ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1753 สินสอดแปดสิบแปดกล่อง
บทที่ 1753 สินสอดแปดสิบแปดกล่อง
นางอายุสิบหกปีแล้ว เป็นไปได้ไหมว่านางจะเป็นเหมือนพี่สาวของนางที่กลายเป็นสาวเทื้อ
ดังนั้นหวงอวี๋เซียงจึงเกิดความรู้สึกไม่พอใจหวงหรูซื่อ และต้องการให้นางแต่งงานโดยเร็วที่สุด แม้ว่าจะต้องแต่งกับตัวประหลาดอะไรก็ตาม ก็ขอเพียงแค่นางแต่งงานออกไป
ตอนนี้ได้เห็นพี่สาวนางได้แต่งงานกับชายชรา ดอกไม้งามที่ปักอยู่บนกองขี้วัวเช่นนี้ แม้ในใจนั้นจะรู้สึกดูถูกดูแคลน แต่ก็อยากจะปรบมือให้
ใครใช้ให้นางไม่ยอมแต่งงานสักที เลือกไปเลือกมา ทั้งยังเลือกได้ของเหลือจากชาวบ้าน
เดิมทีหวงอวี๋เซียงนั้นรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา นางเป็นเพียงลูกสาวของอนุ เป็นธรรมดาที่หวังว่าพี่สาวของนางคนนี้จะแต่งงานกับคนที่ไม่ดี ดังนั้นจึงมีความสุขมาก
หากแต่ผู้ใดเล่าจะรู้ว่า หลังจากดีใจได้ไม่ถึงสองวัน ชายชราผู้นั้นก็แต่งตั้งให้นางเป็นเก้าหมิงฟูเหริน ทั้งยังส่งสินสอดทองหมั้นมาให้ถึงแปดสิบแปดกล่อง นี่เป็นความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงของบรรดาหญิงสาวในเมืองหลวง
นางโตขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมีใครมาขอแต่งงานและยกย่องนางไปมากกว่าหวงหรูซื่อ
หวงอวี๋เซียงนึกถึงชายที่นางกำลังจะแต่งงานด้วย นอกจากรูปร่างหน้าตาอายุที่ดีกว่าฟางเจิ้งสิงแล้ว เรื่องฐานะอำนาจก็เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ในใจพลันร้อนรนกระวนกระวาย
วันนี้ได้เห็นสินสอดมากมายขนาดนี้ ยิ่งทำให้ความโกรธทวีคูณมากยิ่งขึ้น หากแต่เป็นเพราะผู้ใหญ่ยังอยู่ที่นี่จึงเป็นเรื่องยากที่จะแสดงออกมา ทำได้เพียงแสร้งพูดแสดงความยินดี “ท่านพี่ ยินดีกับท่านด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าฟางเอ็นดูรักใคร่ท่านพี่ขนาดนี้ ดังคำกล่าวที่ว่าสามีชรารักเอ็นดูภรรยาสาว ท่านพี่แต่งงานให้เขา ใต้เท้าฟางต้องรักและเอ็นดูท่านพี่มากแน่นอน”
หวงอวี๋เซียงเข้าไปหาท่านแม่หวงข้างหน้าด้วยความรักใคร่ และมองดูรายการสินสอดทองหมั้นหนึ่งปราด ความอิจฉาในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ริมฝีปากคลี่ยิ้มขานเรียก “ท่านพี่ ท่านดูสิ สินสอดทองหมั้นตั้งมากมาย จุ๊ ๆ มีไม้จันทร์มงคล เครื่องลายครามงวงช้างสามขา หยกขาวหนึ่งคู่ ท่านพี่ ของพวกนี้ ล้วนเป็นของที่มีค่าของตระกูลฟาง ใต้เท้าฟางช่างใจกว้างเสียจริง จุ๊ ๆ ถ้าน้องแต่งงานไม่รู้ว่าจะได้ถึงครึ่งหนึ่งของท่านไหม ถ้าได้สักครึ่งหนึ่ง น้องก็พอใจแล้ว”
หวงอวี๋เซียงเอ่ยชื่นชมหวงหรูซื่อ การที่นางได้แต่งงาน ท่านแม่หวงนั้นดีใจมาก แต่ยังเหลือบมองไปที่หวงอวี๋เซียงอย่างตำหนิ “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้ายังไม่ได้หมั้นก็พูดเรื่องแต่งหรือไม่แต่งงานอะไร แต่เจ้าสบายใจได้ ถ้าหากเจ้าแต่งงาน อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องเตรียมสินสอดให้เหมาะสม”
หวงอวี๋เซียงประคองตัวลุกขึ้นพร้อมพูดว่า “เซียงเอ๋อร์ขอบคุณท่านแม่”
ท่านแม่หวงรู้สึกดีใจมาก วันนี้จึงพูดน้ำไหลไฟดับ ครั้นเห็นท่าทางของหวงอวี๋เซียงที่ไม่มีความกระดากอายเช่นนั้น หากป็นวันธรรมดาทั่วไปนางต้องถูกตำหนิแล้ว แต่เป็นเพราะวันนี้นางมีความสุขมาก พลางชี้มาที่นางพร้อมหัวเราะกับคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆพร้อมพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้จักอายเลยจริง ๆ”
แม้จะเป็นคำด่า หากแต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หวงอวี๋เซียงรู้ว่าท่านแม่หวงวันนี้ใจดีมาก เดิมทีนางเป็นคนที่ใจแข็ง จึงยอมปล่อยไป จากนั้นก็แสดงความยินดีและอวยพรกับหวงหรูซื่อเรื่องการแต่งงาน
