ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1755 สินเดิมที่เป็นสินสอด
บทที่ 1755 สินเดิมที่เป็นสินสอด
ยังดีที่เหวินซินไม่อยู่ที่นี่ หากนางอยู่ที่นี่ไม่รู้ว่านางจะเสียใจเพียงใด
“ท่านยาย ผู้ใดเป็นคนส่งมางั้นหรือ”
“คุณหนู สาวใช้คนสนิทของหลิวเนี่ยนโหรวนำมันมาส่งเจ้าค่ะ”
หลิวเนี่ยนโหรว เป็นหลิวเนี่ยนโหรวอีกแล้ว
ใบหน้าของฟางเพ่ยหยาซีดลงทันที หลิวเนี่ยนโหรวผู้นี้ตามหลอกตามหลอนพวกนางไม่เลิกซะจริง ๆ แม้นางจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฟาง แต่อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะยอมปล่อยพวกนาง
ฮูหยินหลูมองฟางเพ่ยหยา “หยาเอ๋อร์ เอาใบรายการนั้นมาให้ยายเถอะ ยายกับท่านตาของเจ้าจะไปที่ตระกูลฟางพรุ่งนี้ จะไปเอาของพวกนั้นกลับมา”
ฮูหยินหลูขมวดคิ้วแน่น ของเหล่านั้น หากต้องการเอากลับมานับว่าเป็นเรื่องยาก
เหวินซินกับฟางเจิ้งสิงหย่ากันแล้ว ตอนที่หย่าก็ไม่ได้เอาของพวกนั้นกลับมาด้วย แต่ตอนนี้จะกลับไปเอา ฟางเจิ้งสิงจะปล่อยมาง่าย ๆ ได้อย่างไร อีกทั้งของพวกนั้นก็ถูกส่งไปที่ตระกูลหวงแล้ว
ฟางเพ่ยหยารู้ว่าเรื่องที่จะไปเอาสินสอดคืนมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย “ท่านยาย ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป หลิวเนี่ยนโหรวส่งของสิ่งนี้มา แน่นอนว่าต้องการให้เรากลับไปเอากลับคืนมา”
“ตระกูลฟางเตรียมสินสอดไว้ แปดสิบแปดกล่อง ได้ยินว่าถูกส่งไปยังตระกูลหวงหมดแล้ว”
“ใช่ ลูกสาวคนแรกของตระกูลหวงแต่งงาน สินสอดเหล่านี้คิด ๆ ดูแล้วก็คงจะเก็บไว้ไม่ได้ ถ้ายังหวงสินสอดของลูกสาวนางก็คงจะถูกคนทั้งเมืองหลวงนี้นินทาด่าว่าลับหลังแน่ ทั้งเวลาของหวงเจี่ยนและฟางเจิ้งสิงในการว่าราชการเป็นเวลาเดียวกัน สินสอดเดิมของตระกูลหวง ไม่เพียงแต่เก็บไว้ แต่ยังเพิ่มเข้าไปไม่น้อย”
“ท่านยาย พวกเรารออีกหน่อยเถอะ”
“รออะไรกัน” ครั้นได้ยินฟางเพ่ยหยาพูดว่าต้องรอ ฮูหยินหลูจึงรู้สึกสงสัย “ทำไมต้องรอ รออะไรกันหยาเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร”
ใบรายการสินสอดทั้งสองใบที่อยู่ในมือของฟางเพ่ยหยาถูกกำแน่น “ท่านยาย มันเป็นของท่านแม่ ข้าจะเอากลับคืนมาให้ท่านแม่”
“เอากลับมา เอากลับมาอยางไร” ฮูหยินหลูเกิดความสบสนเล็กน้อย “เจ้าเป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวในบ้านจะไปเอามาได้อย่างไร พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่านตาของเจ้า นี่คือการสู้ของคนแก่อย่างพวกข้า ยังไงก็ต้องเอาของกลับคืนมาให้ได้ แม้ว่าจะเป็นการให้ข้าวสุนัข ก็ไม่สามารถอยู่ในตระกูลฟางได้”
