ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1741 ความกังวลของทั้งสอง
บทที่ 1741 ความกังวลของทั้งสอง
หลังออกจากร้านจิ่นฝู กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเวลานั้นสายแล้ว จึงเอ่ยบอกให้ไปจวนแม่ทัพ
ถานอวี้ซูไม่ได้ไปที่สวนชิงหลายวันแล้ว กู้หนิงผิงก็ไม่ได้ส่งจดหมายมานานแล้ว นางอยากไปถามถานอวี้ซูว่าได้รับจดหมายมาจากชายแดนบ้างหรือไม่
หรือไม่ก็อาจได้ยินอะไรที่จวนแม่ทัพบ้าง
กู้เสี่ยวหวานมาถึงจวนแม่ทัพ ถานอวี้ซูอยู่ในจวนพอดี เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูนั้นดีมาก พอคนที่อยู่ในจวนแม่ทัพเห็นว่าเป็นอันผิงจวิ้นจู่ที่มา จึงพากู้เสี่ยวหวานไปที่เรือนของถานอวี้ซูอย่างสุภาพนอบน้อม
อาอวี้กำลังนั่งปักกระเป๋าอยู่ตรงแท่นบันไดในเรือน พอเห็นกู้เสี่ยวหวานมาก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ กู้เสี่ยวหวานส่งเสียง ‘ชู่’ เบา ๆ และถามว่า “จวิ้นจู่กำลังทำอะไรอยู่”
“ตอบจวิ้นจู่ ข้าน้อยไม่ทราบเจ้าค่ะ คุณหนูให้พวกเราออกมากันหมดแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่เจ้าค่ะ” อาอวี้พูดอย่างกังวลเล็กน้อย
ช่วงหลายวันมานี้อารมณ์ของคุณหนูค่อนข้างแย่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงเห็นกู้เสี่ยวหวานมาพอดีที่จะเกลี้ยกล่อมคุณหนูได้ “จวิ้นจู่ ท่านช่วยพูดเกลี้ยกล่อมคุณหนูหน่อยเถอะเจ้าค่ะ หลายวันมานี้คุณหนูข้านั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย”
“อารมณ์ไม่ดี” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงอารมณ์ไม่ดี”
กู้เสี่ยวหวานถาม “คงไม่ใช่ว่ากำลังหนาวอยู่หรอกรึ”
ใกล้จะปีใหม่แล้ว แต่ละบ้านจึงต้องจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ สำหรับปีใหม่ กำลังคนของสวนชิงเองก็มีไม่เพียงพอ ถานอวี้ซูรู้ว่าช่วงนี้กู้เสี่ยวหวานจะต้องยุ่งมากแน่ นอกจากจะยุ่งเรื่องของสวนชิงแล้ว ยังมีเรื่องของร้านค้าสามแห่งอีก ทั้งร้านจิ่นฝู ร้านฝูจิ่นและร้านหล่านเย่ว สิ้นปีแล้วก็ต้องคิดบัญชีตรวจสอบสินค้า ดังนั้นช่วงไม่กี่วันมานี้นางจึงไม่ได้ไปหากู้เสี่ยวหวาน
อาอวี้ส่ายหัว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ เตาอุ่นในห้องไหม้ไปจนหมดแล้ว พอเวลากลางวันแดดอบอุ่น คุณหนูก็จะไปออกกำลังกายที่ด้านนอกตามที่จวิ้นจู่บอกเจ้าค่ะ ท่านหมอก็มาตรวจชีพจรร่างกายให้คุณหนูอยู่บ่อยครั้ง ร่างกายของคุณหนูนั้นแข็งแรงดีเจ้าค่ะ”
ในเมื่อไม่ได้กำลังหนาว งั้นที่เซื่องซึมเป็นเพราะอะไรกัน
กู้เสี่ยวหวานโบกมือ “ข้าจะเข้าไปดู พวกเจ้าคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้องของถานอวี้ซูอย่างเงียบเชียบ ก็เห็นถานอวี้ซูกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือมองอะไรบางอย่างอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ จนไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ ย่องมาที่ด้านหลังของนาง จึงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของถานอวี้ซู
บนโต๊ะหนังสือมีจดหมายที่กางออกฉบับแล้วฉบับเล่า ลายมือที่คุ้นเคยนั้นล้วนเป็นจดหมายที่มาจากกู้หนิงผิง
ถานอวี้ซูมองดูจดหมายของกู้หนิงผิง ดูอย่างเคลิบเคลิ้มหลงใหล บนใบหน้ามักจะมีรอยยิ้มโง่งมเหมือนเด็กสาวเข้าสู่วัยแรกรุ่นออกมาอยู่บ่อยครั้ง
พอได้ยินเสียงหัวเราะด้านข้าง ถานอวี้ซูจึงตอบสนองขึ้นมาได้ พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ไม่ใช่ว่าบอกแล้วรึว่าถ้าไม่ได้ยินข้าเรียก ก็ไม่อนุญาตให้เข้ามา”
พูดไปพลางรีบเก็บจดหมายบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ เหมือนกลัวว่าของล้ำค่าของตัวเองจะถูกคนแอบดู
