ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1758 อดีตที่สุดจะทน
บทที่ 1758 อดีตที่สุดจะทน
กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นดวงตา มองหวงหรูซื่อที่สวมชุดแต่งงานสีแดงและกล่าวคำมงคลแสดงความยินดี “วันนี้คุณหนูหวงงดงามยิ่ง เกรงว่าในโลกนี้คงไม่มีใครงามสวยและโดดเด่นจนทำให้คุณหนูหวงดูหม่นหมองแล้ว”
หม่นหมองเรอะ?!
หวงหรูซื่อมองผู้หญิงที่สวมชุดสีแดงสดตรงหน้า ผมดำเงางามราวผ้าแพร ใบหน้าเรียบเนียน จมูกสูงโด่ง ริมฝีปากสีอิงเถา ไหนจะหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ลักษณะท่าทางดูดีสง่างามยิ่ง
แม้แต่หวงหรูซื่อก็ไม่สามารถละสายตาได้ รูปลักษณ์ของกู้เสี่ยวหวานผู้นี้ยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางและผู้คนรอบด้านมองหญิงสาวคนนี้ไม่วางตาด้วยสายตาอิจฉา
ความงามของกู้เสี่ยวหวาน ไม่เหมือนเหล่าผู้หญิงข้างในที่นิ่มนวลและอ่อนแอ ตรงกันข้ามบุคลิกของนางสง่างดงาม มีจิตใจกว้างขวาง
ผู้หญิงเช่นนี้ แม้แต่หญิงสาวด้วยกันเองก็มองนางด้วยท่าทางเหม่อลอย และต่อจากนั้นก็เต็มไปด้วยความริษยาและเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานสวมชุดสีแดงสดเรียบง่ายไม่หรูหรา แต่กลับมีความโดดเด่นกว่าชุดแต่งงานสีแดงของนาง
หลังจากที่ตื่นตระหนกไปครู่หนึ่งหวงหรูซื่อกระแอมไอเบา ๆ ครั้นได้ยินกู้เสี่ยวหวานชื่นชมตนก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก จนสลัดความอึดอัดในเมื่อครู่ทิ้งไป
นางคือบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจเสมอ ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่นาน ๆ ทีจะมีโอกาสเอาผู้อื่นมาเข้าร่วมด้วย และต้องมีสักวันที่ต้องตกลงมาจากแท่นบูชาแน่นอน
“แน่นอนอยู่แล้ว วันนี้พี่หรูซื่อเป็นเจ้าสาว นางไม่งามแล้วใครจะงาม” มีคนเอ่ยชมขึ้น แต่ว่าสายตามองไปมาระหว่างกู้เสี่ยวหวานกับหวงหรูซื่อ สายตาที่นางมองกู้เสี่ยวหวานในเมื่อครู่ไม่ละสายตาไปไหนเลย
“ขอบคุณฮู้กั๋วจวิ้นจู่กับอันผิงจวิ้นจู่ที่มามอบของขวัญแก่หรูซื่อ เพียงแต่ตอนนี้ทั้งตัวข้าใส่ชุดมงคลไม่สะดวกที่จะคารวะทั้งสองท่าน ขอให้ทั้งสองท่านโปรดอภัยให้ด้วย” หวงหรูซื่อมองดูผ้าคลุมไหล่ที่หรูหราบนร่างกายตน เอามือจับเครื่องหัวและยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก “เครื่องหัวนี้หนักเกินไปแล้ว แม้แต่หรูซื่อก็ลุกไม่ขึ้นเลย”
แม้ว่าหวงหรูซื่อจะถูกแต่งตั้งเป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสอง แต่เนื่องจากนางยังไม่ได้แต่งเพราะฉะนั้นตอนนี้นางยังคงเป็นคุณหนูทั่วไป พระราชโองการต้องประกาศในวันที่นางแต่งงาน เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่นก็ยังคงต้องทำความเคารพ เพียงแต่ว่า…
ยังไม่ทันได้แต่งไปก็ใช้ตำแหน่งของตนและทำตัวไม่มีมารยาทที่นี่ หากเป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองจริง ๆ แล้ว ก็คงไม่เป็นไร เกรงว่าในเมืองหลวงแห่งนี้นอกจากคนในวังไม่กี่คนแล้ว ฮูหยินฟางคนใหม่ผู้นี้ก็คงบ้าอำนาจมาก