“ท่านยาย ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออกว่าจะเอากลับมายังไง แต่ข้าจะต้องเอากลับมาได้แน่” ฟางเพ่ยหยาพูดอย่างจริงจัง
นั้นคือของของท่านแม่ แน่นอนว่าต้องเอากลับคืนมาให้ได้
แม่นมกุ้ยเห็นสีหน้าที่คร่ำเครียดของเจ้านายทั้งสอง จึงคิดบางอย่างขึ้นได้และพูดออกมาในทันที “คุณหนู ไม่ลองไปหาอันผิงจวิ้นจู่ดูละเจ้าคะ ไม่แน่ว่านางอาจจะมีวิธี”
เมื่อฮูหยินหลูได้ฟัง ก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที “จริงด้วย หยาเอ๋อร์ เจ้าไปหาอันผิงจวิ้นจู่ดู นางฉลาดย่อมต้องมีความคิดมากมายแน่นอน ไม่แน่ว่านางอาจมีวิธีที่ทำให้เราสามารถเอาสินสอดกลับคืนมาได้”
ฟางเพ่ยหยาออกมาจากจวนตระกูลหลู ไม่ได้แวะไปที่จวนตระกูลถานก่อน แต่ตรงไปที่สวนชิงทันที
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาก นางรบกวนแค่กู้เสี่ยวหวานก็เกรงใจมากพอแล้ว นางไม่ต้องการดึงใครเข้ามาลำบากเพราะนางอีก
แต่เมื่อรอจนมาถึงที่สวนชิง นางจะรู้ได้อย่างไรว่าถานอวี้ซูนั้นก็อยู่ที่สวนชิง นอนเอนกายอยู่บนเตียงพูดคุยกับกู้เสี่ยวหวานด้วยความเบื่อหน่าย
เมื่อเห็นฟางเพ่ยหยาเข้ามา ถานอวี้ซูจึงรีบลุกขึ้นนั่ง “อาจั่ว รีบไปเอาไพ่ใบไม้มาเร็ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคนมาเล่นไพ่ใบไม้ด้วย”
คุณหนูในเมืองหลวงนี้ ในวันธรรมดาหากไม่มีอะไรทำ จึงชอบเล่นไพ่ใบไม้เพื่อฆ่าเวลา ถานอวี้ซูอยู่ที่จวนคนเดียวด้วยความเบื่อหน่าย เป็นธรรมดาที่จะมาที่สวนชิง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจไพ่ใบไม้ สนใจเพียงการอ่านหนังสือ จึงไม่มีใครเล่นไพ่กับนาง
ถานอวี้ซูไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียคลอเคลียข้างกู้เสี่ยวหวาน แต่ถึงกระนั้นความเบื่อหน่ายก็ยังไม่หายไป เมื่อสายตาของนางมองไปเห็นว่าฟางเพ่ยหยามา ย่อมไม่ยอมปล่อยนางไปเป็นธรรมดา
เมื่อนำไพ่ใบ้ไม้มาแล้ว ทั้งสองจึงเล่นไพ่ใบไม้ด้วยกัน ถึงแม้กู้เสี่ยวหวานจะไม่ชอบเล่น แต่ก็เคยสอนพวกนางสองคนเล่นจนชำนาญ ถานอวี้ซูนั้นชอบเล่นไพ่นี้มาก แต่ฝีมือการเล่นกลับไม่ดี แม้นางจะแพ้หลายต่อหลายตา เสียเงินไปหลายสิบตำลึง แต่บนใบหน้าก็ยังฉายชัดถึงความสุข
กู้เสี่ยวหวานที่อ่านหนังสืออยูข้าง ๆ หันมาดูพวกนางเล่นเป็นบางครั้งบางครา ดูได้ไม่นาน ก็เห็นว่าถานอวี้ซูนั้นแพ้และเสียเงินไปหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง แต่นางก็ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ฟางเพ่ยหยาที่อยู่ข้าง ๆ ได้เงินหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง แต่สีหน้ากลับยังคงเรียบเฉยราวกับมีความกังวลบางอย่าง
