ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1754 สินสอดเหมือนกัน
บทที่ 1754 สินสอดเหมือนกัน
ฟางเพ่ยหยาหันหน้าไปทางมารดาตนเอง ก็เห็นว่าหลูเหวินซินกำลังก้มหน้าอยู่จึงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่ท่าทางที่แสดงออกทำให้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
อันที่จริงความจริงใจที่หลูเหวินซินมีต่อฟางเจิ้งสิงในตอนนั้นคือความจริงใจที่มาจากใจจริงและรักเขาหมดหัวใจ อยากแต่งงานกับเขา นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่จริงใจเช่นนาง จะได้รับการตอบแทนเช่นนี้
ฮูหยินหลูเห็นหลูเหวินซินและฟางเพ่ยหยาหลุบตาลงโดยไม่ได้พูดอะไร จึงขมวดคิ้วและพูดกับคนรับใช้ว่า “ตระกูลหลูของพวกเรากับตระกูลฟางไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว รีบไล่เขาไปซะ”
“คนคนนั้นพูดว่า คนของตระกูลฟางให้นางนำของบางอย่างมาให้ และบอกว่าต้องส่งให้ถึงมือฮูหยิน”
“ให้ถึงมือข้างั้นรึ” ฮูหยินหลูสงสัยยิ่งนักจึงเหลือบมองฟางเพ่ยหยา ก็เห็นว่าฟางเพ่ยหยาก็พูดขึ้นด้วยความสงสัยเช่นกันว่า” ท่านยาย ถ้าไม่อย่างนั้น ก็ให้เขาเข้ามาเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้ เหวินซินเจ้าพาหยาเอ๋อร์ไปหลบที่ด้านหลังห้องโถงก่อน” ฮูหยินหลูไม่ต้องการให้ลูกและหลานสาวของตนได้พบกับคนของตระกูลฟาง กลัวเขาเห็นว่าตอนนี้อาการป่วยของเหวินซินนั้นดีขึ้นแล้ว และเพ่ยหยาเองก็ผอมลงแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นอีก
หลูเหวินซินตอบรับหนึ่งเสียง และพาฟางเพ่ยหยาเดินออกไป
อีกไม่กี่วัน ตระกูลฟางก็ต้องจัดงานมงคล เมื่อก่อนเป็นถึงนายหญิง แต่ตอนนี้กลับต้องกลับมาอยู่ที่จวนของมารดา อีกทั้งคราวนี้ตระกูลฟางก็ยินดีเต็มใจที่จะต้อนรับนายหญิงคนใหม่
ฟางเพ่ยหยารู้ว่าในใจมารดาต้องรู้สึกแย่แค่ไหน แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกกลัดกลุ้ม ฟางเพ่ยหยามองไปที่หลูเหวินซินอย่างกังวล และเกรงว่านางจะกังวลมากกับเรื่อง
นี้
สายตาของหลูเหวินซินมองเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง ความหนาวเย็นของฤดูหนาว ต้นไม้ใบหญ้าด้านนอกอีกไม่นานก็ต้องแห้งเหี่ยว เหมือนกับใจของนาง ถึงแม้จะออกมาจากตระกูลฟางแล้ว ก็เหมือนอย่างเช่นวันนี้ ยิ่งออกมาก็ยิ่งหนาว ยิ่งออกมาก็ยิ่งเยือกเย็น
ฟางเจิ้งสิงนะฟางเจิ้งสิง เจ้ามันช่างใจร้ายจริง ๆ
หลูเหวินซินถอนหายใจยาวและหันหลังให้ฟางเพ่ยหยาบนใบหน้ามีรอยยิ้มเศร้า
ถ้าหากจะพูดว่านางนั้นไม่ใส่ใจแล้ว นางจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร
เพียงแต่ ความใส่ใจนี้ สิ่งที่ฟางเจิ้งสิงทำกับนาง ยิ่งนานวันก็ยิ่งจืดจาง ยิ่งนานวันก็ยิ่งเบาบาง และอาจใช้เวลาไม่นาน ใจของนางก็คงจะลืมคนคนนั้นได้ตลอดไป
หลูเหวินซินจึงหันกลับไปพร้อมรอยยิ้มอบอุ่มบริเวณมุมปาก สองแขนโอบกอดฟางเพ่ยหยาที่กำลังมองนางด้วยความเป็นห่วง “หยาเอ๋อร์ แม่ไม่เป็นไร แม่ดีขึ้นมากแล้ว เจ้าสบายใจเถอะ”
หลูเหวินซินไม่ได้พูดอะไร และกระชับกอดลูกสาวแน่นขึ้น ตอนนี้หยาเอ๋อร์เป็นคนคนเดียวที่เหลืออยู่
คนใช้เดินนำคนจากตระกูลฟางเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หลูเหวินซินมองคนที่มาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใครสั่งให้เจ้ามาที่นี่”
“ฮูหยินหลู ข้าคือตงเสวี่ยคนรับใช้คนสนิทของหลิวอี๋เหนียง นี่คือของที่หลิวอี๋เหนียงขอให้ข้านำมาส่งให้ถึงมือของท่าน”
สาวใช้คนนั้นหยิบของบางอย่างออกมาจากอ้อมอก “แม่นมกุ้ยจึงรีบรับมา และส่งของสิ่งนั้นให้ฮูหยินหลู”
หลังจากที่ฮูหยินหลูเปิดดูและกวาดสายตามองหนึ่งปราบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด “สิ่งนี้คือสิ่งใดกัน”
