ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1750 ค้นหาทั่วเมืองหลวง
บทที่ 1750 ค้นหาทั่วเมืองหลวง
กู้ฟางสี่รู้สึกประหม่าไม่น้อย ไม่ใช่ว่ากังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย แต่นี่ถือเป็นสิ่งสำคัญให้การพัฒนาหล่านเยว่ในอนาคต
พวกเขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ถูกทำลายได้ในมือเดียว สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานทุ่มเทแรงกายแรงใจจะปล่อยให้ถูกทำลายลงอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ตอนที่กู้ฟ่างสี่พากู้เสี่ยวอี้มารายงานเรื่องนี้กับกู้เสี่ยวหวาน มันทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ร้านขายผ้าหลานชิงไม่มีแล้วหรือ ผู้ดูแลร้านพวกเขาไม่อยู่หรืออย่างไร”
คราวก่อนกู้เสี่ยวหวานได้ยินกู้เสี่ยวอี้บอกว่า หากภายในร้านหลานชิงไม่มีวัสดุตามที่ต้องการ ผู้ดูแลร้านมักจะเสาะหาวัสดุเหล่านั้นมาจนได้ ครั้งล่าสุดที่โค่วไห่ไปซื้อฝ้ายหยกขาวก็เป็นผู้ดูแลร้านผู้นี้หามาให้
“เขาไม่อยู่เจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวอี้ส่ายหัว
กู้เสี่ยวอี้เคยพบผู้ดูแลหลีผู้นี้ครั้งหนึ่ง จึงถือว่าได้รู้จักคนผู้นั้น ทว่าคราวนี้ไม่เห็นผู้ดูแลที่เคยเจอครั้งก่อน และไม่เห็นพี่ชายผู้นั้น แต่คนที่พบกลับกลายเป็นคนแปลกหน้า
กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างลังเล “งั้นให้โค่วไห่ไปดูที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว ร้านใหญ่เช่นนั้นในเมืองหลวงอาจจะมี”
ครั้นได้ยินว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วอาจจะมีสิ่งที่ต้องการ กู้เสี่ยวอี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอถึงพรุ่งนค่อยให้โค่วไห่ไปซื้อฝ้ายหยกขาวที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
ในที่สุดก็พบรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ห่างออกไปไม่กี่ถนน และพบว่าเห็นรถม้าคันนั้นจอดอยู่หน้าร้านขายผ้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ฉางเซิงรออยู่ครู่หนึ่งก็เห็นแม่นางผู้หนึ่งเดินออกมาจากหลังม่าน แม้ว่าจะปกปิดใบหน้ามิดชิด แต่ก็พอมองออกว่าสตรีผู้นี้งดงามไม่น้อย ทั้งยังมีลักษณะคล้ายคุณหนูคนที่คุณชายเคยตามหา
ฉางเซิงยืนนิ่งไม่ไหวติง จากนั้นไล่ตามแม่นางผู้นั้นไม่ห่าง ก็พบว่ารถม้าแล่นไปยังร้านขายผ้าใหญ่เล็กทั่วเมืองหลวง ย่างกรายเข้าไปด้วยความหวัง หากแต่ด้วยท่าทางความผิดหวัง คาดว่าน่าจะหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ
ต่อมาเมื่อพบว่าเวลาไม่เช้าแล้ว สาวใช้จึงบังคับตรงไปที่ถนนกว่างหลงโดยไม่หยุดพัก ฉางเซิงกลัวว่าตัวเองจะถูกเปิดเผยตัว จึงหยุดไล่ตามและเข้าไปในสถานที่ที่ตัวเองรู้จักดีเพื่อสอบถาม
เถ้าแก่ผู้นั้นเห็นเป็นลูกน้องภายในร้านขายผ้าจิ่นซิ่วมา จึงรีบเข้ามาทักทายอย่างประจบประแจง “ฉางเซิง ท่านมาได้อย่างไรกัน”
ฉางเซิงทักทายอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “เถ้าแก่ ข้าเห็นเมื่อครู่มีแม่นางผู้นั้นมาหาซื้อของงั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับ แต่ไม่มีอันใด” เถ้าแก่พูดด้วยความลำบากใจ
