ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1740 ให้กู๋ไห่หยุดงาน
บทที่ 1740 ให้กู๋ไห่หยุดงาน
ยามปกติกู๋ไห่คิดว่าลับหลังเจี่ยงปู้หวนผู้นี้ไม่น้อย ครั้งนี้เขาก็ได้แต่ต้องกัดฟันรับมือแล้ว
ในใจกู๋ไห่คิดอย่างโกรธเคือง เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและจ้องเขม็งมองเจี่ยงปู้หวน เจี่ยงปู้หวนนั้นทำเหมือนว่าตัวเองนั้นมองไม่เห็นเขา ท่าทางที่อวดดีดูถูกผู้อื่นนั้นทำให้กู๋ไห่แทบอยากจะฉีกเขาเป็นหมื่นชิ้น
อันผิงจวิ้นจู่ยังอยู่ที่นี่ กู๋ไห่ไม่สามารถระเบิดโทสะได้ เขาได้เพียงแต่รีบมาอยู่ตรงหน้าของกู้เสี่ยวหวานหลุบตาลง แล้วคุกเข่าลงไปดังตุ้บ รอรับการลงโทษของกู้เสี่ยวหวาน
เขานั้นแอบหลับ เงินเดือนของเดือนนี้คงจะหายไปแล้ว
กู๋ไห่คร่ำครวญอยู่ในใจ
“พ่อบ้านกู๋ ที่บ้านเจ้านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานเห็นสีหน้าท่าทางที่อึดอัดลำบากใจของกู๋ไห่ จึงเอ่ยปากถาม
กู๋ไห่ไม่รอให้ได้กลิ่นดินปืน แต่กลับได้รับคำทักทายที่เป็นกันเองของกู้เสี่ยวหวาน จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจและรีบเงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวาน
กู๋ไห่เงยหน้าขึ้น กู้เสี่ยวหวานจึงยิ่งเห็นรูปร่างของกู๋ไห่ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
เป็นเหมือนดั่งที่เจี่ยงปู้หวนกล่าวไว้ทั้งหมดจริง ดวงตาของเขานั้นดำคล้ำราวกลับว่าไม่ได้นอนหลับสนิทมาเป็นเวลานาน
กู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่าการเปิดร้านหล่านเย่วนั้นไม่ง่ายเลย และยิ่งรู้ว่าการรับลูกน้องไม่ใช่เรื่องง่าย การหาลูกน้องนั้นง่ายดายมาก แต่ว่าต้องอบรมปลูกฝังลูกน้องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย
กู้เสี่ยวหวานอยากทำสินค้า ดังนั้นนอกจากของในร้านแล้ว ยังต้องมีการบริการในร้านค้าอีกด้วย ซึ่งการดูแลจัดการการบริการของพนักงานร้านหล่านเย่วนั้นล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถละเลยได้
กู๋ไห่เป็นพนักงานเก่าของร้านหล่านเย่ว ทำงานอยู่ในร้านหล่านเย่วมานานแล้ว ทั้งรอบครอบและมีความรับผิดชอบสูง แม้จะบอกว่าคนคนนี้ภายนอกดูเหลาะแหละตุ้งติ้งไปบ้าง และมีการนึกคิดอยู่ในใจตัวเอง แต่ตราบใดที่ไม่ทำร้ายร้านหล่านเย่ว กู้เสี่ยวหวานเองก็จะปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง อย่างไรเสียถ้าหากเอาคนเข้ามาเพิ่มก็รู้หน้าไม่รู้ใจ และคงทำได้ไม่ดีกว่ากู๋ไห่
กู๋ไห่นอนหลับในเวลาทำงาน กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เอ่ยปากตำหนิด่าเขา แต่ถามเขาก่อนว่าที่บ้านนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วยวิธีเช่นนี้จะทำให้ลูกจ้างในร้านมีช่องว่างในการอธิบายมากขึ้น และสามารถเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์ที่ร้านหล่านเย่วมอบให้พวกเขา