หวงหรูซื่อพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ตื่นเต้น และเขินอายที่กำลังจะได้กลายเป็นเจ้าสาวในเร็ววันนี้
แต่เมื่อไม่มีใครเห็น ดวงตาของนางฉายแววทั้งความโกรธและความสับสนออกมา แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา
หลังจากหารือกับหวงเจี่ยนแล้ว จึงตกลงกันว่าจะเพิ่มสินสอดอีกยี่สิบกล่องจากแปดสิบกล่อง ราวมแล้วเป็นสินสอดรวมหนึ่งร้อยแปดกล่อง ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ โดยทั่วไปแล้วหากขุนนางระดับสองแต่งงาน ฝ่ายหญิงจะได้รับสินสอดเพียงหกสิบกล่องเท่านั้น จะได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ตระกูลฟางต้องให้ความสำคัญกับตระกูลหวงมากแน่ ๆ
“เช่นนี้ไม่เลว” หวงเจี่ยนจิบชาและพูดอย่างพอใจ
ท่านแม่หวงกำลังคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นกับคนใช้ที่อยู่ข้าง ๆ หลังจากได้ยินสิ่งที่สามีพูด นางจึงหันไปมองหวงเจี่ยนอย่างตำหนิในใจ
ส่วนตระกูลฟางตอนนี้ หลิวเนี่ยนโหรวมองดูรายการสินสอดที่อยู่ในมือนาง พลันโกรธจนแทบอยากจะฉีกมันให้แหลกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่ตอนนี้รายการสินสอดแผ่นนี้สำคัญมาก การทำเช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องดี
หลิวเนี่ยนโหรวเก็บรายการสินสอดใส่ซองจดหมาย และส่งให้กับเด็กรับใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ต้องส่งไปให้ถึงตระกูลหลู และส่งให้ฮูหยินหลูกับมือ แล้วก็กระจายเรื่องของที่อยู่ในรายการนี้ออกไปอย่างเงียบ ๆ บอกว่าของพวกนี้คือสินสอดที่ตระกูลฟางจะมอบให้ แล้วจำเอาไว้ให้ดี อย่าให้เรื่องนี้ถูกสาวมาถึงเราเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”
เด็กรับใช้คนสนิทรับคำสั่งแล้วก็เดินจากไป หลิวเนี่ยนโหรวคิดถึงฮูหยินหลู หากนางได้เห็นรายการสินสอดทองหมั้นแล้วคงต้องร้อนรนเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่บอกก็รู้ว่านางรู้สึกพอใจเพียงใด
หวงหรูซื่อนะหวงหรูซื่อ ข้าฐานะต่ำต้อยไม่อาจสู้กับเจ้า แต่ถ้าหากเป็นตระกูลหลูล่ะก็…
เหอะเหอะ
ข้าต้องการให้เจ้าจำของขวัญชิ้นนี้ไปตลอดชีวิต
สุขภาพร่างกายของหลูเหวินซินดีขึ้นไม่น้อย แม้ว่าจะไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติได้ แต่ร่างกายก็ฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว เมื่อเทียบกับสภาพไร้เรี่ยวแรงอย่างตอนที่อยู่ในจวนตระกูลฟางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
ผิวพรรณดูสุขภาพดี ผมดำเงางาม และแม้แต่รูปร่างของนางก็มีน้ำมีนวลดูเปล่งปลั่งขึ้นไม่น้อย ทั้งยังดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก
ฮูหยินหลูเห็นว่าลูกสาวของตนเป็นอย่างไรตอนที่นางอยู่ที่ตระกูลฟาง แต่มาวันนี้กลับดูสดใส ใจของตนก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
ตนเองมีแค่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข แม้ว่าชื่อเสียงของนางในตอนนี้จะลดลง ตราบใดที่นางยังอยู่อย่างสุขสบาย เรื่องอื่นก็ล้วนไม่ใส่ใจ
อนาคตต่อจากนี้ ได้แต่ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไป ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตระกูลหลูก็สามารถเลี้ยงนางได้
และลูกชายทั้งสองของตน จะยังสามารถทนเห็นน้องสาวถูกรังแกได้อีกรึ
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนอาการดีขึ้น และหลานสาวยังผอมลงจนสุขภาพดีขึ้น ตนเองก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
คนสามรุ่นกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้อง ฮูหยินหลูพยายามที่จะไม่พูดถึงเรื่องแต่งงานของฟางเจิ้งสิง จนแล้วจนรอดก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “ฮูหยิน คนจากตระกูลฟางมาเจ้าค่ะ”
………………..