“แม่นางผู้นั้นต้องการซื้อฝ้ายหยกขาวที่มีราคาแพงกว่าทองคำ ร้านเล็ก ๆ แบบเราจะมีของเช่นนั้นได้อย่างไร หากต้องการซื้อต้องไปซื้อที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว หากที่นั้นไม่มี ที่ใดก็คงไม่มีแล้ว”
เถ้าแก่ผู้นี้เป็นคนใจกว้าง เห็นแม่นางผู้นั้นมาซื้อของจึงแนะนำให้นางไปดูที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เถ้าแก่ก็รีบถาม “ฉางเซิง ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วก็ไม่มีฝ้ายหยกขาวหรือ”
ฉางเซิงคลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ก่อนหน้ามีคนซื้อไปสิบจินในคราเดียว”
“โอ้ ผู้ใดกันที่มั่งคั่งเช่นนี้ ฝ้ายหยกขาวหรือฝ้ายสีขาวนี้ล้ำค่าเหมือนทองคำ การซื้อจำนวนมากในครั้งเดียวนับว่าเป็นเรื่องน่าทึ้งจริง ๆ ไม่อยากเชื่อ ว่าร้านขายผ้าหลานชิงจะขายฝ้ายหยกขาวได้จำนวนไม่น้อย” เถ้าแก่ผู้นั้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉา “ฉางเซิง เมื่อใดที่ร้านจะทำฝ้ายนี้หรือ ผ้าชนิดนี้แพงกว่าทองคำเสียอีก พวกเราอยากทำแต่กลัวว่าจะไม่มีคนซื้อ”
ลูกค้าของร้านเล็ก ๆ อย่างเรามักจะเป็นคนธรรมดาหาใช่ตระกูลมีชื่อเสียง ฝ้ายหยกขาวซึ่งมีราคาแพงกว่าทองคำ ดังนั้นจึงไม่อยากลองเสี่ยง
จะมีเพียงร้านค้าขนาดใหญ่เท่านั้นที่กล้าตุนฝ้ายหยกขาวไว้จำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมกู้เสี่ยวอี้ตามหามันทั่วทั้งเมือง แต่ก็ยังไม่พบร้านที่มีฝ้ายชนิดนี้
เมื่อฉางเซิงรู้ว่าแม่นางต้องการซื้อฝ้ายหยกขาว จึงรีบกลับไปที่ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วทันที โชคดีที่คราวนี้คุณชายยังอยู่ที่ร้าน
เห็นแบบนั้น แสดงว่าเมื่อครู่แม่นางผู้นั้นน่าจะยังไม่มาที่ร้าน
“คุณชาย” ฉางเซิงไปข้างหน้า และเรียกอย่างเคารพ
เสิ่นเหวินเจวี้ยนกำลังตรวจสอบสมุดบัญชี ครั้นเห็นฉางเซิงมาจึงเงยหน้าขึ้น
“หื้ม” เสิ่นเหวินเจวี้ยนตอบรับเสียงเบาด้วยสีหน้าเฉยเมย จากนั้นฉางเซิงก็พูดว่า “วันนี้ข้าพบคุณหนูที่คุณชายช่วยชีวิตไว้ในวันนั้น”
คำพูดของฉางเซิงดึงความคิดของเสิ่นเหวินเจวี้ยนกลับมา ความเฉยเมยเมื่อครู่ได้หายไป เขาโยนสมุดบัญชีในมือทิ้ง จากนั้นผุดลุกขึ้นยืนและถามอย่างร้อนรน “เจ้าพบนางจริง ๆ หรือ”
ฉางเซิงเห็นท่าทางประหลาดใจและกังวลของผู้เป็นนายจึงพูดว่า “ขอรับ แม้ว่าจะใช้ผ้าปิดหน้าปิดตา แต่ดูจากรูปร่าง และสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางแล้วต้องเป็นนางแน่ ๆ”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินก็ถูมืออย่างตื่นเต้น มองฉางเซิงและพูดอย่างเศร้าใจ “ทำไมเจ้าไม่รีบมาบอกข้า”
ฉางเซิงพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “คุณชาย คุณหนูผู้นั้นนั่งรถม้าตระเวนไปทั่วเมืองหลวง ข้าไม่รู้ว่าจุดหมายของนางคือทีใด เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดนางต้องกลับบ้าน ดังนั้นข้าจึงยอมแพ้”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินว่านางตระเวนไปทั่วเมืองหลวง จึงรีบถามอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอะไรหรือ นางเป็นอะไร”
ฉางเซิงเห็นคุณชายเป็นกังวลจึงรีบพูดว่า “คุณหนูผู้นั้นสบายดี แต่ข้าได้สอบถามมาแล้ว นางต้องการซื้อฝ้ายหยกขาว”
