ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1744 ขอแค่เจ้าซื่อสัตย์
บทที่ 1744 ขอแค่เจ้าซื่อสัตย์
เมื่อเห็นสีหน้าของว่านถิงชุนผ่อนคลายเล็กน้อย หลิวเนี่ยนโหรวก็พูดต่อ “หมอว่าน เรื่องนี้มีเพียงแค่เจ้ากับข้าที่รู้เท่านั้น เจ้าให้ยาข้า ข้าให้เงินเจ้า ตั้งแต่นี้ไปพวกเราก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เจ้านำเงินออกจากเมืองหลวงไปทันที หลังจากนี้พวกเราก็จะไม่รู้จักกันอีก”
ว่านถิงชุนขมวดคิ้วคิดตามคำพูดของหลิวเนี่ยนโหรว
เอาเงินออกไปจากเมืองหลวงแล้วก็ไม่ต้องรู้จักกันอีก
ใช่แล้ว สวรรค์สูงเสียดฟ้าฮ่องเต้อยู่ห่างไกล แผ่นดินนี้กว้างใหญ่มาก แม้ว่าคนผู้นี้จะสารภาพตัวเองออกมา เมื่อถึงเวลานั้นผู้ใดจะหาตัวเองพบได้
ว่านถิงชุนนึกถึงตรงนี้ก็พยักหน้าและเก็บเงินบนโต๊ะไว้ในอ้อมแขน หลิวเนี่ยนโหรวหน้าตาสีหน้าก็มีความยินดี
เมื่อออกจากโรงหมอแล้วรถม้าคันนั้นก็กลับมาอีกครั้ง ก็เห็นฮูหยินงดงามผู้หนึ่งกำลังกุมท้องสวมผ้าคลุมใบหน้าเดินออกมาจากด้านใน ถูกตงเสวี่ยประคองขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าที่ยินดี
หลังจากขึ้นรถม้าแล้วก็เห็นหลิวเนี่ยนโหรวดึงผ้าคลุมหน้าออกด้วยสีหน้าลำพองใจ ตงเสวี่ยเห็นก็รีบพูดอย่างดีใจว่า “อี้เหนียงสมความปรารถนาแล้วเจ้าค่ะ”
หลิวเนี่ยนโหรวเหลือบมองตงเสวี่ย บนใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างยินดี เอื้อมมือไปลูบหน้าท้องที่ยังไม่ยื่นออกมาของตัวเองอย่างรักใคร่
ฮูหยิน
ถ้าหากถูกยกให้เป็นภรรยารองของตระกูลฟางแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่ใช่ฮูหยินหรอกหรือ
มารดามีหน้ามีตาได้เพราะบุตร จึงต้องพึ่งพาเด็กที่อยู่ในท้อง
หลิวเนี่ยนโหรวลูบหน้าท้องตัวเองอีกรอบ ความลำพองใจบนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่ก่อนที่แตงจะสุกนั้น นางจะต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ดี
นี่เป็นสัญลักษณ์ความรุ่งโรจน์มีวาสนาของนาง เป็นการก้าวกระโดดที่นางได้ปีนป่ายขึ้นตำแหน่งสูง และยังเป็นหลักประกันความรุ่งโรจน์ของนางในอีกหลายปีข้างหน้า
ไม่อาจให้ผู้ใดมาทำร้ายเขาได้อย่างเด็ดขาด
นางยื่นมือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของตัวเอง สัมผัสของที่ว่านถิงชุนมอบให้ตัวเองเมื่อครู่นี้และนึกถึงสิ่งที่ว่านถิงชุนพูดกับตัวเองว่า “ยานี้ค่อนข้างรุนแรงมาก แค่ใส่ลงในอาหารของเขาเพียงเล็กน้อย อย่างมากก็เจ็ดวันที่ทายาทจะถูกทำลาย จากนี้ไปการร่วมห้องก็ยังเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ว่าทายาทนี้. . .”
