ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 177 ขายไม่ออก
บทที่ 177 ขายไม่ออก
บทที่ 177 ขายไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นแค่ลูกจ้างในร้านและคนกวาดพื้น เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจต่อพวกกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ไม่สามารถขัดใจเหมียวเอ้อร์ได้ ตอนนี้เถ้าแก่ไม่อยู่ เหมียวเอ้อร์คนนี้คือคนดูแลร้านอาหารนี้ ถ้าบังเอิญทำให้เขาขุ่นเคือง ก็อย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา และต้องเก็บของออกจากที่นี่
กู้เสี่ยวหวานนิ่งสงบ ตั้งแต่เริ่มเหมียวเอ้อร์ทำตัวเอ้อระเหยจนมาช้า และท่าทางของเขายังหยิ่งผยอง นางรู้ว่าเมื่อคนคนนี้มาก็คงไม่มีเรื่องดีเป็นแน่ และที่หน่อไม้ราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่งก็เห็นได้ชัดว่าเหมียวเอ้อร์นี่ไม่ต้องการรับ และจงใจกดราคา
กู้เสี่ยวหวานมีท่าทีสงบนิ่ง เผชิญหน้ากับเหมียวเอ้อร์ที่หน้าไหว้หลังหลอก นางก็ไม่มีสีหน้าที่ดีอีกต่อไป และเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าต้องการพบเถ้าแก่หลี่!”
“นังขอทานเด็ก! ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร หากต้องการพบเถ้าแก่หลี่ก็รออยู่ที่ประตู!” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้เห็นตนอยู่ในสายตา เหมียวเอ้อร์ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ข้าอยากพบเถ้าแก่หลี่!” กู้เสี่ยวหวานพูดอีกครั้ง
“ขอทานตัวน้อย อย่าคิดว่าเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่สะอาดสะอ้าน จะยกตัวเองเป็นคุณหนูได้ อย่างไรเจ้าก็คงเป็นขอทาน เถ้าแก่ของเราไม่อยากพบเจ้า รีบไสหัวไป!”
ลูกจ้างรู้สึกกระวนกระวายใจ เถ้าแก่ไม่อยู่ร้าน เขาบอกเมื่อใดกันว่าไม่อยากเจอสาวน้อยคนนี้?
เมื่อเห็นว่าเหมียวเอ้อร์ไม่ต้องการซื้อหน่อไม้ของตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็ดึงท่านป้าจางและฉือโถวให้เดินออกไป จากนั้นเหมียวเอ้อร์ก็ตะโกนด้วยความโกรธจากด้านหลัง “ขยะไร้ประโยชน์ คราวหน้าคราวหลังอย่าเรียกขอทานมาที่ร้านอีก ถ้าอะไรหายไป เจ้าจะต้องชดใช้!”
ลูกจ้างในร้านรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย หากแต่ต้องรีบรับปาก
กู้เสี่ยวหวานและท่านป้าจางเดินออกมา ร้านจิ่นฝูแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองและมีคุณภาพมากที่สุด แต่ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการมัน ลู่ทางการขายหน่อไม้จะกลายเป็นปัญหา ท่านป้าจางขมวดคิ้วกังวลเมื่อมองดูหน่อไม้บนเกวียนวัว พลางถอนหายใจ “จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี!”
ฉือโถวดูเฉยเมย “ท่านแม่ขอรับ ถ้าขายไม่ได้ก็กินเองเลยสิ อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนเราไม่เคยคิดจะทำเงินจากสิ่งนี้อยู่แล้ว!”
“ท่านป้าจาง ลองไปร้านอาหารอื่นกันเถอะ และดูว่าพวกเขาต้องการหรือไม่!” กู้เสี่ยวหวานไม่อยากให้ท่านป้าจางร้อนใจเช่นนี้ จึงรีบเอ่ยปลอบนาง
“ใช่ พวกเรารีบไปดูกันเถอะ!”
พวกกู้เสี่ยวหวานทั้งสามคนมาที่ร้านซุ่นซินที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งกู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่ามันไม่ได้แย่ แม้ร้านอาหารนี้จะดูไม่หรูหราเท่าร้านจิ่นฝู แต่เมื่อมองจากภายนอกการตกแต่งก็ประณีตมาก ถือได้ว่าเป็นร้านอาหารที่ดีอีกร้านหนึ่งในเมืองนี้
ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนลูกจ้างในร้านที่ประตูกำลังพูดกับชายที่ถือถังสองใบว่า “หน่อไม้ค่อนข้างสด แต่ขุดมาน้อยไปหน่อย คราวหน้าอย่าลืมขุดเพิ่ม รู้หรือไม่?”
ชายผู้นี้มีความสุขมากเมื่อเห็นว่าหน่อไม้ของเขาขายหมดแล้ว และตอบอย่างรวดเร็วว่า “รู้แล้ว ๆ คราวหน้าข้าจะขุดให้มากกว่านี้อีก!”
กู้เสี่ยวหวานเห็นแล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ดูสิ ร้านอาหารนี้รับซื้อหน่อไม้ และฟังจากน้ำเสียงของเขา คิดว่าคนอื่นคงให้น้อยเกินไป เราไปที่นั่นกันเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานกำลังจะเข้าไปข้างใน แต่ถูกฉือโถวรั้งไว้ ทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกงงงวย ท่านป้าจางจึงกล่าวว่า “เสี่ยวหวาน ลุงของเจ้าเป็นพนักงานบัญชีในร้านอาหารนี้!”
