ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1748 ตามหาวัสดุ
บทที่ 1748 ตามหาวัสดุ
“เรื่องนี้ข้าจะต้องไปบอกคุณหนู คุณหนูจะต้องตรวจสอบกู๋ไห่แน่นอน ดูว่าแท้จริงแล้วทำเรื่องไม่ชอบมาพากลอะไรอยู่ในร้านหล่านเยว่กันแน่”
อาโม่ลุกขึ้นต้องการจะไปหากู้เสี่ยวหวาน อาจั่วจึงรีบห้ามเขาเอาไว้ “อาโม่ เจ้าไม่ต้องไปแล้ว”
“ทำไมเล่า หรือจะปล่อยให้กู๋ไห่ผู้นั้นทำลายความตั้งใจที่ยากลำบากของคุณหนูตามอำเภอใจรึ” อาโม่ร้อนใจเล็กน้อย
อาจั่วเห็นท่าทางเขากระฟัดกระเฟียด จึงขึงตามองเขาว่า “เจ้าเคยเห็นคุณหนูขาดทุนตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“เช่นนั้นข้าต้องยิ่งบอกคุณหนูแล้ว อย่าให้คุณหนูถูกคนที่ไม่รักษาคำพูดเช่นนั้นปิดหูปิดตา” อาโม่พูดจบกำลังจะพุ่งออกไปอย่างร้อนใจ
อาจั่วกลัวว่าเขาจะพุ่งไปอยู่ตรงหน้าคุณหนูจริง ๆ จึงได้แต่ดึงเสื้อของเขาเอาไว้และพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ปิดบังเจ้าแล้ว คุณหนูได้ส่งโค่วไห่ไปตรวจสอบตั้งนานแล้ว”
“เพราะเหตุใดจึงต้องส่งโค่วไห่ไป” อาโม่ได้ฟังแล้วก็อึ้งเล็กน้อย เมื่อก่อนเรื่องที่ไปหาคนตรวจสอบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเขาไปจัดการทำทั้งหมดหรือ เหตุใดหนนี้จึงให้โค่วไห่ไป
“บางครั้งบอกว่าเจ้าฉลาดเจ้าก็ฉลาดเสียจริง บอกว่าเจ้าโง่เจ้าก็ยังโง่จริง ๆ” อาจั่วพูดด้วยท่าทางผิดหวัง “คนของตระกูลกู๋รู้จักเจ้าหมดแล้ว เจ้าจะไปทำไมกัน พวกเขายังไม่เคยเห็นโค่วไห่ โค่วไห่ไปตรวจสอบย่อมสะดวกกว่าเจ้า”
ทั้งสองคนได้ปรึกษากับคุณหนูกันมานานแล้ว ตอนที่เขายังไปไกล่เกลี่ยกับท่านแม่กู๋อยู่ที่นั่นคนเดียว คุณหนูก็ได้ค้นพบความแตกต่างของกู๋ไห่นั้นมานานแล้ว
“คุณหนูไม่ได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดกันอย่างไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่ากู๋ไห่มีปัญหา” อาโม่ยังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย
“กู๋ไห่กลับไปดูแลมารดาด้วยความเป็นลูกกตัญญู แต่ว่ามารดาเขาสบายดีและเขาเองก็หายตัวไป แต่เจี่ยงปู้หวนเล่า ในครอบครัวเขามารดายังเป็นคนตาบอดแต่กลับไม่เคยบ่นว่าเลย ดังนั้นคุณหนูจึงสรุปว่ากู๋ไห่มีปัญหาแน่นอน อย่างน้อยในช่วงนี้กู๋ไห่นั้นจะต้องมีปัญหาแน่”
อาจั่ววิเคราะห์ให้อาโม่ฟัง อาโม่ฟังแล้วก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เจี่ยงปู้หวนมีมารดาที่ตาบอดแต่กลับไม่เคยลางานเลย แต่ว่ามารดาของกู๋ไห่นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ป่วย ยังจะโกหกคุณหนูว่าป่วยหนักอีก มีปัญหา ต้องมีปัญหาแน่นอน”
“ดังนั้นเจ้าก็รอให้โค่วไห่กลับมาอย่างสบายใจเถอะ รอเขากลับมาแล้วไม่แน่ว่าความจริงอาจถูกเปิดเผยก็ได้”
กลับมาพักผ่อนได้สักพัก กู้เสี่ยวหวานนอนเอนอยู่บนตั่งนุ่มกำลังกอดเตาอุ่นอ่านหนังสือไปแล้วหลายหน้า ทางด้านกู้ฟางสี่นั้นก็ถืออาหารกลางวันมาและยิ้มทักทายกู้เสี่ยวหวานตลอดทางว่า “เสี่ยวหวาน รีบมาทานอาหารเร็ว วันนี้ข้าทำน้ำแกงเนื้อซีหูที่เจ้าชอบดื่ม และก็ยังมีปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานซีหูด้วย”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็รีบวางหนังสือในมือลง มองดูท่าทางที่มีความสุขของกู้ฟางสี่ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “ท่านอา วันนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำไมท่านถึงได้มีความสุขมากเช่นนี้”
“วันนี้ข้าไปซื้อปลาที่ตลาด เห็นว่าปลาสดดีจึงซื้อมาหนึ่งตัว” กู้ฟางสี่กล่าว
“นางน่ะนะ นางตามโค่วตันออกไปข้างนอกยังไม่กลับมาเลย” กู้ฟางสี่กล่าว
