ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1759 งานเลี้ยงแต่งงานของตระกูลฟาง
บทที่ 1759 งานเลี้ยงแต่งงานของตระกูลฟาง
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลฟางเตรียมสินสอดแปดสิบแปดอย่าง และตระกูลหวงเตรียมยี่สิบอย่างซึ่งเท่ากับหนึ่งร้อยแปดอย่าง เหอะเหอะ ข้าไม่เคยเห็นสินสอดมากขนาดนี้มาก่อน”
“อะไรกัน ข้าได้ยินมาว่าในวันนี้จะมีการประกาศราชโองการ และฮูหยินคนใหม่ของตระกูลฟางจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสอง นี่คือของขวัญหมั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“เก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองหรือ เหอะเหอะ นี่คือของขวัญหมั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ข้าได้ยินมาว่าหลังจากแต่งงานมาหลายปี อดีตฮูหยินฟางคนก่อนไม่ได้เป็นแม้แต่เก้ามิ่งฟูเหรินระดับสอง”
“เจ้าก็ดูสิว่าฮูหยินฟางคนก่อนจะเทียบได้กับฮูหยินฟางคนปัจจุบันได้หรือไม่ ทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่ว่าชายไหนก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมใช่หรือไม่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าใต้เท้าฟางก็คงชอบหญิงสาวคนนี้มาก จึงยอมทุ่มเทขนาดนี้”
“สวยขนาดนี้ ถ้าเป็นข้า ข้าจะทุ่มเทอย่างหนักเช่นกัน”
ทุกคนต่างพูดคุยสนุกปาก ในขณะนี้ฟางเพ่ยหยากำลังนั่งบนเกี้ยวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
วันนี้นางได้ยินมามากพอแล้ว
แล้วนางล่ะ…
นางก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ
“เหอะเหอะ เจ้าไม่เห็นหรือ เมื่อก่อนฮูหยินฟางปฏิบัติตัวเป็นนายหญิงที่ไหนกัน เป็นหลิวเนี่ยนโหรวคนนั้นต่างหากที่เป็นนายหญิงและคุณหนูคนโตที่เกิดจากฮูหยินฟางเทียบกับลูกสาวทั้งสองคนของอนุภรรยาไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาว่าเด็กสาวสองคนนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงหลิวเนี่ยนโหรวมาก พวกนางทั้งสวยและมีเสน่ห์ แถมยังน่าดึงดูดอีกด้วย”
“คุณหนูใหญ่อ้วนท้วม หน้าตาอัปลักษณ์ ผู้ใดกันจะชอบหญิงแบบนั้นเล่า ถ้าเป็นข้า ข้าก็ชอบลูกสาวทั้งสองของอนุภรรยาเช่นกัน”
“ตอนนี้ใต้เท้าฟางเพิ่งแต่งงานกับภรรยาใหม่ ดูเหมือนว่าฮูหยินคนใหม่จะต้องกดขี่หลิวเนี่ยนโหรวเป็นแน่”
“กดขี่อะไรกัน คุณหนูหวงเป็นสตรีที่มีชื่อเสียง งดงาม มีความรู้ มีฐานะ หลิวเนี่ยนโหรวเทียบกับคุณหนูหวงไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วก้อย หลิวเนี่ยนโหรวจะเอาอะไรไปเทียบ” ยิ่งผู้คนพูดคุยกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
“ในตอนนั้นที่หลิวเนี่ยนโหรวเป็นคนที่ดูแลกิจการภายในของตระกูลฟางราวกับว่านางเป็นนายหญิงของบ้าน แต่การที่ใต้เท้าฟางไม่ยอมให้นางเป็นภรรยาเอกไม่ใช่เพราะสถานะที่ต่ำต้อยของนางหรอกหรือ?”
“อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายอดีตฮูหยินฟาง นางทนลำบากร่วมกับใต้เท้าฟางมานานแต่ไม่ได้คาดคิดว่านางจะได้รับการตอบแทนเช่นนี้ เฮ้อ ชีวิตช่างน่าสงสาร ข้าได้ยินมาว่าสุขภาพก็ไม่ดี ร่างกายนางจะไม่ไหวแล้ว”
เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ว่านางและท่านแม่เป็นตัวตลกท่ามกลางฝูงชน และดูเหมือนว่าหวงหรูซื่อจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
ฟางเพ่ยหยายังคงนิ่งเงียบ ถานอวี้ซูเห็นนางไม่มีความสุขจึงส่งสายตากันกับกู้เสี่ยวหวาน และเริ่มปลอบโยน “เพ่ยหยาไม่ต้องเสียใจไป”
นางไม่รู้จะปลอบโยนอีกฝ่ายอย่างไรดี
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วพลางมองฝูงชนที่พลุกพล่านข้างนอกผ่านม่านรถ และหวังว่าองค์หญิงลี่หัวจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม
คนรับใช้ขานรายชื่อและทักทายแขกด้วยความเคารพ วันนี้ผู้มีเกียรติทุกคนมากันอย่างแน่นขนัด ทุกคนต่างกล่าวคำอวยพร บรรยากาศจึงดูมีชีวิตชีวามาก
กู้เสี่ยวหวาน และคนอื่น ๆ ลงจากรถม้า ทำให้ดวงตาของฟางเจิ้งสิงเป็นประกายเมื่อเห็นท่านจวิ้นจู่ทั้งสองกำลังมา
“ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ อันผิงจวิ้นจู่” ฟางเจิ้งสิงโค้งคำนับ และทักทายด้วยความเคารพ
กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูทักทาย “ใต้เท้าฟาง!”
