ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1763 คิดถึงและอยากเจอ
บทที่ 1763 คิดถึงและอยากเจอ
ในตอนนั้นฟางเจิ้งสิงเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็ก ๆ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเงินและไม่มีผู้หนุนหลัง แต่โชคดีที่เขาได้รับความกรุณาจากลูกสาวของใต้เท้าหลู และได้แต่งงานกับนาง
อาศัยเงินและอำนาจของตระกูลหลู ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฟางเจิ้งสิงจึงมีความก้าวหน้า จนได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นขุนนางระดับสอง ทำให้เขามีทั้งเงินและอำนาจ
ตอนนี้ฮูหยินมีสุขภาพไม่ดีและละเมิดกฎเจ็ดข้อ อีกทั้งไม่ได้ให้กำเนิดลูกชาย หลังจากการหย่าร้าง ไม่นานฟางเจิ้งสิงก็แต่งงานกับลูกสาวคนโตของตระกูลหวง
ลูกสาวคนโตของตระกูลหวงเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในด้านความงาม และมีความเชี่ยวชาญในบทกวี
หากปราศจากความช่วยเหลือจากตระกูลหลู ฟางเจิ้งสิงก็โชคดีมากที่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลหวงอีกครั้ง
ครอบครัวของหมิงอ๋องมาเพื่อแสดงความยินดีกับเขาด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะชื่นชอบฟางเจิ้งสิงจริง ๆ เพราะหมิงอ๋องไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยงใดมาก่อน
ขุนนางบางคนที่มาที่นี่ดูเหมือนจะสามารถคาดการณ์ความก้าวหน้าในอนาคตของใต้เท้าฟางได้ ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลหวงและการสนับสนุนจากหมิงอ๋อง ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
ได้ยินมาว่าหมิงอ๋องมีส่วนในการแต่งตั้งสถานะเก้ามิ่งฟูเหรินระดับสองยิ่ง
การแต่งตั้งจากฮ่องเต้ คนโปรดของหมิงอ๋อง รวมถึงอำนาจในปัจจุบันของฟางเจิ้งสิงทำให้มีคนเข้าหามากขึ้นเรื่อย ๆ
วันนี้ฟางเจิ้งสิงมีความสุขมาก เขาอารมณ์ดีเนื่องจากโอกาสที่เป็นสุข เขายิ้มและทักทายทุกคนอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไปที่ประตูเพื่อรับเจ้าสาว ฤกษ์งามยามดีกำลังจะมาในไม่ช้า
ทุกคนเฝ้าดูฟางเจิ้งสิงจากไปด้วยความอิจฉา เฮ้อ ฟางเจิ้งสิงคว้าทุกสิ่งที่ผู้ชายหวังมากที่สุดมาทั้งหมดแล้ว
เลื่อนตำแหน่ง ร่ำรวย ภรรยาเก่าตาย
อดีตฮูหยินฟางยังไม่ตาย แต่ได้ยินว่าร่างกายของนางจะไม่ไหวแล้ว
ซูเผยอันนำซูจือเยว่ไปข้างหน้าเพื่อแสดงความเคารพต่อหมิงอ๋องและเสี่ยวซื่อจื่อ “ข้า ซูเผยอันทักทายหมิงอ๋อง เสี่ยวซื่อจื่อและหมิงตูจวิ้นจู่”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ขณะที่หมิงตูจวิ้นจู่กำลังหันไปที่โต๊ะของแขกฝ่ายหญิงก็หยุดทันที
เมื่อมองย้อนกลับไปและเห็นซูจือเยว่ นางก็ยิ้มแย้มทันทีโดยไม่สนใจว่านี่คือโต๊ะแขกฝ่ายชาย นางรีบรุดขึ้นหน้าและขานเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน “พี่จือเยว่”
ตอนนี้ซูจือเยว่มาปรากฏตัวต่อหน้านาง ซูหมิ่นจึงมีรอยยิ้มกว้าง พลางก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของซูจือเยว่ไว้ ชายหนุ่มผงะถอยหลัง ทำให้มือของซูหมิ่นจึงแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูเผยอันก็แอบด่าในใจ หากแต่ก็ทำสิ่งใดมากไม่ได้
ใบหน้าของซูหมิ่นแข็งค้างไป นางมองไปที่ซูจือเยว่อย่างเศร้าสร้อยและมีร่องรอยของความคับข้องใจบนใบหน้า
“น้องสาวไม่ไปที่โต๊ะของฝ่ายหญิงหรือ ทำไมไม่ให้นายน้อยซูพาท่านไปที่นั่นล่ะ” ซูหลินเห็นความคิดของน้องสาว เขาจึงต้องการที่จะสร้างโอกาสให้กับนาง