ว่านถิงชุนยังกล่าวไม่ทันจบ แต่หลิวเนี่ยนโหรวไม่จำเป็นต้องฟังก็รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดคืออะไร นั่นก็คือสิ่งที่นางต้องการไม่ใช่หรือ
หลิวเนี่ยนโหรวพิงเบาะนุ่มภายใต้การดูแลของตงเสวี่ย มือคอยลูบท้องไปมาด้วยสีหน้าจดจ่อคาดเดาไม่ออกว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
หลิวเนี่ยนโหรวนึกอะไรได้ นางจึงเงยหน้ามองตงเสวี่ยที่นั่งเงียบสงบอยู่ข้าง ๆ จู่ ๆ ก็ถามว่า “ตงเสวี่ย เจ้าโทษข้าหรือไม่ที่ไม่ให้เจ้าไปอยู่กับนายท่าน”
ตงเสวี่ยกำลังคิดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของหลิวเนี่ยนโหรวก็ตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลิวเนี่ยนโหรวกำลังมองตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ราวกับว่าต้องการจะมองทะลุเข้าไปภายในใจของตัวเอง
ตงเสวี่ยใจเต้นตึกตัก รีบหมอบลงบนพื้นและพูดด้วยความเคารพว่า “อี้เหนียง ข้าน้อย ข้าน้อยไม่เคยเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้ากับเซี่ยอวี่มาหาข้าพร้อมกัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าจึงต้องเลือกเซี่ยอวี่และไม่เลือกเจ้า”
“ข้าน้อย ข้าน้อยไม่รู้เจ้าค่ะ แต่ว่าขอแค่ข้าน้อยได้อยู่ข้างอี้เหนียงคอยปรนบัติดูแลท่านอย่างสบายใจก็พอแล้ว อย่างอื่นข้าน้อย ข้าน้อยไม่เคยกล้าคิดเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ” ตงเสวี่ยไม่คิดว่าหลิวเนี่ยนโหรวจะถามคำถามนี้กับตัวเอง จึงรีบโขกหัวแสดงความภักดี “ข้าน้อยขอเพียงแค่ติดตามอยู่ข้างกายอี้เหนียง มีข้าวกินมีเสื้อผ้าอบอุ่นใส่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ อย่างอื่นนั้นข้าน้อยไม่ต้องการ”
“ดี เจ้ามีความคิดเช่นนี้ ข้าดีใจมาก” หลิวเนี่ยนโหรวเห็นท่าทางของตงเสวี่ยสั่นเทา จึงประคองนางขึ้นมาปลอบใจว่า “เซี่ยอวี่นั้นงดงามและมีแผนการของตัวเองในใจ นางเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่ให้นางมีโอกาสนี้ แต่นางก็ยังคอยมองหาโอกาสในอนาคต ไม่สู้ข้าทำความปรารถนาของนางให้เป็นจริงเสีย ส่วนเจ้าซื่อสัตย์และตั้งใจอยู่กับข้ามาหลายปี เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม”
เมื่อตงเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นเต้นมากและรีบพูดว่า “ข้าน้อยทราบแล้ว ขอบคุณอี้เหนียงมากเจ้าค่ะ”
“รอเด็กในท้องของข้าคลอดออกมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นข้าอยากได้อะไรก็จะได้ ข้าจะหาอนาคตที่ดีให้เจ้าและจะต้องดีกว่าเซี่ยอวี่อย่างแน่นอน” หลิวเนี่ยนโหรวพูดอย่างอ่อนโยน
ในใจตงเสวี่ยมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ ความบาดหมางเล็กน้อยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพราะหลิวเนี่ยนโหรวผลักดันเซี่ยอวี่ไม่ผลักดันตัวเองในตอนนี้ก็ได้หายไปแล้ว นางพยักหน้าอย่างรีบร้อน “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะปรนติบัติรับใช้อี้เหนียงอย่างดีที่สุด แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็จะไม่ปฏิเสธ”
ด้วยคำพูดของสาวใช้พูดนี้ ในใจของหลิวเนี่ยนโหรวจึงสงบลงไม่น้อย เซี่ยอวี่ได้เปิดใบหน้าแล้ว ต่อไปก็คือให้นายท่านรู้เกี่ยวกับเซี่ยอวี่
เมื่อเปิดใบหน้าแล้วก็ย่อมต้องยกขึ้นมาเป็นอนุภรรยา เพียงแต่ว่าต้องรอให้ฮูหยินคนใหม่ผ่านเข้าประตูไปก่อน
ไม่ใช่ช่วงนี้หรอกรึ
ตระกูลฟางยังเป็นนางที่คอยจัดการทุกอย่างอยู่
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลิวเนี่ยนโหรวก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “นายท่านใกล้จะไปว่าการแล้ว พวกเรากลับไปให้เร็วกว่านี้หน่อยเถอะ”
ตงเสวี่ยบอกกับคนขับรถที่อยู่ด้านนอก รถม้าก็วิ่งตึกตึกเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีผู้ใดเห็นว่าในตอนนี้มีรถม้าธรรมดาคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอกด้วยเช่นกัน มือที่ขาวราวกับหิมะนั้นกำลังเปิดม่านรถและมองออกไปข้างนอกก็เห็นฮูหยินที่กุมท้องผู้นั้นเข้าพอดี
“นั่นไม่ใช่หลิวอี้เหนียงของจวนตระกูลฟางหรือ” กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในรถม้าก็เห็นหลิวเนี่ยนโหรวเดินออกมาจากประตูทางด้านหลังพอดี
วันนี้ร้านหล่านเย่วปิดกิจการเพื่อพักผ่อน นางจึงออกมาเยี่ยมเยือนปลอบขวัญจนมาถึงซอยเล็ก ๆ นี้พอดี อาโม่กำลังไปสอบถามที่อยู่ของเจี่ยงปู้หวนก็บังเอิญเห็นหลิวเนี่ยนโหรวเข้า
“ไม่ผิดแน่ นั่นคือหลิวเนี่ยนโหรว” อาจั่วมองดูแล้วก็พยักหน้าตอบ
“นี่คือที่ใด” กู้เสี่ยวหวานมองดูสถานที่นั้นแล้วถาม
“เป็นประตูทางด้านหลังของโรงหมอเสวียนหู”
ประตูทางด้านหลัง
ไปหาหมอที่โรงหมอและยังใช้ประตูทางด้านหลัง
หลิวเนี่ยนโหรวผู้นี้เป็นโรคที่ไม่สามารถพูดได้ หรือว่ามีความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้กัน