“ซื้อฝ้ายหยกขาว?” เสิ่นเหวินเจวี้ยนได้ยินก็ถามว่า “ร้านขายผ้าหลานชิงไม่มีฝ้ายหยกขาวหรือ”
“ไม่มีขอรับ ข้าไปร้านขายผ้าหลานชิง เพิ่งรู้ว่าคุณหนูผู้นั่นไปมาแล้ว ต่อมาถามลิ่วซวงก็พบว่าขายฝ้ายหยกขาวไปหมดแล้ว”
“ลิ่วซวง?” เหตุใดชื่อนี้ถึงไม่คุ้นหูเขานัก เสิ่นเหวินเจวี้ยนไม่รู้จักอีกฝ่าย จึงหมายจะถามกลับก็ได้ยินฉางเซิงตอบกลับมา “เป็นลูกจ้างคนใหม่ของร้านขายผ้าหลานชิง ซื่อสี่ และผู้แลหลีออกไปหาแหล่งสินค้าดี ๆ ขอรับ”
………………..
ายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
• ………………..จะเป็นการตั้งค่ารายเรื่อง และปิดโหมด อัตโนมัติเมื่อออกจากหน้าการอ่านนิยายเรื่องนั้น
อ่านน้อยลง
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
0
บทที่ 1751 เสิ่นเหวินเจวี้ยนไปตามหาฝ้าย
………………..
บทที่ 1751 เสิ่นเหวินเจวี้ยนไปตามหาฝ้าย
เกรงว่าตอนนี้คงนางกระวนกระวายราวกับมดบนกระทะร้อน
ไม่รู้ว่าเหตุใด แม้ได้พบกันเพียงครั้งเดียวแต่กลับติดลึกอยู่ในใจของเสิ่นเหวินเจวี้ยน เคยเห็นหน้านางเพียงครั้งเดียว แต่หัวใจของเขากลับจำมันได้อย่างชัดเจน
ครั้งที่แล้วได้พบแม่นางผู้นั้นก็ปิดหน้าปิดหน้า แต่เขากลับมั่นใจว่าคนผู้นั่นเป็นนางแน่นอน
ทว่า คนในสวนชิงเขาถามไปถามมากลับพบว่าข่าวคราวที่ได้มากลับไม่มีประโยชน์ ถามอย่างไรก็ไม่รู้ว่าสองคนนั่นเป็นใคร
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นเวินเจวี้ยนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด
ตามอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลเสิ่นในเมืองหลวง เป็นไปไม่ได้ที่จะถามสิ่งใดแล้วไม่ได้อะไรตอบแทน
แต่น่าเสียดายที่ตระกูลเสิ่นไม่พบอะไรเลย ตอนนี้ยิ่งเสิ่นเหวินเจวี้ยนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
เห็นท่าทางผิดหวังของคุณชาย ฉางเซิงก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะไม่สามารถหาเบาะแสของแม่นางได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกท้อใจ
โอกาสที่ดีในการติดต่อกับแม่นางผู้นั้นหายไปแล้ว ฉางเซิงจึงถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “ช่างน่าเสียดาย”
“คุณชาย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ท่านจะได้เจอคุณหนูผู้นั้น แต่น่าเสียดายที่ร้านของเราไม่มีฝ้ายหยกขาว” ฉางเซิงถอนหายใจ
เสิ่นเหวินเจวี้ยนนึกถึงสิ่งนี้จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นราวกับนึกสิ่งใดได้ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มและพูดว่า “ไปกันเถอะ”
“ไปไหนขอรับ?” ฉางเซิงถามอย่างสงสัย
“พวกเรากลับไปเก็บของ ไปเมืองหลิน”
“อะไรไปเมืองหลิน คุณชายนี้ใกล้จะวันสิ้นปีแล้ว พวกเราจะไปเมืองหลินทำไมกัน” ฉางเซิงถามไปด้วยเดินไปด้วยให้ทัน ความเร็วของคุณชายเสิ่นไม่น้อยเลย ดังนั้นฉางเซิงจึงต้องก้าวไล่ให้ทัน
เสิ่นเหวินเจวี้ยนรีบเดินราวกับมีเรื่องอะไรในใจ ไม่แม้แต่จะทักทายคนในร้าน
ฉางเซิงไล่ตามอีกฝ่ายไป ครั้นเห็นท่าทางของคุณชายที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และทันใดนั้นเขาก็ถามว่า “คุณชาย ท่านคงไม่คิดจะไปซื้อฝ้ายที่เมืองหลินหรอกนะ?!”