“เชิญจวิ้นจู่ทั้งสองท่านข้างในเถอะ วันนี้คนเยอะมาก ข้าจึงอาจละเลยจวิ้นจู่ทั้งสองไปต้องขออภัยจริง ๆ”
“ไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองงานแต่งงานของท่าน ท่านคงยุ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใต้เท้าฟางโปรดไปทำหน้าที่ของท่านเถิด พวกข้าจะเข้าไปข้างในและหาที่นั่งด้วยตนเอง” ถานอวี้ซูพูดจากนั้นทุกคนก็ก้าวเข้าไปด้านใน โดยมีฟางเพ่ยหยาตามอยู่ด้านหลัง
ฟางเจิ้งสิงรู้สึกงงงวย แต่หญิงสาวผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนตนเองนั้นยังต้องทักทายแขกคนต่อไป จึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีกและต้อนรับแขกคนต่อไปอย่างอบอุ่น
เมื่อทุกคนเข้ามาถึงลานภายในจวนฟาง พวกนางมองหาตำแหน่งที่ไม่สะดุดตาและนั่งลงบริเวณนั้น จากนั้นฟางเพ่ยหยาก็มองอย่างกระวนกระวายใจ
ตอนที่นางเดินผ่านประตู ฟางเจิ้งสิงสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงพร้อม ประดับด้วยดอกไม้สีแดงซึ่งทำมาจากผ้าขนาดใหญ่บริเวณหน้าอก ยืนอยู่ที่ประตูเพื่อต้อนรับแขกและรอเจ้าสาว
ถ้าเมื่อครู่นางจำไม่ผิด ฟางเจิ้งสิงมองมาที่ตนเองหลายครั้ง ดวงตาคู่นั้นทำให้ฟางเพ่ยหยาตัวสั่นเล็กน้อย และสงสัยว่าเขาจะจำนางได้หรือเปล่า
โชคดีที่เขายุ่งและไม่มีเวลาคิดมากนัก แต่ฟางเพ่ยหยาก็ยังคงประหม่าจนมือสั่น ตั้งแต่นางลดน้ำหนักได้สำเร็จ นางก็ยังไม่เคยเจอฟางเจิ้งสิงเลย
เมื่อเห็นว่าฟางเพ่ยหยารู้สึกกระวนกระวาย จึงรีบจับมือนางและพูดให้ความโล่งใจว่า “อย่ากังวลไปเลย ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
ฟางเพ่ยหยาพยักหน้า พลางหยิบกระดาษสองแผ่นจากเสื้อออกมาและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไร และข้าจะแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง ท่านกับอวี้ซูไม่ต้องออกหน้าแทนข้าหรอก”
“เจ้ารับมือไหวหรือไม่” ถานอวี้ซูพูดอย่างกังวล
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเอง” แม้ว่าฟางเพ่ยหยาจะประหม่าและหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของนางเอง ไม่จำเป็นต้องให้ท่านพี่และถานอวี้ซูเข้ามาเกี่ยวข้อง
ถานอวี้ซูมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และก็เห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ตัวเอง
ลานหลังบ้านของตระกูลฟางนั้นใหญ่โต แบ่งออกเป็นซ้ายและขวา มีฉากตรงกลางกั้นระหว่างชายและหญิง
ผู้หญิงหลายคนที่มาแสดงความยินดีพร้อมทั้งสามี และท่านพ่อนั่งเป็นกลุ่มที่โต๊ะด้านหน้า เมื่อพวกนางเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ทยอยมา พวกนางก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น และท่านกลามฝูงชนมากมายนี้ มีบุคคลที่กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการเจอมากที่สุดคือซูเฉี่ยนเยว่น้องสาวของซูจือเย่ว
ในขณะนี้ ซูจือเย่วซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะของฝั่งชาย กำลังสนุกอยู่กับบิดาของตนเอง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนรับใช้ขานชื่อ และเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า
การพูดคุยและหัวเราะเมื่อครู่กลายเป็นเงียบขรึมและมองไปรอบ ๆ ด้วยความคาดหวัง
………………..