ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1745 เยี่ยมเยือนมารดาเจี่ยง
บทที่ 1745 เยี่ยมเยือนมารดาเจี่ยง
“ลองไปสอบถามดูว่าหลิวเนี่ยนโหรวนั้นป่วยเป็นอะไร หาดูว่าผู้ใดเป็นคนรักษา” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
หลิวเนี่ยนโหรวไม่มีทางปรากฏตัวในโรงหมอโดยไม่มีเหตุผล ต้องมีแผนการอย่างแน่นอน ถ้าหากป่วยจะต้องเข้าทางประตูด้านหน้าอย่างเปิดเผย ไม่ต้องพูดถึงที่เข้าประตูทางด้านหลังและยังต้องใช้ผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ว่านางเคยมา
อาจั่วรับคำสั่งก็จากไปและก็กลับมาในเวลาไม่นาน
ทว่ากลับส่ายหัวบอกว่า “เด็กต้มยาคนหนึ่งบอกว่าฮูหยินท่านนั้นมาหาหมอที่ชื่อว่าว่านถิงชุน แต่ก็ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ยาที่สั่งทั้งหมดนั้นก็ล้วนเป็นยาบำรุงร่างกาย”
“เด็กต้มยานั้นรู้หรือไม่ว่าคนนั้นเป็นผู้ใด” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วถาม
“เด็กต้มยานั้นบอกว่าไม่รู้ ตอนที่มาครั้งแรกนางเดินเข้ามาทางประตูด้านหน้า เพราะว่าคลุมผ้าปิดบังใบหน้าจึงไม่มีใครถามอะไรมาก บอกว่าหลังที่ฮูหยินท่านนั้นเข้ามาก็ไม่ได้ไปหาหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงเหล่านั้น แต่ไปหาหมอที่ชื่อว่านถิงชุนผู้นั้นมาติดกันสามครั้งแล้ว”
มาสามครั้งแล้ว กู้เสี่ยวหวานแปลกใจขึ้นมา หลิวเนี่ยนโหรวผู้นี้แท้จริงแล้วป่วยเป็นอะไรกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะมาติดกันสามครั้ง
เพียงแต่เมื่อเห็นร่างกายอ้อนแอ้นของนางขึ้นรถม้าเมื่อครู่นี้อย่างระมัดระวัง ท่าทางนั้นดูไม่เหมือนคนป่วยเลย
“ได้ยินมาว่าเป็นหมอที่มาจากต่างถิ่น หลังจากที่มาถึงเมืองหลวงก็เข้ามาในโรงหมอเสวียนหู แต่ได้ยินมาว่าเพราะไม่มีชื่อเสียง คนป่วยที่มาหาเขาจึงมีไม่มาก” อาจั่วบอกข่าวที่เพิ่งไปสืบมาเมื่อครู่นี้ให้กู้เสี่ยวหวานอย่างละเอียด
เหมือนว่าจวนตระกูลฟางนั้นจะมีหมอของตัวเอง หลิวเนี่ยนโหรวไม่ไปหาหมอบำรุงร่างกายที่ตัวเองคุ้นเคย แต่กลับไปหาหมอคนใหม่ หรือว่าจะป่วยเป็นโรคอะไรที่ไม่สามารถเปิดเผยได้และไม่สามารถให้ผู้อื่นล่วงรู้
หรือไม่ก็อาจจะมีอย่างอื่นซ่อนเร้นปิดบัง
กู้เสี่ยวหวานอยากจะพูดอะไรบางอย่างก็ได้ยินเสียงอาโม่ดังมาจากด้านนอกรถม้า “แม่นาง หาบ้านของเจี่ยงปู้หวนพบแล้ว อยู่ในซอยเล็ก ๆ ข้างหน้า ด้านในไม่สะดวกที่จะนั่งรถม้าไป คุณหนูต้องลงมาเดิน”
กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงอืมและลงจากรถม้าด้วยการประคองของอาจั่ว วันนี้นางสวมชุดผ้าทอสีม่วงอมแดงที่ท่อนบน ด้านในสวมกระโปรงยาวผ้าฝ้ายสีเดียวกัน บนกระโปรงปักด้วยดอกเหมยเล็ก ๆ สีขาวสะอาดและคาดเอวที่คอดกิ่วด้วยเข็มขัดผ้าสีขาว ตรงเอวมีหยกสีเขียวห้อยไว้ กำไลหยกสีขาวบนข้อมือช่วยขับเน้นผิวที่ขาวละเอียดออกมา
อาจั่วจะหยิบเสื้อคลุมขนพังพอนออกมา แต่ถูกกู้เสี่ยวหวานห้ามเอาไว้ “วันนี้แดดอบอุ่น ข้าสวมแค่นี้ก็พอแล้ว ไปกันเถอะ”
วันนี้เพื่อที่จะไปเยี่ยมเยือนกู๋ไห่และเจี่ยงปู้หวน นางตั้งใจสวมชุดที่ธรรมดาอย่างมาก ถ้าหากสวมเสื้อคลุมขนพังพอนที่ยามกระทบอยู่ใต้แสงแดดจะเปล่งแสงสีเงินออกมานั้นอีก ชุดที่ตัวเองสวมใส่นี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว
อาโม่ถือของนำทางอยู่ข้างหน้า อาจั่วประคองกู้เสี่ยวหวานเดินตามอยู่ด้านหลัง ผ่านซอกซอยที่ทั้งมืดและอับชื้น ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