กู๋ไห่เหมือนกับฟังผิดไปอย่างไรอย่างนั้น มองดูวิธีการที่นุ่มนวลของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ส่ายหัวโอดครวญอย่างไม่หยุด “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปหรอกมั้ง เถ้าแก่ไม่ได้หักเงินเดือนของข้าในเดือนนี้”
เขาออกไปช่วยคนอื่นทำงานข้างนอกตั้งแต่หลายปีก่อน เรื่องเช่นไรคนเช่นไรจะไม่เคยเห็น จึงปลี่ยนสีหน้าทันทีและพูดร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า “ตอบจวิ้นจู่ แม่ข้าป่วยขอรับ ดังนั้น…”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็ถามต่ออย่างห่วงใยว่า “มารดาเจ้าป่วยหนัก เชิญหมอแล้วหรือยัง”
กู๋ไห่ฟังแล้วพยักหน้าพูดอย่างเศร้าใจว่า “เชิญแล้วขอรับ หมอบอกว่าแค่พักผ่อนสักสองสามวันก็ไม่เป็นไรแล้ว สองสามวันมานี้ต้องกินยาตลอด ทุกวันข้าจึงต้องตื่นก่อนฟ้าสางเพื่อเคี่ยวยาให้ท่านแม่ ตอนกลางคืนคอยปรนนิบัติให้นางหลับแล้วข้าจึงนอน เป็นเช่นนี้ทุกวัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่เผลอหลับในตอนทำงาน จวิ้นจู่ได้โปรดลงโทษด้วย”
กู้เสี่ยวหวานเห็นเขาพูดอย่างเศร้าใจ ก็ไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้อีก จึงพยุงเขาลุกขึ้นพูดว่า “มารดาเจ้าต้องการคนดูแล เจ้าก็รีบกลับไปเถอะ”
“แต่ว่า” กู๋ไห่ลำบากใจเล็กน้อย “ร้านหล่านเย่วเหลือคนเพียงแค่คนเดียวแล้ว และเขายังอายุน้อย ระยะเวลาที่มาอยู่ร้านหล่านเย่วนั้นก็สั้น ข้ากลัวว่าเขาจะรับมือคนเดียวไม่ได้”
“ไม่เป็นไร อีกสิบกว่าวันก็จะฉลองปีใหม่แล้ว ช่วงนี้ร้านหล่านเย่วเองก็ไม่มีสินค้าอะไร ลูกค้าเองก็น้อย หลังจากเปิดกิจการแล้ว เทศกาลหยวนเซียวเจ้าค่อยมา เจ้ากลับไปดูแลมารดาของเจ้าเถอะ เรื่องของที่นี่ก็เป็นหน้าที่ของเสี่ยวเจี่ยงแล้ว เงินเดือนที่ควรได้ พวกเราจะไม่ขาดให้เจ้าแม้แต่ส่วนเดียว” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“ขอบคุณเถ้าแก่มาก” กู๋ไห่ได้ยินก็รีบคุกเข่าโขกหัวไม่หยุดว่า “ขอบคุณเถ้าแก่มาก ท่านแม่ข้ามีวาสนาได้เจอเถ้าแก่ที่จิตใจดีมีเมตตา นางจะต้องจุดธูปสามดอกเช้าเย็น อวยพรให้เถ้าแก่สุขภาพแข็งแรงแน่นอน”
กู๋ไห่ก้มหน้าลง ไม่มีใครเห็นความดุร้ายในแววตาของเขาที่หายวับไปอย่างรวดเร็ว
เขาทำเรื่องต่าง ๆ ในร้านหล่านเย่วมาหลายปีแล้ว เจี่ยงปู้หวนนั้นเพิ่งมาได้ไม่นาน คาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่จะช่วยเขาพูดเช่นนี้
ในใจกู๋ไห่ไม่พอใจ แต่ว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นเก็บกลับคืนไม่ได้แล้ว จึงได้แต่พูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ เถ้าแก่ ข้าจะไปเก็บของแล้ว ถือโอกาสพูดอธิบายเรื่องบางอย่างของร้านหล่านเย่วให้ชัดเจนด้วย”
กู๋ไห่เก็บข้าวของและกำชับเจี่ยงปู้หวนว่าจะต้องจัดการร้านหล่านเย่วให้ดี บอกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันให้เจี่ยงปู้หวนฟังทีละน้อย แม้ว่าเจี่ยงปู้หวนจะรู้อยู่แล้วว่ากู๋ไห่ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน แต่ก็จดบันทึกลงไปทีละรายการด้วยความนอบน้อม
