ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1767 ลูกสาวสายรองมาจากไหน
บทที่ 1767 ลูกสาวสายรองมาจากไหน
นายหญิง ยินดีต้อนรับเข้ามา
ดูเหมือนว่านางยังคงประเมินตระกูลหลูสูงเกินไป เดิมทีนางคิดว่าหลูเหวินซินเป็นเศษโคลนที่ไม่สามารถเกาะกำแพงได้ แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าฮูหยินหลูเองก็จะเป็นเช่นนั้น
“ตึง!
เสียงกลองดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวและรุนแรงจนทำให้ทุกคนตกใจ ลานหน้าบ้านซึ่งยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ในขณะนี้ก็เงียบลงในทันใด ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้โต้ตอบ พลันได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจ “ท่านพ่อ วันนี้คืองานมงคลของท่าน ลูกสาวคนนี้จะไม่มารวมงานได้อย่างไร”
ทุกคนมองไปยังทิศทางของเสียง ก็เห็นสตรีผู้หนึ่งดวงหน้างดงาม ริมฝีปากผลิยิ้มเบิกบาน เดินนวยนาดเข้ามา
หญิงสาวแต่งกายชุดสีแดดสดใสสวมทับด้วยเสื้อกันลมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว ขาวเนียนราวหิมะ และนางงดงามราวกับนางสวรรค์ที่จุติลงมายังพื้นโลกทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้
ฟางเจิ้งสิงคนนี้โชคดีจริง ๆ ที่มีลูกสาวงดงามเช่นนี้ อย่างไรก็ตามใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ไม่คุ้นเคยนัก ราวกับไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ช้าก่อน…
นางเรียกฟางเจิ้งสิงว่าพ่องั้นหรือ?!
นางบอกว่าตนเองเป็นลูกสาวของฟางเจิ้งสิง
แขกเหรื่อที่เคยเห็นลูกสาวสายรองของฟางเจิ้งสิง มองหญิงสาวที่ปรากฏตัวใหม่ตรงประตู ก่อนจะหันกลับไปมองฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋น
ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นเองก็งดงามราวกับดอกไม้ แต่เนื่องจากพวกนางเป็นลูกสาวของอนุภรรยา ฐานะของนางจึงไม่สูงนัก ในทางกลับกันหญิงสาวที่มาใหม่ มีดวงตาอ่อนโยน กิริยาอ่อนช้อย รอยยิ้มหยาดเยิ้มรวมแล้วสง่างาม จนพวกเขาไม่อาจหาข้อบกพร่องของนางได้
แต่หญิงคนนี้มาจากไหนกัน
ทุกคนมองไปที่ฟางเจิ้งสิงอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะนี้ฟางเจิ้งสิงก็ตกตะลึงเช่นกัน
หญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ดูคุ้นตานัก นางคือ…
เขาเคยพบนางที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?
แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก คนที่มีเจตนาดีก็หัวเราะออกมาดังลั่น “ใต้เท้าฟาง งานในวันนี้ไม่คาดคิดว่าลูกสาวของท่านมาปรากฏตัว”
ฟางเจิ้งสิงมีลูกสาวสามคน เรื่องนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดี
ลูกสาวอีกสองคนเกิดกับหลิวเนี่ยนโหรว ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นมีอายุน้อยกว่าฟางเพ่ยหยาไม่กี่ปีเองก็ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูบุคคลนั้นด้วยความประหลาดใจ
ในเรื่องความสวยอาจจะก้ำกึ่ง แต่ท่าทางของหญิงสาวผู้นั้นดูสง่าผ่าเผยราวกับมาจากตระกูลผู้มั่งคั่ง นางคือใครกันแน่?