เมื่อสหายที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยิน ก็รีบอุทานออกมาสามครั้ง “ยิ่งเครื่องหัวหนักเท่าใดก็ยิ่งพิสูจน์ว่าเจ้าบ่าวเห็นคุณค่าของเจ้ามากเท่านั้น”
เหล่าคุณหนูที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินก็มาเชยชมนางอีกครั้ง
“ใต้เท้าฟางดีกับพี่สาวจริง ๆ”
“ไม่จำเป็นต้องพูด พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าท่านพี่งดงามยิ่งกว่าดอกไม้ สง่างามราวนางเซียนบนสวรรค์ ตำแหน่งเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองก็ควรเหมือนพี่หรูซื่อของพวกเรา ไม่ใช่คนทั่วไปก็ได้ พวกเจ้าได้ยินหรือไม่” เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ไร้ซึ่งผู้คน หนึ่งในคุณหนูเหล่านั้นก็ตั้งใจเบาเสียงและพูดบางอย่าง
“ได้ยินอะไรหรือ”
คุณหนูที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นท่าทางลับลมคมในก็เอนศีรษะเข้ามาทีละคน เพื่อมาฟังคำยั่วยุของหญิงคนนั้น “ข้าได้ยินแม่ข้าพูดว่า ตอนนั้นที่อดีตฮูหยินฟางแต่งงาน ตระกูลฟางไม่แม้แต่จะออกสินสอดเลยแม้แต่นิดเดียว อดีตฮูหยินฟางผู้นั้นนำสินเดิมติดตัวมา และแต่งเข้าตระกูลฟาง”
“สวรรค์ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยเรอะ หรือเป็นเพราะว่านางอยากได้ผู้ชายที่ตนเองโปรดปรานมากขนาดนั้นเลยหรือ ช่างไร้ยางอายจริงๆ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณหนูในนั้นก็เอามือปิดใบหน้าแดงที่กระดากอาย และพ่นลมหายใจเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
ฟางเพ่ยหยาจ้องไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังใส่ร้ายแม่ของนาง ทันใดนั้นก็ก้าวมาหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เตรียมจะเล่นงานคนเหล่านั้น
“พวกนางก็เป็นเพียงฝูงสุนัขที่เอาแต่เห่า เจ้า จะไปสนใจพวกนางทำไม” กู้เสี่ยวหวานเอื้อมมือมาดึงฟางเพ่ยหยาและหยุดนางไว้ ส่ายหัวและส่งสัญญาณบอกนางอย่าทำอะไรรีบร้อน
ถานอวี้ซูจึงรีบพูดขึ้น “ใช่ อย่าร้อนรนไป ต้องมีวันที่กรรมจะตามสนอง”
เมื่อฟังคำกู้เสี่ยวหวาน ฟางเพ่ยหยาก็จ้องมองไปทางผู้หญิงกลุ่มนั้นที่คิดว่าตนเองเป็นคุณหนู จากนั้นก็ระงับความเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟที่อยู่ในใจ และรีบกลับไปอยู่ข้างหลังกู้เสี่ยวหวานกับถานอวี้ซู
“ไม่ใช่หรอกกระมั้ง สิบกว่าปีก่อน อดีตฮูหยินฟางคนนั้นตกหลุมรักใต้เท้าฟาง และอยากแต่งงานกับเขา พวกเจ้าดูรูปร่างฟางเพ่ยหยาสิ เหอะเหอะ ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียด ได้ยินว่าแม่ของนางก็เหมือนเช่นเดียวกับนาง เติบโตมารูปโฉมไม่งดงาม ในตอนนั้นนางกลั่นแกล้งใต้เท้าฟางที่เป็นขุนนางข้าราชการธรรมดา อาศัยอำนาจในครอบครัวจึงได้แต่งงานกับใต้เท้าฟาง”
อาศัยอำนาจในครอบครัว กลั่นแกล้งเพื่อแต่งงานกับฟางเจิ้งสิง?