กู้เสี่ยวหวานเห็นนางต้องการรีบเก็บอย่างเร่งรีบ มันยากมากที่ตัวเองจะได้เห็นท่าทางลืมตัวจนเสียกริยาเช่นนี้ของนาง แล้วจะปล่อยให้นางประสบผลได้อย่างไรกัน จึงเอื้อมมือไปแย่งจดหมายบนโต๊ะที่ถานอวี้ซูเก็บไม่ทันมาและแสร้งทำเป็นอ่าน “อวี้ซูที่รัก ได้เห็นตัวอักษรเปรียบดั่งได้เห็นตัวคน สามเดือนที่ไม่ได้พบหน้า เก้าสิบสามวันนั้นในทุกวันก็เหมือนดั่งหนึ่งปี”
ถานอวี้ซูเห็นของล้ำค่าของตัวเองถูกคนอื่นแย่งไป จึงรีบหันมาก็เห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังถือจดหมายยิ้มให้ตัวเองและยังอ่านออกมาอีกด้วย
ถานอวี้ซูได้ยินคำเหล่านั้น ใบหน้าก็กลายเป็นสีแดงจนร้อนฉ่า’ “ท่านพี่ ท่านกล้าหัวเราะเยาะข้า”
กู้เสี่ยวหวานเพียงแค่กวาดสายตาดู หลังจากนั้นก็ไม่ได้อ่านอีกแล้วคืนจดหมายให้ถานอวี้ซูและหัวเราะว่า “เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งจะเห็นท่าทางของเจ้า ประเดี๋ยวยิ้ม ประเดี๋ยวหน้าแดง หลานสาวของท่านแม่ทัพที่สง่าผ่าเผย ผิวยังบอบบางเช่นนี้ ยามปกติไม่ใช่ว่าเจ้ากล้าหาญพูดจาเด็ดขาดหรอกหรือ”
ถานอวี้ซูคว้าจดหมายมาจากมือของกู้เสี่ยวหวานและรีบเก็บไว้ วางเอาไว้ในลิ้นชักของโต๊ะอย่างระมัดระวังและล็อคเอาไว้ พึมพำเสียงเบาอย่างหน้าแดงว่า “ท่านพี่ ท่านรู้ก็ยังกล้าหัวเราะข้า ครั้งหน้ารอดูคนผู้นั้นของท่านเขียนจดหมายมาให้ท่านสิ ข้าก็จะแอบดูด้วย”
กู้เสี่ยวหวานเห็นนางพูดถึงตัวเองแล้ว จึงยกมือขึ้นขอความเมตตาทันที “ก็ได้ ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะไม่แอบอ่านจดหมายของเจ้าอีกและก็ไม่กล้าหัวเราะเยาะเจ้าอีกแล้ว”
ตัวเองนั้นมาเพราะเรื่องของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวหวานอยากเอ่ยถามออกไปตามตรง ก็เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของถานอวี้ซูมองกู้เสี่ยวหวาน ด้วยท่าทางที่ใกล้จะร้องไห้ออกมา “ท่านพี่ ช่วงนี้พี่หนิงผิงมีจดหมายมาถึงท่านหรือไม่ ช่วงนี้เขาอยู่ที่ชายแดนสบายดีหรือไม่ หนาวหรือไม่ เขาได้รับเสื้อกันหนาวที่ส่งไปเมื่อครั้งก่อนหรือยัง อุ่นดีหรือไม่”
นางเองก็รู้ว่าจดหมายทั้งหมดของหนิงผิงจะส่งไปที่สวนชิงด้วย ในแต่ละครั้งจะมีจดหมายสองฉบับ และไม่เคยส่งให้ตัวเองเพียงคนเดียวเลย จดหมายที่ส่งถึงนางก็ถูกส่งถึงสวนชิงด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ถานอวี้ซูไม่ได้รับจดหมายจากกู้หนิงผิงมานานเกินไปแล้ว จึงเกิดความไม่สบายใจ คาดเดาไปว่าพี่หนิงผิงกำลังยุ่งมากอยู่หรือไม่ ช่วงนี้จึงเขียนจดหมายเพียงแค่ฉบับเดียวเท่านั้น
ดังนั้นจึงมีความคิดอยู่ภายในใจมากมาย
พี่หนิงผิงไม่สนใจตัวเองแล้วหรือ ในจดหมายที่ส่งไปฉบับนั้นตัวเองได้พูดอะไรที่ทำให้พี่หนิงผิงไม่พอใจหรือไม่ ทั้งวันเอาแต่คิดเดาไปต่าง ๆ นานา ยังจะกินลงนอนหลับอย่างมีความสุขได้เสียที่ไหนกัน
กู้เสี่ยวหวานฟังก็เห็นถานอวี้ซูกำลังจะร้องไห้ออกมา ในใจจึงเข้าใจความหมายของถานอวี้ซูทันที
นางกลัวว่ากู้หนิงผิงจะเขียนจดหมายให้แค่ตัวเองเท่านั้นและไม่ได้เขียนให้นาง ในใจจึงคิดเยอะแยะมากมายจนถามออกมา
เพียงแต่เมื่อมองดูหญิงตัวเล็ก ๆ เป็นทุกข์เป็นร้อนอยู่ในห้วงความรัก กู้เสี่ยวหวานจึงพูดอย่างเบา ๆ ว่า “ไม่เลย ครั้งก่อนข้าได้รับจดหมายที่เขาส่งให้ข้า จนถึงตอนนี้ก็สามเดือนกว่าแล้ว”
สามเดือนกว่า ซึ่งก็คือสองฉบับที่ส่งมาครั้งล่าสุด
หัวใจของถานอวี้ซูเพิ่งจะสงบลงก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
สามเดือนกว่าที่ไม่ได้เขียนจดหมายมา ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่