“ใต้เท้าฟางโชคดีจริง ๆ ได้แต่งงานกับสาวสวยและมีลูกสาวที่งดงาม ข้าไม่รู้ว่าใต้เท้าฟางซ่อนลูกสาวสายรองคนนี้ไว้ที่ใด ลูกสาวหน้าตางดงามเช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่ต่างจากแม่ของนางมากนัก”
คนที่พูดคือขุนนางอีกคนหนึ่งซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกับฟางเจิ้งสิง เมื่อเห็นว่าฟางเจิ้งสิงประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่สวยและมีลูกสาวผู้งดงามปรากฏตัว จึงคิดถึงในตอนนั้นที่ฟางเจิ้งสิงพาลูกสาวสองคนอายุน้อยกว่าฟางเพ่ยหยากลับมาบ้าน มันยังพอเข้าใจได้เรื่องที่ผู้ชายมีเล็กมีน้อยนอกบ้าน แต่นี่…
ในครอบครัวยังมีภรรยาและลูก ๆ อย่างน้อยควรจะมีคำว่า ‘ซื่อสัตย์’ บ้าง
“ใต้เท้าฟางยังคงแข็งแรง บางทีอาจจะมีเด็กสาววันนี้ปรากฏตัวและอ้างว่าเป็นลูกเขาอีกก็ได้” มีคนเยาะเย้ยฟางเจิ้งสิงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
เมื่อฟางเจิ้งสิงได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมน
“เจ้าเป็นใคร ข้าไม่รู้จักนาง ลากนางออกไปซะ” ฟางเจิ้งสิงชี้ไปที่หญิงสาวคนนั้นและตะโกนอย่างเดือดดาล
ความสุขของเขาในวันนี้ถูกทำลายโดยบุคคลนี้อย่างสมบูรณ์
ฟางเจิ้งสิงจะไม่โกรธได้อย่างไร?
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถหาคำพูดมาหักล้างคนที่ด่าเขาได้
เขาทำได้เพียงจ้องมองหญิงสาวแปลกหน้า อยากจะโยนนางไปให้พ้น ๆ หน้า เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ทันใดนั้นผู้ดำเนินพิธีก็ตะโกนขึ้น “จบพิธี เข้าหอได้!”
ถ้าฟางเจิ้งสิงจำนางไม่ได้ ใครจะทำอะไรเขาได้
วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งของเขา คนที่เยาะเย้ยเขาเมื่อครู่ หลังจากเห็นสีหน้าฟางเจิ้งสิงมืดมนลง ก็พบว่าเป้าหมายของพวกเขาสำเร็จแล้ว
หลังจากเสียงของผู้ดำเนินพิธี ทุกคนก็ละสายตาจากหญิงสาวคนนั้น เบนสายตาไปยังเจ้าสาวในชุดสีแดงกลางห้องโถงใหญ่
“เข้าห้องหอ เข้าห้องหอ” เด็ก ๆ ที่ไม่รู้เรื่องมากนัก เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็ถึงเวลาเข้าหอ ก็ตบมือและหัวเราะร่า
ไม่รู้ว่าเหตุใดภายในงานเฉลิมฉลองนี้มีเด็กน้อยมาจำนวนไม่น้อย
ทุกคนสวมเสื้อผ้าสีแดงสดใสดูน่ารักน่าชัง
ฟางเพ่ยหยาจ้องมองที่ฟางเจิ้งสิงอย่างตั้งใจ ดวงตาของนางจับจ้องที่เขาไม่ละสายตา
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ข้างหลังฝูงชนในขณะนี้ เห็นฟางเพ่ยหยายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางฝูงชน
เมื่อนึกถึงการจากไปของนาง อีกฝ่ายจับมือตัวเองและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ท่านพี่ ไม่ต้องห่วง ข้าโตแล้ว ถึงเวลาที่ข้ากับท่านแม่จะต้องตัดขาดกับเขาเสียที”
การแสดงออกของนางหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว
นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างภาคภูมิด้วยท่าทางสงบนิ่งราวกับลูกธนูที่พร้อมจะพุ่งออกไป โดยไม่มีมีความขี้ขลาด
นี่คือลักษณะของลูกสาวสายตรง
ฟางเพ่ยหยายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนพลางมองไปที่แขกรอบตัวนาง จากนั้นมองไปที่ฟางเจิ้งสิงซึ่งกำลังดึงผ้าไหมสีแดงสด และประคองเจ้าสาวเข้าห้องหอ
เขายิ้มกว้างจนดวงตาของเขามีรอยย่น นางไม่เคยเห็นฟางเจิ้งสิงยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้มาก่อน
………………..