ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1757 อำพรางตัวสำเร็จ
บทที่ 1757 อำพรางตัวสำเร็จ
“ตอนนี้เจ้าราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เจ้าคิดว่าจะมีคนจำเจ้าได้งั้นเหรอ” กู้เสี่ยวหวานกวาดสายตาขึ้นลงมองฟางเพ่ยหยา ฟางเพ่ยหยาในตอนนี้ที่ไม่เหมือนฟางเพ่ยหยาในเมื่อก่อนแม้แต่น้อย
“แต่ว่า…” ฟางเพ่ยหยารู้ดีว่าหากตนเองไป หวงหรูซื่อย่อมจำตนเองไม่ได้แน่นอน ทว่า…
แต่อย่างไรก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ที่อยู่ ๆ จะให้นางไปมอบของขวัญแก่แม่เลี้ยงในอนาคตของตนเอง มันทรมานราวกับกินยาขมเข้าไป
“จริงด้วย ข้าลืมไปได้อย่างไร เจ้าในตอนนี้คงไม่มีผู้ใดจำได้แน่” ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของถานอวี้ซู มองซ้ายมองขวาสำรวจของฟางเพ่ยหยายังดูไม่ออกเลยว่านางคือฟางเพย่หยาคนเดิม จากนั้นลูบคางอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าไปด้วยกันกับพวกข้า จะไม่มีใครจำเจ้าได้แน่นอน”
“หากข้าไปแล้วข้าจะทำอะไรได้ หรือว่าต้องไปมอบของขวัญให้นางจริง ๆ” ฟางเพ่ยหยารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ในงานแต่งของพวกเขา จะมีการแสดงร้องเพลงใช่หรือไม่” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางตกตะลึงของฟางเพ่ยหยาเช่นนั้น จู่ ๆ ก็ถามเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องขึ้น
ฟางเพ่ยหยาพยักหน้า “อืม มีการแสดงร้องเพลง รายการเยอะมาก การร้องเพลงก็ยิ่งเยอะ”
ไม่เพียงร้องเป็นสินสอด ยังต้องร้องเป็นของขวัญตั้งสามสี่รอบ เพราะกลัวคนไม่รู้ว่ามีสินสอดมากเพียงใด
“บันทึกรายการร้องเพลง” ฟางเพ่ยหยาไม่เข้าใจที่กู้เสี่ยวหวานพูด มองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ในเมื่อจะกลับไปเอาสินเดิมของแม่เจ้า แน่นอนต้องรู้ว่าหวงหรูซื่อนำสินสอดกลับไปเท่าไร เจ้าบันทึกแต่ละอย่างให้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาก็ร้องให้คนที่มาร่วมแสดงความยินดีฟัง พวกเราต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ฟางเจิ้งสิงด้วยสักหน่อย”
สำหรับหวงหรูซื่อเดิมทีกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะส้รางปัญหาให้อีกฝ่าย แต่ในเมื่อนางรับสินเดิมของแม่ฟางเพ่ยหยาไป ทั้งหมดนั้นเป็นของเพ่ยหยา ดังนั้นจึงต้องไปนำกลับมา อีกไม่นาน ก่อนเทศกาลส่งท้ายปีเก่าก็จะถึงงานสมรสครั้งใหญ่ของฟางเจิ้งสิง
กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูกินมื้อเช้าเรียบร้อย และรอฟางเพ่ยหยามาถึงก็จะตรงไปตระกูลหวงทันที
หวงหรูซื่อได้เอาเทียบเชิญให้พวกนางสองคนมาร่วมงานแต่งงานของนางนานแล้ว เดิมทีกู้เสี่ยวหวานไม่อยากไปเพราะไม่ได้คุ้นเคยกันเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ต้องช่วยฟางเพ่ยหยาสักหน่อย
ไม่นานรถม้าก็มาถึงตระกูลหวง ตระกูลหวงถูกประดับประดาด้วยผ้าแดงและโคมไฟ ตั้งแต่ข้างในยันข้างนอก ทุกคนในบ้านแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดง หน้าประตูถูกแขวนโคมไฟแดงและผ้าแพรอลังการ รื่นเริงมาก
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานรอให้คนอื่น ๆ เข้าไปในลานตระกูลหวง ก็เห็นมีผู้คนมากมายที่ล้อมรอบอยู่ตรงนั้น บางส่วนที่เป็นสหายสนิทของหวงหรูซื่อก็อยู่ในห้องของหวงหรูซื่อ หากพูดให้มงคลก็คือการมอบของขวัญกับหวงหรูซื่อ
ยังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงชื่นชมดังออกมาจากข้างใน
“หรูซื่ออ่า วันนี้เจ้างดงามมากจริง ๆ” คนหนึ่งชื่นชมด้วยเสียงที่หยาดเยิ้ม
วันนี้หรูซื่อช่างงามมากจริง ๆ”