อย่างนี้นี่เอง
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ในเมืองนี้ ร้านอาหารที่ใหญ่และดีที่สุดคือร้านจิ่นฝู ร้านอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองและดีที่สุดรองลงมาควรเป็นร้านซุ่นซิน แต่ลุงของเจ้าทำงานที่นี่ เจ้าและเขามีเรื่องบาดหมางกัน พวกเราไม่เข้าไปจะดีกว่า!” ท่านป้าจางแนะนำ
“ท่านแม่ของข้าพูดถูก! เสี่ยวหวาน เจ้าลองไปดูที่อื่นดีกว่า ถ้าเราไม่สามารถขายมันได้จริง ๆ เราจะแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เอามาขาย”
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานกลับไม่เห็นด้วยและรั้งท่านป้าจางที่กำลังจะออกเอาไว้ “เขาเป็นคนทำบัญชีที่นี่ไม่ใช่เถ้าแก่ร้าน!”
ท่านป้าจางและฉือโถวไม่สามารถต้านทานกู้เสี่ยวหวานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปในร้านอาหาร ทันทีที่ถึงประตู ก่อนก้าวเข้าไปก็ถูกชายที่ดูเหมือนลูกจ้างในร้านเดินเข้ามาขวาง “คนมาที่นี่คือ…ร้านเรายังไม่เปิด มากินข้าวเร็วไปหน่อย…”
“พี่ชาย เราอยากมาดูว่าร้านอาหารของท่านรับหน่อไม้หรือไม่”
ลูกจ้างหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นว่าคนพวกนี้มาส่งหน่อไม้ “ช่างรู้สึกดีจริง ๆ หน่อไม้พวกนี้ ช่วงนี้ขายดีมาก ในร้านของข้าใช้หน่อไม้หลายร้อยชั่งในหนึ่งวัน! คนที่มาส่งเมื่อสักครู่นี้มีหน่อไม้ไม่พอจริง ๆ ดีล่ะ พวกเจ้ามีเท่าไร?”
“ในเกวียนมีเยอะมาก…” เมื่อเห็นว่ามีคนรับ ฉือโถวจึงรีบพาลูกจ้างในร้านออกไปดูหน่อไม้
ทันทีที่ฉือโถวหันกลับมา ลูกจ้างในร้านก็บังเอิญเห็นกู้เสี่ยวหวานที่ยืนอยู่ข้างหลังฉือโถว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเขาก็หายตัวไปทันที ท่าทางดูมีพิรุธ
“พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน?” ลูกจ้างในร้านค่อนข้างประชดประชันเล็กน้อย ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ด้านหลังมองดูลูกจ้างในร้านคนนี้ ลูกจ้างในร้านค่อนข้างไร้มารยาท และมองดูกู้เสี่ยวหวานตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อือ พวกเราอยู่ด้วยกัน!” ฉือโถวไม่รู้ว่าลูกจ้างในร้านคนนี้หมายถึงอะไร แต่ท่าทางของลูกจ้างในร้านคนนี้เปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศาจากเมื่อสักครู่จนทุกคนมองเห็นได้ชัดเจน
“ไป ๆๆ!” ลูกจ้างในร้านได้เปลี่ยนท่าทีเป็นดูรำคาญ และเชื้อเชิญคนเหล่านี้ออกไป
“หืม? เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” แม้ว่าฉือโถวจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่ท่าทางของลูกจ้างในร้านก็เปลี่ยนไปเร็วเกินไป
“มีอะไรหรือ?” ลูกจ้างในร้านมองอย่างรำคาญ “ข้าไม่ต้องการหน่อไม้ของเจ้าแล้ว ทำไมรึ?”
“เมื่อครู่พวกเราเพิ่งเห็นว่ามีคนมาส่งหน่อไม้ พวกท่านไม่รับซื้อไว้สักหน่อยหรือ? ยังบอกว่าคนอื่นขุดน้อยไป เราเห็นแล้วก็เลยรีบเข้ามา และถามว่าท่านยังต้องการมันอีกหรือไม่?” ฉือโถวกล่าว
“ไป ๆๆ คนคนนั้นมาส่งหน่อไม้มาที่นี่ทุกวัน แล้วมันก็แก่กำลังกินแล้ว อีกทั้งข้าไม่รู้จักเจ้า ถ้าหน่อไม้ที่เจ้ามาส่งมีอะไรผิดปกติและทำให้แขกของข้าปวดท้อง พวกเจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?” ลูกจ้างในร้านไม่แม้แต่จะมองไปที่ฉือโถว เขาไล่คนทั้งสามออกจากประตูแล้วหันหลังและเดินกลับไป
“เจ้า…”
“เกิดอะไรขึ้น?” ท่านป้าจางงุนงงเล็กน้อย การปรากฏตัวของลูกจ้างในร้านเมื่อสักครู่ทำให้นางรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม ลูกจ้างในร้านคนนี้ก็เปลี่ยนท่าทีของเขาในชั่วพริบตา
กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อสักครู่ไม่ได้พูดอะไรเลย หลังจากที่เดินไปรอบ ๆ ร้านซุ่นซิน นางก็รับรู้ทุกอย่างแล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ ไม่ง้อหรอก เสี่ยวหวานหาลู่ทางที่ดีกว่านี้ได้เมื่อไหร่แล้วจะเสียใจว่าทำไมวันนั้นไม่รับซื้อ
ไหหม่า(海馬)