ได้ยินเช่นนี้ฟางเพ่ยหยาก็แสยะยิ้ม และรู้สึกเศร้าใจกับความรักของท่านแม่ที่คับโลกา
ท่านแม่ ความรักที่ท่านคิดว่าภักดี แต่ในสายตาคนอื่นกลับเรียกว่าเป็นการกดขี่บังคับ
มีคนที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องภายใน และพูดเสียงเจื้อยแจ้วด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจไม่หยุด “ดังนั้นในใต้หล้านี้ ผู้กล้ายากฝ่าด่านหญิงงาม ใต้เท้าฟางยังหมอบราบคาบแก้วอยู่ใต้ชายกระโปรงหรูซื่อของพวกเรา ผู้ชายไม่ดีกับผู้หญิงไม่ใช่เพราะผู้ชายเลว แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่เคยรักผู้หญิงคนนั้นเลย พวกเจ้าดูสิ ใต้เท้าฟางชอบพี่หรูซื่อมาก อีกทั้งยังให้พี่หรูซื่อจัดการเองทุกอย่าง”
“ถูกต้อง ข้าไม่เคยเห็นใครที่หน้าไม่อายอยากได้ขนาดนี้มาก่อน ช่างไร้ยางอายจริง ๆ”
“ใครว่าไม่ใช่ละ พวกนางสองแม่ลูกไร้ยางอายจริง ๆ พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเราไม่เจอเจ้าหมูอ้วนคนนั้นมานานมากแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นางจะมีหน้าออกมาที่ไหนกันละ ตนเองก็ไม่ใช่คนหนูใหญ่ตระกูลฟางแล้ว แม่ของนางก็ถูกหย่าร้าง คาดว่าชั่วชีวิตนี้ของนางทั้งสองคนคงร้องไห้หลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกนางจะมีหน้าออกไปที่ไหนกัน”
คำเลวร้ายที่พูดออกมาคำแล้วคำเล่านั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจฟางเพ่ยหยาอย่างมหาศาล มันเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกบดขยี้ และได้แต่ก้มหน้างุดและเหมือนนางจะล้มลง
โชคดีที่เมื่อกู้เสี่ยวหวานฟังคำพวกนั้นจบก็หันมามองนาง และเห็นนางจะหมดสติล้มลงไปจึงรีบเอื้อมมือไปประคองร่างที่กำลังหมดสติลง
ฟางเพ่ยหยาเงยหน้าก็เห็นกู้เสี่ยวหวานกับถานอวี้ซูมองนางอย่างกังวลพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่กำลังฝืน “ข้า…ข้าไม่เป็นไร”
นางยืนขึ้น สายตาเศร้าหมองและหัวตกเล็กน้อย มือทั้งคู่อยู่ในแขนเสื้อและปลายนิ้วจิกลงบนแขน
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กลุ่มคุณหนูเหล่านั้นที่คิดว่าตนมีฐานะและชื่อเสียง แต่ละคนที่พูดจาไร้สาระนั้นไม่ต่างอะไรจากพวกผู้หญิงในตลาดเลยแม้แต่น้อย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเบื่อกับห้องที่เต็มไปด้วยสีแดงอีกทั้งยังเสียงดังเอะอะโวยวาย จึงรีบหันหลังออกไปข้างนอกทันที
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่นออกมาจากห้องมาถึงลานบ้าน อาจั่วกับโค่วตันก็มารออยู่ที่หน้าประตูลานบ้านตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นคุณหนูออกมาก็รีบรุดขึ้นหน้า “คุณหนู พวกข้าได้ยินหมดแล้ว สินสอดและของขวัญงานหมั้นก็จดบันทึกมาทั้งหมดแล้ว”
“ตรวจสอบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
“สินสอดทองหมั้นถูกส่งไปที่ตระกูลฟางแปดสิบแปดกล่อง ตระกูลหวงจัดซื้อมายี่สิบอย่าง”
“ถูกต้อง ของในนั้นเหมือนกันหมด”
กู้เสี่ยวหวานแสยะยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายสว่างไสวเหมือนดวงดาว และหันกลับไปมองฟางเพ่ยหยาที่เคียดแค้น “ไป พวกเราฟังคำพูดแย่ ๆ มากขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเราต้องเอาคืนพวกนางให้ได้”
“เอาคืนอย่างไร”
“ไปจวนตระกูลฟาง ตระกูลฟางเชิญพวกเราไปดื่มเหล้ามงคลไม่ใช่หรือ ดีเลยถึงเวลาพวกเรามอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเขาแล้ว” กู้เสี่ยวหวานมองฟางเพ่ยหยาแล้วคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากถาม “หากทำเช่นนี้ พ่อของเจ้าจะอับอายมาก เจ้ายังอยากทำเช่นนี้หรือไม่”
“แน่นอนเจ้าค่ะ เหตุใดจะไม่ทำล่ะ” ฟางเพ่ยหยาฝืนยิ้ม แต่ก็ยังมีความลังเลเล็กน้อย คำพูดเมื่อครู่เกือบจะทำให้นางยอมแพ้แล้ว
“แม่ข้าทำเพราะว่ารัก ตอนนั้นเขาก็รักแม่ข้า ท่านรักเขามาก แม่ข้าไม่ได้สนใจที่เขาทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง เอาฐานะคุณหนูของตนเองแต่งงานกับเขาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่ในสายตาคนอื่นกลับกลายเป็นการกดขี่บีบบังคับเพราะอยากได้เขา เหอะเหอะ หลายปีมานี้ท่านแม่ทุ่มเทให้เขามากมาย แต่ในตอนนี้กลับได้รับชื่อเสียงเช่นนี้” ฟางเพ่ยหยาส่ายหัวฝืนยิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความสูญสิ้นและความเลือนรางและมีความเคียดแค้น “ความยุติธรรมนี้ข้าจะทวงคืนให้แม่ข้าเอง”
“เอาล่ะได้ฤกษ์แล้ว พวกเราก็ไปจวนตระกูลฟางเถอะ” กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าฟางเพ่ยหยายืนกรานที่จะทำ จึงตกลงตามนั้น
ถึงเวลานั้นคนที่มาส่งพระราชโองการ ก็ควรมีพระราชโองการอีกฉบับแก่ฮูหยินฟางและเพ่ยหยา
………………..