ตงเสวี่ยก้มหน้า “ฮูหยินหลู นี่คือสินสอดที่ตระกูลฟางเตรียมไว้ให้นายหญิงคนใหม่ ข้าได้ส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าขอตัวลาก่อน”
ยิ่งฮูหยินหลูมองสีหน้านั้นก็ยิ่งมัวหมองลง หลังจากที่อ่านถี่ถ้วนแล้ว รายการสินสอดที่อยู่บนมือก็ถูกตบลงบนโต๊ะ หญิงชราโมโหจนหน้าแดง “ฟางเจิ้งสิง เจ้าช่างดี เจ้ามันช่างดีจริง ๆ”
แม่นมกุ้ยที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี จึงรีบรุดขึ้นหน้าหยิบรายการสินสอดนั้นคือมาดู “ฮูหยิน เกิดเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”
จนกระทั่งกวาดสายตาอ่านกระดาษแผ่นนั้น จึงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง และพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “ฮูหยิน นี่…นี่คือรายการสินสอด”
สุขภาพร่างกายของหลูเหวินซินยังไม่แข็งแรงนัก นางจึงกลับไปพักก่อน ส่วนฟางเพ่ยหยาที่ยังอยู่ที่นี่ ครั้นได้ยินเสียงสาวใช้คนนั้นเดินจากไปแล้วจึงกลับไปที่ห้องโถง และได้เห็นสีหน้ามัวหมองของฮูหยินหลู ราวกับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอก
ใจของฟางเพ่ยหยาเต้นไม่เป็นจังหวะ ท่าทางไม่ดีแล้ว เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี นางรุดขึ้นและเอ่ยขึ้น “ท่านยาย ท่านเป็นอะไรไป”
แม่นมกุ้ยนำรายการสินสอดที่อยู่ในมือส่งให้ฟางเพ่ยหยาดู หลังจากที่ฟางเพ่ยหยารับอ่านเสร็จก็เกิดความสงสัยบางอย่าง “แม่นมกุ้ย ใครจะแต่งงานหรือ”
มีรายการสิ่งของราคาแพงมากมายเขียนอยู่บนใบรายการสีแดงใหญ่นี้ ราวกับสินสอดที่จะเอาไปให้ใคร
ปัง!
ฮูหยินหลูไม่รอให้ฟางเพ่ยหยาถามจบ ก็ตบโต๊ะด้วยความโกรธเคือง โกรธจนเลือดขึ้นหน้า “ข้าไม่เห็นจะเคยรู้ ว่าต้าชิงที่มีมานานหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวข้าพึ่งจะเคยได้ยินว่าการแต่งงานใหม่ต้องใช้สินสอดของภรรยาคนก่อน”
ฟางเพ่ยหยาไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว “ท่านยาย ท่านพูดอะไร”
ฮูหยินหลูมองแม่นมกุ้ย และพูดอย่างจำใจว่า “ไปนำรายการสินสอดทองหมั้นที่เหวินซินแต่งงานตอนนั้นมาหน่อย”
แม่นมกุ้ยรับคำสั่งแล้วเดินจากไป ตอนนี้ฟางเพ่ยหยานั้นไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
ฟางเพ่ยหยาเห็นท่านยายโมโหจนหน้าแดงเช่นนี้ ก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน จึงรีบปลอบใจนาง “ท่านยาย ท่านอย่าโกรธไปเลย ระวังร่างกายจะทรุด มันไม่คุ้มเลยนะเจ้าค่ะ”
ฟางเพ่ยหยาคอยลูบแผ่นหลังด้วยมือคู่เล็กไม่ห่าง สายตาคู่นั่นเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็นห่วง “ท่านยาย ถ้าท่านจะโกรธ ข้าว่ามันไม่คุ้มเลยนะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินหลูเห็นว่าฟางเพ่ยหยาเข้าใจเรื่องวันนี้แล้ว ความโมโหที่อยู่ในใจก็ลดลงเล็กน้อย “หยาเอ๋อร์ ยายไม่เป็นไร ยายแค่…”
ยอมไม่ได้แทนแม่ของเจ้า
แม่นมกุ้ยรีบนำรายการสินสอดครั้งเมื่อหลู่เหวินซินแต่งงานมา ฮูหยินหลูมองดูกระดาษสีเหลืองในมือของนาง “ตอนนั้นที่แม่ของเจ้ายืนยันที่จะแต่งงานกับพ่อของเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านตาของเจ้าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ในเมื่อแม่ของเจ้าชอบเขา พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนั้นฟางเจิ้งสิงเป็นเพียงบัณฑิตยากจน ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงิน ลูกสาวข้าแต่งออกไปก็คงลำบากแน่ ตอนนั้นตากับอาทั้งสองของเจ้าก็ไปรวบรวมสินสอดทุกทาง รวบรวมสินสอดมาได้ทั้งหมดหกสิบกล่อง เจ้าดู นี่คือรายการสินสอดของแม่เจ้า”
ฟางเพ่ยหยารับมา กวาดสายตาดูใบรายการสินสอดที่รับมาคร่าว ๆ ใบรายการทั้งสองใบนี้จดบันทึกรายการสินสอดไว้ แทบจะเหมือนกันทั้งหมด
………………..