ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1742 สมปรารถนา
บทที่ 1742 สมปรารถนา
ตามการเขียนจดหมายก่อนหน้านี้ของกู้หนิงผิง ปกติแล้วจะเป็นหนึ่งเดือนหนึ่งฉบับ จดหมายที่ไปมาจากชายแดนและเมืองหลวงด้วยรถม้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
ทางด้านนางเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ส่งไปก็ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน ตอนนี้สามเดือนกว่าแล้วที่ไม่ได้รับจดหมาย
ครั้งที่แล้วนางส่งเสื้อกันหนาวผ้าห่มและอาหารไปให้กู้หนิงผิง แต่ก็ไม่เห็นมีผู้ใดส่งจดหมายมา หรือว่าของพวกนั้นไม่ได้รับงั้นหรือ
เป็นเพราะว่ายังไม่ได้ส่ง หรือว่าไม่มีผู้ใดได้รับ
ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว คนที่ส่งของไปนั้นยังไม่กลับมา หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง
ในใจของกู้เสี่ยวหวานหลีกเลี่ยงความกังวลบางอย่างไม่ได้
ถานอวี้ซูเห็นนางไม่พูด ในใจก็มีความคิดที่ไม่ดีบางอย่างแวบเข้ามา จึงรีบถามอย่างร้อนใจว่า “ท่านพี่ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่หนิงผิง”
ในใจของกู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่ว่าชายแดนอยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยลี้ ที่นั่นเกิดเรื่องขึ้นผู้ใดจะรู้
เมื่อเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของถานอวี้ซูซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว จึงรีบพูดปลอบใจว่า “ไม่หรอก บางทีช่วงนี้หนิงผิงอาจจะยุ่งมากจนไม่มีเวลาเขียนจดหมายให้พวกเรา ไม่แน่ว่ารอให้เขาผ่านช่วงที่ยุ่งนี้ไป จดหมายของเขาก็คงมาแล้ว”
เพียงแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวลต่อกู้หนิงผิง
เดิมทีตอนแรกกู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะมาถามถานอวี้ซูว่ามีผู้ใดในจวนแม่ทัพรู้บ้างหรือไม่ อย่างไรเสียคนในจวนแม่ทัพนั้นก็รู้สิ่งที่เกิดขึ้นที่ชายแดนดีกว่า แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่กังวลใจมากของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานก็กลืนคำพูดกลับเข้าท้อง หวังว่านางจะคิดมากไปจนเป็นกังวลเกินกว่าเหตุ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนถานอวี้ซูแล้ว เป็นเพราะการพูดของกู้เสี่ยวหวานอารมณ์ของถานอวี้ซูจึงดีขึ้น หลังจากกลับไปที่สวนชิงแล้วก็มีคนส่งกำหนดการเดินทางมา
ร้านจิ่นฝูและร้านฝูจิ่นมีคนงานทั้งหมดสี่สิบกว่าคน ตั้งแต่คนทำบัญชีไปจนถึงคนล้างจาน กำหนดการเวลาเยี่ยมและของขวัญที่ไปเยี่ยมนั้นได้จัดการไว้ทั้งหมดแล้ว เถ้าแก่หลี่ได้บอกคนงานแล้วว่าหลังจากที่อันผิงจวิ้นจู่ดูแล้ว ถ้าหากตกลงก็ไปซื้อของทันที จะเริ่มไปเยี่ยมเยือนคือเริ่มจากวันพรุ่งนี้
ทั้งหมดนี้เป็นการจัดการของหลี่ฝาน สิ่งที่นางต้องการหลี่ฝานก็เขียนไว้ในนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว นางไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด เพราะนางเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน จึงไม่สะดวกที่ปรากฏตัว ข้างในนั้นก็ไม่ได้ระบุชื่อนาง
นอกจากนี้กู๋ไห่และเจี่ยงปู้หวนที่ร้านหล่านเย่ว ในรายชื่อที่ไปเยี่ยมนั้นก็ได้ระบุไว้ด้วยเช่นกัน ล้วนเป็นเถ้าแก่หลี่ที่เดินทางไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง
นางรู้ความหมายของลุงหลี่ว่าการที่หญิงสาวยังไม่ได้ออกเรือนปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะถึงอย่างไรก็ไม่ดี ไม่ดีก็คือไม่ดี อย่างไรเสียร้านจิ่นฝูนางก็เป็นเถ้าแก่รอง ลุงหลี่ไปเยี่ยมเยือนนี่จึงจะเป็นการดีที่สุด เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านหล่านเย่ว แล้วจะรบกวนให้ลุงหลี่เดินทางไปสองรอบได้อย่างไรกัน
คนคนนั้นรับคำสั่งและกลับไปรายงาน