เสิ่นเหวินเจวี้ยนหันศีรษะและพยักหน้า “อืม ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วของเราไม่มี ไม่ใช่ว่าเมืองหลินจะไม่มีเสมอไป เช่นนั้นเราต้องไปที่แหล่งกำเนิด พวกเขาต้องมีแน่ ๆ”
“คุณชายอีกไม่กี่วันก็จะวันสิ้นปีแล้ว เช่นนี้เราอาจจะกลับมาไม่ทันนะขอรับ” ฉางเซิงคำนวณระยะการเดินทางไปเมืองหลิน พบว่ามันต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน และนี่ยังต้องนับรวมการกลับมาและเวลาที่ใช้เก็บเกี่ยวฝ้าย ในวันส่งท้ายปีเก่าพวกเขาอาจยังคงเก็บฝ้ายในเมืองหลิน
เห็นบิดามารดาของตนเอง เสิ่นเหวินเจวี้ยนพูดเรื่องที่ตัวเองต้องไปเก็บฝ้ายที่เมืองหลิน แต่นายท่านเสิ่นและฮูหยินรีบปฏิเสธทันที “เจวี้ยนเอ๋อร์ นี่มันคำสั่งของผู้ใดงั้นหรือ ล่าช้าหน่อยไม่ได้หรืออย่างไรกัน ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ปีนี้เจ้าจะไม่อยู่บ้านหรือ”
ท่านแม่เสิ่นพูดด้วยความโกรธ มองลูกชายตัวเองที่มีความคิดแน่วแน่ พลันรู้ทันทีว่าตัวเองโน้มน้าวไม่สำเร็จ แต่อย่างไรก็ต้องลองเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย ตอนนี้ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีแล้ว พวกเราต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสิถึงจะถูก
ท่านพ่อเสิ่นที่ไม่สนใจเรื่องของเสิ่นเหวินเจวี้ยนมาโดยตลอด แต่คราวนี้กลับพูดว่า “ใช่ เจวี้ยนเอ๋อร์ คราวนี้เป็นคำสั่งซื้อของใคร ถ้าปฏิเสธไม่ได้ข้าจะไปคุยกับเขาเอง นี้ก็ใกล้จะวันสิ้นปีแล้ว หากไม่ได้จริง ๆ ค่อยไปวันที่เจ็ดก็ยังไม่สาย”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ผู้อื่นต้องรีบใช้ ร้านขายผ้าจิ่นซิ่วของเรามีไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเร่งด่วนมิใช่หรือ ลูกค้าไม่มีของ ที่แรกที่นึกถึงก็คือร้านขายผ้าจิ่นซิ่วของเรา ข้ารับคำสั่งซื้อนี้แล้วก็ต้องคำนึงถึงลูกค้า ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ได้ใช้ความกล้าหาญนี้เพื่อเงิน แต่เพื่อชื่อเสียงและจุดประสงค์ของร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว ผู้อื่นไม่มีข้ามี ผู้อื่นมี ของข้าต้องดีกว่า”
ท่านแม่เสิ่นต้องการจะพูด แต่ท่านพ่อเสิ่นรู้สึกประทับใจ โบกมือเพื่อหยุดท่าทางกังวลของภรรยาและพูดว่า “เจวี้ยนเอ๋อร์โตแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ อาจจะใช้เวลากลับมาสองสามวัน เจวี้ยนเอ๋อร์กลับมาเมื่อไหร่ เราก็ฉลองปีใหม่กันเมื่อนั้น”