“เจ้าเป็นอะไรไป” กู้เสี่ยวหวานเห็นสีหน้านั้นจึงรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่ใช่ เพ่ยหยา เจ้าเป็นอะไรรึเจ้าชนะเจ้าได้เงินเจ้าไม่ดีใจรึ” ถานอวี้ซูก็รู้สึกว่าฟางเพ่ยหยานั้นแปลกไป จึงรีบถามทันที
ฟางเพ่ยหยาไม่ได้พูดอะไร แต่รีบนำของบางอย่างที่อยู่ในอกเสื้อออกมา “ท่านพี่ อวี้ซู พวกท่านดูเองเถอะ”
ทั้งสองหยิบใบรายการสินสอดทั้งสองแผ่นออกมา ใบรายการสินสอดสีแดง มีใบหนึ่งใหม่เอี่ยม ส่วนอีกใบแทบจะไม่มีสีแล้ว ดูแล้วก็คงจะเก็บมานานหลายปี
ถานอวี้ซูกวาดตามอง ก็ส่งเสียงออกมา “เอ๊ะ นี่ใช่ใบรายการสินสอดทองหมั้นที่ตระกูลฟางจะนำไปสู่ขอหวงหรูชื่อหรือไม่ เจ้าได้มันมาได้อย่างไร ทั้งยังมีครบทั้งหมดขนาดนี้”
“อวี้ซู เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านี่คือรายการสินสอดที่ตระกูลฟางเป็นคนส่งมา” ฟางเพ่ยหยาคิดไม่ถึงว่าถานอวี้ซูดูแค่แวบเดียวก็เดาออก จึงขมวดคิ้วถาม
“ตอนที่ข้ามาจากจวนเมื่อเช้า ข่าวนี้แพร่กระจายไปตามร้านอาหารโรงน้ำชาและตรอกซอกซอยหมดแล้วว่า ตระกูลฟางให้สินสอดตระกูลหวงแปดสิบแปดกล่อง ทั้งหมดในนั้นคือเครื่องลายครามเก่าแก่หายาก หยก ทองคำ เครื่องลายครามงวงช้างสามขา หยกขาวมงคล แล้วก็ของมงคลอีกสามอย่าง และหยกขาวแกะสลักสิบสองนักษัตริย์ ทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติหายากที่ไม่มีใครเคยมี ข่าวที่พูดถึงตระกูลฟางแพร่กระจายไปทั่วทั้งตลาดแล้ว”
ถานอวี้ซูพูดมาถึงตรงนี้ และมองไปที่ฟางเพ่ยหยา หากแต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ
“ของพวกนี้ เวลาสั่นเพียงแค่นี้ไม่รู้ว่าตระกูลฟางไปหาจากไหน” เมื่อถานอวี้ซูพูดจบ จึงมีเสียงพูดเบา ๆ ขึ้นมาจากอีกด้านว่า “เจ้าบอกสมบัติพวกนี้คือสมบัติล้ำค่าหายาก แต่ใบรายการสินสอดที่อยู่ในมือข้านั้นล้วนมีทั้งหมด”
กู้เสี่ยวหวานสะบัดแผ่นรายการสินสอดสีซีดที่อยู่ในมือของนาง มองหน้าถานอวี้ซูพร้อมพูด
ถานอวี้ซูชะงักไปชั่วครู่ “จะเหมือนกันกับใบที่อยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร ดูจากสีก็คงก็คงจะเก็บไว้นานแล้ว หรือว่าจะเป็นของที่อยู่ในใบรายการสินสอดนั้น”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ถานอวี้ซูก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ฟางเพ่ยหยาที่อยู่ข้าง ๆ จึงพยักหน้า “ไม่ผิดแน่ ของที่อยู่ในใบรายการสินสอดแผ่นนี้ คัดลอกมาจากใบรายการสินสอดแผ่นนั้นเกินครึ่ง เป็นของแม่ข้าตอนที่แต่งออกไป เป็นสินเดิมที่บ้านของข้ามอบให้แม่ของข้าตอนแต่งงาน”
………………..