หลี่ฝานเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานจะไปเยี่ยมกู๋ไห่และเจี่ยงปู้หวนด้วยตัวเองจึงไปกับนางด้วย แค่สั่งกำชับว่าหลังจากซื้อของเสร็จแล้วให้ส่งไปที่สวนชิงสองชุด อันผิงจวิ้นจู่จะออกไปซื้อของที่เมืองอีก
ใกล้จะถึงปีใหม่แล้วทุกอย่างจึงดูเงียบเหงาไปหมด ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดและฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข ในจวนแต่ละแห่งต่างประดับประดาไปด้วยแสงไฟจนคึกคักเป็นพิเศษ แต่ว่าก็ยังมีบางคนที่ปีนี้ถูกกำหนดให้ต้องอารมณ์เสียมากอย่างยิ่ง
ตระกูลฟางกำลังจะมีงานมงคล เนื่องจากฟางเจิ้งสิงไม่มีมารดาและตัวเองนั้นต้องจัดการงานราชการทุกวัน ดังนั้นเรื่องการแต่งงานของหวงหรูซื่อทั้งหมดจึงถูกจัดการโดยหลิวเนี่ยนโหรว
ตอนนี้เหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่วันที่ฟางเจิ้งสิงจะแต่งงานกับหวงหรูซื่อ หลิวเนี่ยนโหรวจึงออกจากจวนฟางโดยอาศัยว่าออกไปซื้อของ
หลังออกมาจากจวนตระกูลฟางแล้ว หลิวเนี่ยนโหรวก็ไปที่ร้านขายผ้าและเครื่องประดับจริง ๆ หลังจากซื้อของบางอย่างแล้วก็นั่งรถม้าตรงไปที่โรงหมอแห่งหนึ่ง
นางไม่ได้เข้าทางประตูหน้า แต่ว่าเข้าทางประตูหลัง
หลังจากที่นางลงจากรถม้าก็เห็นว่ารอบด้านไม่มีผู้คนจึงเดินตรงเข้าไป ท่าทางที่ลับ ๆ ล่อ ๆ นั้นกลับไม่เหมือนคนป่วยทั่วไปที่มาตรวจโรค
หลังจากที่สาวใช้ประคองนางเข้าไปในโรงหมอแล้ว รถม้าที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูนั้นก็จากไปทันที เหมือนกับว่าไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่านางอยู่ที่นี่อย่างไรอย่างนั้น
หลิวเนี่ยนโหรวมาถึงโรงหมออย่างคุ้นเคย โดยเฉพาะเมื่อเดินผ่านระเบียงที่เงียบสงบและพบว่านถิงชุนหมอที่ถูกละเลยท่านหนึ่งในตอนนี้ ขนาดของโรงหมอเสวียนหูในเมืองหลวงนี้ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นจึงมีหมอจำนวนมากที่ให้คำปรึกษาอยู่ที่นี่ ว่านถิงชุนก็เป็นหนึ่งในนั้น
เนื่องจากว่าเป็นหมอใหม่ที่เพิ่งสมัครเข้ามา ประชาชนจึงไม่ค่อยกระจ่างในทักษะทางการรักษา ดังนั้นในห้องโถงของเขาในตอนนี้จึงเงียบเหงาไม่มีคน ส่วนในห้องโถงอื่น ๆ นั้นมีผู้ป่วยที่มาหาหมอเดินกันขวักไขว่คึกคักอย่างมาก
หลิวเนี่ยนโหรวไม่ได้ไปหาหมอที่ติดอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงเหล่านั้น แต่ตรงไปหาว่านถิงชุน
ว่านถิงชุนกำลังถอนหายใจก็เห็นคนมาที่ห้องโถงตัวเองจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างดีใจ นี่ไม่ใช่ฮูหยินที่มาเมื่อครั้งก่อนนั้นหรอกหรือ
ว่านถิงชุนรีบเก็บสีหน้าที่เศร้าสร้อยไว้และรีบพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ฮูหยิน ท่านมาแล้ว”
หลิวเนี่ยนโหรวเดินไปนั่งตรงข้ามว่านถิงชุน เอามือของตัวเองวางบนหมอนตรวจชีพจรและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หมอว่าน รบกวนท่านช่วยจับชีพจรให้ข้าอีกที”
ว่านถิงชุนได้ยินเช่นนี้ก็รีบเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและจับชีพจรอย่างระมัดระวัง ในห้องโถงผู้ป่วยมีเพียงแค่หลิวเนี่ยนโหรวคนเดียวเท่านั้น ส่วนสาวใช้ตงเสวี่ยของนางนั้นคอยยืนเฝ้าประตูอย่างระมัดระวังไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามา
ถึงแม้ว่าว่านถิงชุนจะเป็นคนใหม่ แต่ด้วยความรู้ทางการรักษาและความเฉลียวฉลาดรอบรู้ในวิชาการแพทย์ จึงร่ำเรียนเรื่องการรักษามาเป็นอย่างดี ตอนนี้ชีพจรในมือเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วนั้นชัดเจนกว่ามาก
ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้นี้จะสมปรารถนาแล้ว
ว่านถิงชุนหดมือกลับมาด้วยสีหน้าอ่อนโยน
หลิวเนี่ยนโหรวเห็นเขาเขยิบมือไปแล้ว ไม่รอให้เขาเอ่ยปากพูดก็รีบถามต่อว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
ว่านถิงชุนประสานมือเคารพและพูดอย่างยินดีว่า “ขอแสดงความยินดีกับฮูหยินด้วยที่สมปรารถนา”
“ที่เจ้าพูดนั้นเป็นความจริงรึ” หลิวเนี่ยนโหรวได้ยินก็พูดอย่างดีใจ