“พวกเจ้าเนี่ยน่า ยังเรียกหรูซื่ออยู่อีก ตอนนี้คนเขาเป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองแล้ว ต่อไปหากพวกเราเจอนางก็ต้องคุกเข่าทำความเคารพ”
“เช่นนั้นพวกเราควรเปลี่ยนคำเรียกเป็นฮูหยินฟางแล้ว”
ในตอนนี้หวงหรูซื่อเปลี่ยนมาสวมชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ผู้คนล้อมรอบอยู่หน้าโต๊ะของนางและทุกคนต่างมาอวยพรคำมงคลแสดงความยินดี
“หรูซื่ออ่า ใต้เท้าฟางรักใคร่เจ้ามากจริง ๆ เจ้ายังไม่ทันได้แต่งเข้าไปก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองแล้ว ในบรรดาพวกเราเจ้าโชคดีมากที่สุด ใต้เท้าฟางช่างดีกับเจ้ามากจริง ๆ”
“ใช่ อาณาจักรต้าชิงของพวกเรา ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถเป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองได้ หรูซื่ออ่า ใต้เท้าฟางดีกับเจ้ามาก ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินคนก่อนกระทั่งถูกปลดก็ยังไม่ได้เป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสอง ไม่เหมือนหรูซื่อของพวกเรายังไม่ทันได้เข้าประตูก็เป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองเช่นนี้แล้ว จะมีใครเทียบเจ้าได้อีก”
ทุกคนที่ยังคงแสดงความยินดีไม่ขาดก็ได้ยินเสียงกล่าวว่าฮู้กั๋วจวิ้นจู่และอันผิงจวิ้นจู่มาแล้ว เมื่อคนพวกนั้นได้ยินก็รีบลุกไปคารวะฮู้กั๋วจวิ้นจู่และอันผิงจวิ้นจู่ “ขอคารวะฮู้กั๋วจวิ้นจู่ อันผิงจวิ้นจู่”
คุณหนูทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ หวงหรูซื่อต่างมารวมตัวกัน เหลือเพียงหวงหรูซื่อที่สวมชุดแต่งงานและนั่งหลังตรงอยู่ตรงนั้น บนร่างกายสวมด้วยชุดแต่งงานซึ่งทำจากผ้าไหมราคาแพง และจ้องมองกู้เสี่ยวหวานกับถานอวี้ซูอย่างยโสโอหัง
เพียงแต่ เมื่อสายตามองผ่านแม่นางข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวานที่ใบหน้างดงาม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจถึงได้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่นานก็เริ่มรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม
นางไม่เคยเห็นหญิงคนนี้ในเมืองหลวงมาก่อน จึงคิดว่ากู้เสี่ยวหวานคงพามาสนุกสนานด้วย
“ทำไมไม่เคยเห็นแม่นางคนนี้มาก่อนเลย” ผู้คนต่างมองแม่นางข้างกายกู้เสี่ยวหวานที่ไม่เหมือนสาวใช้และไม่เหมือนคุณหนู จึงถามอย่างสงสัย “แม่นางคนนี้งดงามจริง ๆ เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยพบมาก่อนเลย”
หลายสายตาหันไปทางฟางเพ่ยหยาอย่างสงสัย แม้พวกนางอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อเห็นเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครจำนางได้ คนที่ยืนข้างหน้าพวกนางในตอนนี้ก็เป็นคนที่พวกนางคุ้นเคยมากที่สุด
“นี่เป็นสหายของข้า วันนี้นางติดตามข้ามาอวยพรเจ้าด้วย” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินว่าเป็นสหายกู้เสี่ยวหวานก็มองแม่นางที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา และยังมีท่าทีที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกครั้ง ในใจฟางเพ่ยหยาเต็มไปด้วยการดูถูก คนแบบไหนที่พาคนเช่นนี้มา สาวชาวบ้านยังไงก็เป็นสาวชาวบ้านอยู่วันยันค่ำจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานไม่พลาดสายตาของหวงหรูซื่อที่มองฟางเพ่ยหยาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
นางตั้งใจให้ฟางเพ่ยหยาสวมชุดธรรมดาและตั้งใจให้แสร้งทำเป็นขี้ขลาดตาขาว เพื่อที่จะไม่ให้คนจำได้ว่านางคือใคร
ดูเหมือนว่าการอำพรางตัวตนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก
………………..