกแก้วรู้ว่าเจี่ยงปู้หวนชื่นชมตัวเอง มันจึงกระโดดไปรอบ ๆ กรง
เมื่อเห็นท่าทางสนุกสนานของมัน กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขเป็นอย่างมาก จึงเริ่มหยอกล้อกับนกแก้วและเดินไปที่ห้องโถงด้านหลัง “วันนี้ไม่มีแขก ท่านไปเรียกพ่อบ้านกู๋มาหาข้า ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเขา”
ในขณะที่เจี่ยงปู้หวนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง กู้เสี่ยวหวานก็เปิดประตูห้องโถงด้านหลังและเห็นคนคนหนึ่งกำลังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง ส่งเสียง ‘กรน’ ดังสนั่น ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับสบาย
ผู้ใดเล่าจะกล้านอนที่นี่นอกจากกู๋ไห่
กู้เสี่ยวหวานมองอาจั่วที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยถาม “ตอนนี้ยามใดหรือ”
“ยามอู่*[1]เจ้าค่ะ”
กู้เสี่ยวหวานถอยห่างจากห้องโถงด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ราวกับไม่ต้องรบกวนการนอนหลับของกู๋ไห่ และไปดื่มชาที่ห้องด้านข้างแทน
“ช่วงนี้ครอบครัวของพ่อบ้านกู๋เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น จึงต้องทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า” กู้เสี่ยวหวานจิบชาถามเจี่ยงปู้หวน
ครั้นเห็นว่าเจ้าของร้านไม่ได้ถามเรื่องพ่อบ้านกู๋ แต่กลับถามว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้นกับครอบครัวของพ่อบ้านกู๋หรือไม่ ความชื่นชมที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานที่มีอยู่ในใจนั้นเพิ่มพูนยิ่งขึ้น
หากเป็นที่อื่น การที่ผู้ชายขี้เกียจแอบหลับในเวลางาน และถูกเจ้าของร้านจับได้ เขาคงจะถูกลงโทษด้วยการโบย อาจจะโดนหักเงินเดือน หรือโทษสถานหนักคือไล่ออกจากร้าน
กู้เสี่ยวหวานไม่เพียงแต่จะไม่เสียอารมณ์ แต่ในทางกลับกันยังถามด้วยความเป็นห่วง กังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของกู๋ไห่ ซึ่งทำให้เขาต้องพักผ่อนในขณะที่ทำงาน แม้ว่าเจี่ยงปู้หวนจะมีความไม่พอใจอย่างมาก แต่เขาก็พูดตามความจริง “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ข้ารู้แค่ว่าดวงตาของพ่อบ้านกู๋คล้ำขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ และท่าทางของเขาก็ดูเหนื่อยมาก
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเจี่ยงปู้หวนไม่รู้ นางจะรู้เรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อกู๋ไห่ตื่นขึ้น “ได้ ตอนนี้คุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในร้านหล่านเยว่ก่อน และเมื่อพ่อบ้านกู๋ตื่นขึ้นไว้ค่อยถามเขาใหม่”
เจี่ยงปู้หวนรายงานสถานการณ์ของร้านให้กู้เสี่ยวหวานทราบ รายรับและรายจ่ายของร้านหล่านเยว่ และความคิดเห็นและคำแนะนำจากขุนนางที่มาซื้อของที่นี่ และพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญ
ในท้ายที่สุดเขาได้ให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวสำหรับตุ๊กตาที่ร้านหล่านเยว่จะสร้างในอนาคต กู้เสี่ยวหวานฟังและอดพยักหน้าชื่นชมไม่ได้
“ไม่เลว ข้าไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว แต่ท่านก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย” กู้เสี่ยวหวานชมเชย
เจี่ยงปู้หวนรีบโค้งคำนับ พูดว่า “ความเมตตาของท่านที่มีต่อข้ายิ่งใหญ่ราวกับภูเขา ข้าจึงต้องทำงานด้วยความจริงใจ และมีความรับผิดชอบเพื่อให้สมกับที่เจ้าของร้านไว้วางใจ”
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะคุยกับเขาต่อ ยิ่งพวกเขาคุยกันมากเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าเขามีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนใคร กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกชื่นชมเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองยุ่งอยู่กับการสนทนา โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากู๋ไห่ตื่นขึ้นแล้ว และในขณะนี้เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากห้องข้าง ๆ เมื่อได้ยินเสียงของเจี่ยงปู้หวนและอันผิงจวิ้นจู่ การแสดงออกของกู๋ไห่ก็เปลี่ยนไปทันที
เขาแอบนอนหลับพักผ่อนและอันผิงจวิ้นจู่ก็มาที่นี่
นางจับได้ว่าเขาแอบหลับ
หัวใจของกู๋ไห่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาหวาดกลัวจนแทบตาย
เขารู้ว่าแม้ว่าอันผิงจวิ้นจู่จะใจดีราวกับพระโพธิสัตว์ แต่ความจริงแล้วนางมีกฎเกณฑ์มากมาย
ถ้าหลับในขณะทำงานก็จะถูกลงโทษ กู๋ไห่รู้สึกกลัวมาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ขณะที่เขาเกาศีรษะและพยายามหาข้อแก้ตัว ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก
“พ่อบ้านกู๋ตื่นแล้วหรือ”
เสียงแผ่วเบาเป็นเสียงของท่านอันผิงจวิ้นจู่ และกู๋ไห่รู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งเมื่อได้ยิน
“จวิ้นจู่ ท่านจวิ้นจู่” เมื่อหาทางหนีทีไล่ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่น
เขาเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยงปู้หวนอย่างดุร้าย ต้องเป็นมัน มันต้องพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองแน่ ไม่เช่นนั้น ทุกครั้งที่จวิ้นจู่มา นางก็จะเดินไปรอบ ๆ ร้านหล่านเยว่และจากไปเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร ทำไมวันนี้นางถึงมาที่สวนหลังร้าน
ท่านจวิ้นจู่ไม่เคยมาที่สวนหลังร้านแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านางจะมาหรือไม่ก็ตาม คำที่นางถามตัวเองว่าตื่นแล้วหรือ นางคงไม่ได้เห็นด้วยตาของนางเอง แต่เป็นเจี่ยงปู้หวนบอกนาง
[1] ช่วงเวลา 11.00-13.00 น.