“ไปที่ไหนกัน ทำไมยังไม่กลับมา” กู้เสี่ยวหวานยกชามข้าวขึ้นแล้วถาม
“เสื้อผ้าที่ใส่ในวันปีใหม่มีด้ายขาดไปหลายชนิด นางพาโค่วตันออกไปซื้อด้ายด้วยกันแล้ว ยังมีตุ๊กตาอีกสองตัวที่ร้านหล่านเยว่ต้องการในวันเทศกาลหยวนเซียว ฝ้ายหยกขาวที่บ้านก็ไม่มีแล้ว นางก็ต้องออกไปซื้อด้วย บอกว่าต้องใช้เวลาสักหน่อย ให้พวกเราไม่ต้องรอนางกินข้าวด้วย ถ้าหากนางมาไม่ทันก็จะกินข้างนอกเอา” กู้ฟางสี่เติมข้าวให้ตัวเองหนึ่งชาม อาและหลานทั้งสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันและเริ่มกินข้าว
กู้เสี่ยวหวานคีบปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานซีหูขึ้นมา หลังจากชิมไปหนึ่งคำดวงตาก็เป็นประกายและรีบชมว่า “ท่านอา ฝีมือของท่านดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ข้าแค่พูดไปเรื่อยว่าปลานี้ทำอย่างไร ท่านก็ทำได้อร่อยขนาดนี้ ช่างเป็นอาที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ฝีมือของท่านนี้สามารถไปเป็นแม่ครัวที่ร้านจิ่นฝูได้แล้ว”
กู้ฟางสี่ฟังก็ขึงตามองกู้เสี่ยวหวานอย่างตำหนิว่า “เจ้าเด็กโง่นี่ พูดจาเลอะเทอะ สถานที่เช่นนั้นเป็นสิ่งที่สตรีอย่างพวกเราสามารถไปได้หรือ”
“บุรุษสามารถเป็นพ่อครัวได้ เหตุใดสตรีจึงเป็นแม่ครัวบ้างไม่ได้” กู้เสี่ยวหวานวางชามและตะเกียบลงพูดย่างไม่เห็นด้วยว่า “ตอนที่ข้าเป็นคนทำบัญชี ผู้อื่นก็บอกว่านี่เป็นสิ่งที่บุรุษทำ สตรีนั้นทำไม่ได้ แต่ว่าต่อมาข้าก็ทำได้ดีไม่ใช่รึ”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวาน หลังจากที่กู้ฟางสี่ฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างรีบร้อน หลานสาวของนางนั้นเป็นคนที่เก่งยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่ว่านาง…
“ฝีมือการทำอาหารของข้านี้ก็เป็นเพราะการเกลี้ยกล่อมเจ้า ถ้าหากเกลี้ยกล่อมผู้อื่น ท่านอาของเจ้ากลัวว่าจะยังไม่มีความสามารถมากขนาดนั้นหรอก”
บางทีอาจเป็นเพราะถูกกู้เสี่ยวหวานพรรณาออกมาถึงโลกที่น่าตกตะลึง กู้ฟางสี่เองก็วางตะเกียบลงชั่วคราว สายตาจ้องมองไปที่ที่หนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มดูเหมือนจะเห็นโลกที่สวยงามนั้นในอนาคต
กู้เสี่ยวอี้พาโค่วตันออกจากสวนชิงและนั่งรถม้าตรงไปที่ร้านขายผ้าหลานชิง
ลิ่วชวงกำลังยืนอยู่ด้านหลังตู้กระจกคิดบัญชี พอเห็นหญิงสาวแต่งกายงดงามเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ ก็รีบก้าวเข้าไปทักทาย “คุณหนู ท่านต้องการอะไรหรือ”
กู้เสี่ยวอี้เดินรอบตู้กระจกเพื่อดูผ้าพับในตู้ ส่วนโค่วตันเอารายการที่เพิ่งเขียนเสร็จยื่นให้ลิ่วชวง “รบกวนท่านทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในรายการนี้ ช่วยเตรียมให้พวกเราอย่างครบถ้วนด้วย”
ลิ่วชวงเพ่งมองแวบหนึ่งก็แอบคิดไม่ดีในใจว่า คุณหนูผู้นี้ก็ต้องการมาซื้อฝ้ายหยกขาวด้วย แต่ว่าฝ้ายหยกขาวนี้ไม่มีในร้านแล้ว ผู้ดูแลเองก็ไม่อยู่ พี่ฉางเซิงเองก็ไม่อยู่ด้วย ดูเหมือนว่าตอนนี้ในร้านจะมีตนอยู่ที่ร้านเพียงแค่คนเดียว แม้ว่าหญิงสาวทั้งสองท่านนี้จะแต่งตัวดูดี แต่ว่าในร้านมีตนอยู่เพียงคนเดียว ถ้าหากตนจากไปแล้ว
เช่นนั้นของที่อยู่ในร้านเล่า
ลิ่วชวงมองดูหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามท่านนั้น พลางจ้องมองผ้าพับราคาแพงในตู้กระจกพวกนั้นอย่างตกตะลึง ในใจนั้นยังไม่กล้าที่จะปลีกตัวจากไปคนเดียว จึงได้แต่พูดว่า “คุณหนูท่านนี้ ตอนนี้ในร้านข้ายังไม่มีฝ้ายหยกขาว เชิญคุณหนูค่อยมาใหม่ครั้งหน้าเถิด”
“เช่นนั้นด้ายไหมทองยังมีอยู่หรือไม่” กู้เสี่ยวอี้ได้ยินก็หันหน้ามาถาม