หลังจากเปิดประตูแล้ว มือของเจี่ยงปู้หวนยังเป็นสีแดงและสวมผ้ากันเปื้อนเหมือนกับว่ากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
อาโม่เห็นท่าทางเขาตกตะลึง จึงชี้ไปข้างหลังแล้วยิ้มพลางพูดว่า “เจ้าทำให้พวกเราหาที่นี่ได้ง่าย”
พวกเรา
เจี่ยงปู้หวนรีบมองไปทางด้านหลัง ก็เห็นกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว พวกเราจึงมาเยี่ยมเจ้าและมารดาเจ้า”
เจี่ยงปู้หวนตกตะลึง สักพักก็ยังไม่ตอบสนอง จ้องมองกู้เสี่ยวหวานอย่างทึ่มทื่อพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
อาโม่เห็นเข้าก็คว้าแขนเขา “ซื่อบื้อแล้วยังไม่รีบเชิญคุณหนูเข้าไปอีก”
เจี่ยงปู้หวนได้ยินจึงเพิ่งตอบสนองขึ้นมาได้ รีบเปิดประตูทั้งหมดและรีบพูดอย่างรีบร้อนว่า “เถ้าแก่ ทะ ท่านรีบเข้ามาเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปภายในบ้านก็เห็นว่าบ้านนี้เล็กมาก ข้างในมีเพียงแค่ห้องเล็ก ๆ ห้องเดียวเท่านั้น หน้าประตูกองเต็มไปด้วยฟืนเหมือนกับว่าเป็นห้องครัว
ข้างในบ้านมีราวไม้ไผ่แขวนไว้ ด้านบนมีเสื้อผ้าที่เปียกหลายชิ้นห้อยอยู่ มีน้ำหยดลงมา และมีอ่างไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ข้างบ่อน้ำ ในอ่างก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้า
ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เจี่ยงปู้หวนกำลังซักผ้าอยู่
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกวาดตามองมือของเจี่ยงปู้หวนอย่างไม่ตั้งใจ เห็นว่ามือนั้นแข็งเป็นสีแดงทั้งหมด ด้านบนยังมีร่องรอยที่เกิดจากการโดนความเย็นกัด
ลูกที่กตัญญู
ก่อนหน้ากู้เสี่ยวหวานก็เคยได้ยินว่าเจี่ยงปู้หวนเป็นคนที่กตัญญู ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ว่าต่อมาทรัพย์สินในบ้านก็ว่างเปล่าเพราะต้องรักษามารดาของเขา เจี่ยงปู้หวนจึงขายตัวเพื่อหาเงิน
“ปู้หวน เจ้าคุยกับใครน่ะ” จู่ ๆ ก็มีเสียงที่แก่หง่อมถามดังมาจากข้างในห้อง
เจี่ยงปู้หวนได้ยินแล้วก็รีบตอบว่า “ท่านแม่ เถ้าแก่มาเยี่ยมท่านแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานตามเจี่ยงปู้หวนไปที่ห้องเดียวนั้น เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นว่าในห้องนี้มีขนาดเล็กจนน่าสงสาร
มีเตียงเล็ก ๆ วางอยู่มุมกำแพงด้านหนึ่ง ในตอนนี้หญิงชราผมหงอกคนหนึ่งนั่งอยู่บนขอบเตียง มองไปทางประตูห้องด้วยดวงตาที่หม่นหมอง
ในดวงตาไม่มีประกายเลยแม้แต่น้อย
เจี่ยงปู้หวนพูดว่า “ท่านแม่ข้ามองไม่เห็น ได้ยินเพียงแค่เสียง” จากนั้นก็พูดต่ออย่างกระดากอายเล็กน้อยว่า “ในห้องรกมาก ทำให้เถ้าแก่หัวเราะแล้ว”
ในห้องนอกจากเตียงหลังเล็กเมื่อครู่ ยังมีแผ่นบานประตูแผ่นหนึ่งปูติดแน่นอยู่กับเตียงอีกด้วย
บนแผ่นนั้นวางเครื่องนอนที่ซักจนซีดจางสองผืนซ้อนกันอย่างเรียบร้อย ด้านข้างยังปูด้วยแผ่นไม้อีกสองแผ่น บนแผ่นไม้มีหนังสือวางอย่างเป็นระเบียบ ข้างเตียงยังมีตัวโต๊ะเตี้ยะ ๆ ที่เรียบง่ายวางอยู่ ด้านบนมีพู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนหมึกวางไว้อยู่ และยังมีหนังสือกางเปิดค้างไว้ ในวันธรรมดาเจี่ยงปู้หวนอาจจะนั่งอ่านหนังอยู่ตรงนี้
เมื่อมองไปอีกมุมหนึ่งตรงนั้นมีตู้ไม้ที่ไม่มีประตูวางอยู่ ข้างในมีเสื้อผ้าที่ซักแล้วจนซีดวางไว้ ซึ่งพับซ้อนกันอย่างเรียบร้อย
ที่นี่เกือบจะคล้ายกับที่นางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซีเป็นครั้งแรก
สองแม่ลูกนี้สภาพยากลำบากมากเหลือเกิน
………………..