แม้ว่าเสิ่นเหวินเจวี้ยนอายุยังน้อย แต่หลายปีที่ผ่านมา ท่านพ่อเสิ่นได้เห็นถึงความตั้งใจของเขามาตลอด และต่อมาก็จัดการร้านผ้าจิ่นซิ่วด้วยตัวเอง หลังจากฝึกฝนมาหลายปีทำให้เสิ่นเหวินเจวี้ยนผู้นี้กลายเป็นผู้ชำนาญในการดูแลร้าน
และแนวคิดเหล่านี้ล้วนเป็นของเสิ่นเหวินเจวี้ยนรับช่วงต่อดูแลร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว เวลานั้นท่านพ่อเสิ่นยังคงไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่ต่อมาชื่อเสียงร้านขายผ้าจิ่นซิ่วเริ่มแย่ลง ท่านพ่อเสิ่นก็เพิ่งเข้าใจว่าลูกชายตัวเองจะเดินไปเส้นทางใด
ผู้ชายที่มีความทะเยอทะยาน
ท่านพ่อเสิ่นจึงโบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าไปเถอะ ข้ากับแม่เจ้าจะรอเจ้ากลับมา”
ท่านแม่เสิ่นยอมแพ้ รีบไปช่วยเสิ่นเหวินเจวี้ยนจัดสัมภาระ การเดินทางไปเมืองหลินต้องใช้เวลาสิบกว่าวัน ซ้ำเป็นฤดูหนาวดังนั้นจึงต้องพกของไปมากหน่อย
ก่อนรุ่งสางของวันที่สอง เสิ่นเหวินเจวี้ยนพาฉางเซิงออกเดินทางแล้ว และเขาไม่รู้ว่าในขณะนี้สวนชิงส่งคนไปซื้อฝ้ายหยกขาวที่ร้านขายผ้าหลานชิง ทั้งไปร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว
อาจารย์เลี่ยวไม่รู้ว่าคุณชายไปทำสิ่งใด จึงได้แต่กล่าวขอโทษโค่วไห่ “ขอโทษจริง ๆ ในร้านไม่มีฝ้ายหยกขาวแล้ว”
“พวกเราให้ราคาพวกเขาสูงมาก พวกเจ้าช่วยพวกเราได้ไหม พวกเราต้องการใช้อย่างเร่งด้วย” โค่วไห่กังวลเล็กน้อย
อาจารย์เลี่ยวก็ช่วยไม่ได้ “ขอโทษจริง ๆ ฝ้ายหยกขาวนี้ราคาสูงเกินกว่าจะตุนไว้ แม้ว่าพวกเรารับปากว่าจะเก็บไว้ให้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะทันก่อนเทศกาลหยวนเซียว ขอโทษจริง ๆ”
โค่วไห่เห็นผู้ดูแลเลี่ยวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ยอมแพ้และกลับสวนชิงรายงานเรื่องนี้ต่อกู้เสี่ยวอี้และกู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวอี้เพิ่งจะได้โล่งใจ ก็เห็นโค่วไห่กลับมาจากร้านขายผ้าจิ่นซิ่ว และบอกว่าร้านขายผ้าจิ่นซิ่วไม่มีฝ้ายหยกขาว ในตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวลจริง ๆ
ฝ้ายหยกขาวนี้ดูไม่เหมือนบทกวีหรือภาพวาด ใช้ความขยัน ความพยายามก็สามารถทำออกมาได้ ฝ้ายสีขาวนี้ยังต้องผ่านกระบวนการหว่าน การงอก การออกดอก และการเก็บผลซึ่งใช้เวลาหลายเดือน
………………..