กู้เสี่ยวหวานดื่มชาอยูด้านข้างพลางดูพวกเขามอบหมายงาน กู๋ไห่นี้ใส่ใจต่อร้านหล่านเย่วมาก พูดอธิบายให้เจี่ยงปู้หวนฟังทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยอย่างละเอียด กู้เสี่ยวหวานคอยฟังอยู่ด้านข้าง สิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่อธิบายได้ล้วนครอบคลุมทุกด้าน ช่างเป็นพ่อบ้านที่ดี
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดจบ กู๋ไห่คุกเข่าโขกหัวให้กู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง “เถ้าแก่ ใกล้จะต้องฉลองปีใหม่แล้ว ปีนี้ข้าน้อยไม่สามารถอวยพรปีใหม่ให้ท่านได้ ก็ขออวยพรให้ท่านล่วงหน้า ขอให้เถ้าแก่กิจการรุ่งเรืองก้าวหน้าร่ำรวยขึ้นทุกปี”
กู้เสี่ยวหวานรีบยิ้มรับตอบ “เช่นนั้นก็ขอบคุณพ่อบ้านกู๋สำหรับคำมงคลแล้ว”
กู๋ไห่ลุกขึ้นกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเหมือนนึกบางอย่างได้ จึงหันกลับมาพูดว่า “เถ้าแก่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกกับท่าน เมื่อวานมีลูกค้าที่สูงศักดิ์มาบอกว่าต้องการซื้อของขวัญครบรอบวันเกิดให้คุณชายน้อยท่านหนึ่ง บอกว่าคุณชายน้อยท่านนั้นอายุครบหนึ่งปีแล้ว รู้ว่าตุ๊กตาผ้าของร้านหล่านเย่วนั้นทั้งดีทั้งน่าชื่นชม จึงอยากได้สองตัวไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ได้ ซึ่งต้องการหลังจากเทศกาลหยวนเซียว เขายังบอกอีกว่า รู้ว่าของในร้านหล่านเย่วนั้นขาดตลาด แต่ว่าวันครบรอบอายุของคุณชายน้อยอยู่หลังวันเทศกาลหยวนเซียว จึงต้องการอย่างเร่งด่วนและยินดีที่จะจ่ายราคาเป็นสามเท่า ข้าเห็นว่าเขาต้องการด้วยความจริงใจ ตอนนั้นจึงรับปากตกลงไปและก็รับเงินมัดจำสามเท่าจากเขามา”
กู้เสี่ยวหวานพูดว่า “ได้ ข้ายังมีสินค้าแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ยังไม่เสร็จอยู่สองชิ้นพอดี พอถึงเวลาทำเสร็จแล้วก็เอาออกมาให้เขาก่อน”
กู๋ไห่เห็นกู้เสี่ยวหวานตกลงเห็นด้วยที่จะมอบให้คนอื่น เหมือนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกและก็เดินจากไป
ตอนนี้ร้านหล่านเย่วเหลือเจี่ยงปู้หวนคอยเฝ้าดูแลร้านอยู่คนเดียว กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ลืมที่จะกำชับเขาด้วย ว่าให้ใส่ใจกับท่าทีการบริการ ใส่ใจกับการลงทะเบียนและการรับเงินมัดจำ เจี่ยงปู้หวนตอบรับเช่นเดิม เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เอ่ยปากพูดคำพูดที่ไร้ประโยชน์ตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ไม่ได้คอยซ้ำเติมที่กู๋ไห่พักผ่อนในระหว่างการทำงาน ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง กู้เสี่ยวหวานจึงมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาเพิ่มขึ้นก่อนที่จะจากไป
……….