โต๊ะแขกฝ่ายหญิง ผู้ชายจะไปที่นั่นได้อย่างไร ซูหลินแค่พูดไปเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าซูจือเยว่จะตอบตกลงในทันที “จวิ้นจู่ จือเยว่จะไปส่งท่านที่นั่น”
ด้วยความกระตือรือร้นแบบนั้น ไม่มีท่าทางรังเกียจเช่นเมื่อครู่ ร่องรอยของความคับข้องใจบนใบหน้าของซูหมิ่นจึงหายไปทันที นางมองไปที่ซูหลินอย่างมีความสุข และหลังจากเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของซูหลิน เขาก็พยักหน้าไปทางซูหมิ่นอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากที่ซูจือเยว่ลุกขึ้น เขาก็พาซูหมิ่นไปที่โต๊ะของแขกฝ่ายหญิง
ซูหมิ่นจงใจเดินเคียงข้างกับซูจือเยว่ ความตื่นเต้นในใจไม่อาจปิดไว้ได้ และนางก็ยิ้มหวานไปตลอดทาง
ระยะห่างเมื่อครู่ของซูจือเยว่ นางคิดว่ามันเป็นความเขินอาย และความลำบากใจของซูจือเยว่ ที่นี่มีผู้คนมากมาย แม้นางไม่เคยกังวลเกี่ยวกับสายตาของคนอื่น แต่พี่จือเยว่นั้นต่างออกไป
ระหว่างชายและหญิงระยะห่างของพวกเขาใกล้กันมาก คนบนโต๊ะแขกชายเห็นถึงความตั้งใจของหมิงตูจวิ้นจู่ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ซูเผยอันเหงื่อเย็นไหลซึม แต่เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่เปิดใจ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
หมิงตูจวิ้นจู่ชอบเขา ไม่รู้ว่าเป็นหายนะหรือโชคดีของจือเยว่ และไม่รู้ว่าเป็นความเศร้าหรือความสุขของตระกูลซู
ซูจือเยว่และซูหมิ่นเดินไปที่โต๊ะของแขกฝ่ายหญิง ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวยจะมีคนอิจฉาสักกี่คน?
ซูหมิ่นปรากฏตัวที่ทางเข้าโต๊ะแขกฝ่ายหญิง และเห็นซูเฉี่ยนเยว่ ฟางหลานซิน และฟางจู๋อวิ๋นรออยู่ที่ประตู และเมื่อเห็นผู้มาใหม่ พวกนางก็ทักทายอย่างตื่นเต้นทันที “ทักทายหมิงตูจวิ้นจู่”
งานแต่งงานครั้งใหญ่ของฟางเจิ้งสิง จวิ้นจู่ทั้งสามมาและครอบครัวหมิงอ๋องก็มาด้วย อนาคตของตระกูลฟางนั้นไร้ขีดจำกัด!
ทุกคนออกมาแสดงความเคารพทีละคน ซูหมิ่นยืนอยู่ด้านข้างซูจื่อเย่ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข
“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ ท่านมาส่งจวิ้นจู่หรอกหรือ” เมื่อเห็นพี่ชายตนเอง ซูเฉี่ยนเยว่ก็หยอกเย้าเขาทันที นางมองระหว่างทั้งสองคนด้วยสีหน้าล้อเลียน
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหมิ่นก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ แก้มขึ้นสีแดงปลั่งอย่างเขินอาย และหันไปมองซูเฉี่ยนเยว่เขิน ๆ จากนั้นก็หันหน้าไปมองซูจือเยว่และเตรียมพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องพบว่าสายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่ตัวเองเลย
นางไม่เคยเห็นการแสดงออกเช่นนี้บนใบหน้าของซูจือเยว่
หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นว่าความกังวลบนใบหน้าของซูจือเยว่หายไปถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น สัมผัสได้ถึงความสุข และความเขินอาย
สีหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้น ไม่มีสีหน้ารังเกียจและเฉยเมยแบบเมื่อครู่นี้อยู่ สีหน้าของเขาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ
เขาเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ส่วนอีกมือข้างลำตัวกำแน่น
เหมือนกับ
ทุกครั้งที่ตัวเองเห็นเขาก็รู้สึกดีใจ ตื่นเต้นจนอยากจะโบยบินออกไป
ทั้งคิดถึงและอยากเจอ
สีหน้าของซูหมิ่นมืดลง ลมหายใจติดขัด นางมองตามสายตาของเขา และสิ่งที่เห็นทำให้นางแทบเสียสติ