ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1770 แย่งชิงสินสอด
บทที่ 1770 แย่งชิงสินสอด
“ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าฟางไม่ชอบลูกสาวคนนี้แม้แต่น้อย การอยู่กับนางแย่กว่าอยู่กับลูกสาวสายรองเสียอีก! ไม่ต้องพูดถึงภรรยาเอกเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นทำไมเมื่อนางล้มป่วย ใต้เท้าฟางจึงขอหย่าทันทีล่ะ! เหอะเหอะ ใจดำอำมหิต แม่ลูกคู่นี้ช่างน่าสงสารเสียจริง!”
ฮูหยินหลายคนชี้ไปยังสตรีผู้ยืนอยู่กลางลาน พลางกระซิบกระซาบ
ตระกูลร่ำรวยมักให้ความสำคัญกับความแตกต่างระหว่างภรรยาเอกและอนุภรรยาเสมอ ภรรยาเอกก็คือภรรยาเอก และอนุภรรยาก็คืออนุภรรยา แม้ว่าจะรักสามแม่ลูกนี้มากแค่ไหน แต่เรื่องสถานะจะข้ามหน้าข้ามตากันไม่ได้!
แต่ตระกูลฟาง…
ลูกสาวสายรองที่เกิดจากอนุภรรยาดูถูกลูกสาวสายตรงตามอำเภอใจต่อสายตาผู้คนถึงเพียงนี้ หากเป็นที่รโหฐานล่ะจะขนาดไหน…
“เหอะเหอะ ปฏิบัติต่อพี่สาวคนโตอย่างไรมารยาทต่อหน้าพวกเรา ถ้าอยู่ในที่ลับตาคน ไม่รู้ว่านางจะถูกรังแกได้อย่างไรบ้าง ไม่แปลกใจเลยในตอนที่พวกเขาหย่ากัน คุณหนูใหญ่ตระกูลฟางจึงตัดสินใจตามมารดากลับตระกูลหลู ถ้าเป็นลูกข้า ข้าก็จะพานางกลับไปกับตน!”
ทุกคำพูดต่างประณามการกระทำฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นที่ปฏิบัติต่อพี่สาวตนเองอย่างโหดร้าย ลูกสาวสายรองเคยชินกับการวางอำนาจบาตรใหญ่ในตระกูลฟาง ตอนนี้นางแค่ทำตามสิ่งที่เคยชิน แต่รู้ได้อย่างไรว่าทันทีที่นางเอ่ยปาก พวกนางจะตกเป็นเป้าของการวิจารณ์!
ฟางจู๋อวิ๋นเป็นคนแข็งนอกอ่อนในและค่อนข้างขี้ขลาดในฐานะลูกสาวสายรอง ก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะวางอำนาจใส่ฟางเพ่ยหยา
ฟางหลานซินรู้สึกหงุดหงิดกับคำตำหนิติเตียนของทุกคน แต่นางมีไหวพริบดีกว่าฟางจู๋อวิ๋น จึงรีบปรับทัศนคติและหยุดคุยกับฟางเพ่ยหยา พลางมองไปยังเหล่าชายฉกรรจ์ในห้องโถง ก็เห็นพวกเขาลากคนรับใช้ของจวนไปด้านข้าง อีกส่วนรีบเปิดกล่องสินสอดทองและตรวจสอบรายการในมือทีละอย่าง
เมื่อบางคนพบรายการที่ต้องการก็นำของเหล่านั้นใส่ลงกล่องใบใหญ่ที่เขานำมา
ดูท่าแล้วดูเหมือนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อชิงสินสอดทองหมั้น!
การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล่องแคล่ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเจอสิ่งของทุกชิ้นจากกล่องสินสอดได้
มีกล่องอื่น ๆ ในห้องโถงด้านข้างซึ่งเป็นสินสอดที่หวงหรูซื่อนำมาจากตระกูลหวง คนเหล่านั้นเคลื่อนย้ายเพียงสินสอดทองหมั้นจากตระกูลฟางเท่านั้น
ทุกคนมองดูคนเหล่านั้นเหมือนมดย้ายบ้าน และภายในเวลาไม่นาน ของขวัญหมั้นกว่าสิบอย่างก็ว่างเปล่า คนเหล่านั้นดูจะไม่พอใจและย้ายไปที่สินสอดชุดต่อไป
คนเหล่านั้นก็ประหลาดใจเช่นกัน หลังจากเปิดกล่องพวกเขาแค่คุ้ยหามันอย่างสบาย ๆ บางคนแค่ดูแล้วก็ปิดกล่องทันทีโดยไม่แตะต้องมัน
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับของในกล่อง
ตอนนี้ภายในกล่องสินสอดวางเปล่า แต่กล่องขนาดใหญ่ที่พวกเขานำมาเต็มไปด้วยของอัดแน่น
“ใครก็ได้ แย่งของกลับมา รีบจับคนพวกนี้เร็ว!” ฟางหลานซินรู้ว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเสียงดัง “ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ท่านสร้างปัญหามากพอแล้วหรือยัง? ปกติสร้างเรื่องก็มากพอแล้ว ท่านไม่รู้จริงหรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
ฟางหลานซินรู้สึกเกลียดชังเมื่อมองไปที่ฟางเพ่ยหยา นางเกลียด!
คำพูดไม่กี่คำของนางได้อธิบายฟางเพ่ยหยาว่าเป็นคนที่หยิ่งยโส และไม่มีเหตุผลซึ่งทำตามใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม และเนื่องจากนางสามารถตำหนิฟางเพ่ยหยาได้ในตอนนี้ ทำให้นางได้รับชื่อเสียงเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าลูกสาวสายรองอยากจะตำหนิลูกสาวสายตรง แต่คุณหนูใหญ่คนนี้งี่เง่ามากเกินไป!
ตอนนี้ทุกคนที่กลับมารู้สึกตัวก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ลูกสาวคนนี้ก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของท่านพ่อของนาง นี่…
ลูกสาวคนนี้ทำเกินไปจริง ๆ
ไม่น่าแปลกใจที่ใต้เท้าฟางจะไม่ชอบนาง ลูกสาวสายตรงนิสัยแบบนี้ เรียกได้ว่าเกลียดชังนางด้วยเลยซ้ำ!
มีคนชี้ไปที่ฟางเพ่ยหยาและสาปแช่ง “ในฐานะลูกสาวสายตรงตระกูลฟาง ท่านจะก่อความวุ่นวายในวันสำคัญของท่านพ่อตัวเองได้อย่างไร? ทำไมถึงไร้มารยาทเช่นนี้! ไม่น่าแปลกใจที่จะไม่เป็นที่โปรดปรานในตระกูลฟางก็เพราะเป็นคนหยาบคายและไม่มีเหตุผลเช่นนี้อย่างไรเล่า!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่มารดาของเจ้าถูกหย่า เลี้ยงลูกสาวอย่างไรให้กลายเป็นคนแบบนี้ หลูเหวินซินเป็นคนอย่างไรกัน ถ้าเป็นข้าข้าก็จะหย่าเหมือนกัน!”
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นว่าฟางเพ่ยหยาเป็นคนไม่มีเหตุผล
ฟางหลานซินและฟางจู๋อวิ๋นเห็นว่าทุกคนกำลังกล่าวหาฟางเพ่ยหยาดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมโทษในการกล่าวหาลูกสาวสายตรงไปเสียสิ้น
“เจ้าไม่ได้บอกว่าต้องการเอาของของท่านแม่เจ้าไปหรอกหรือ? เจ้ามายุ่งกับของของท่านแม่ข้าตามอำเภอใจได้อย่างไร? ท่านแม่เพิ่งแต่งเข้ามา เจ้าก็ทำให้ท่านพ่อท่านแม่อับอายแล้วหรือ? เจ้านี่ไม่รู้เรื่องเสียเลย!” ฟางจู๋อวิ๋นกล่าวหาด้วยความขุ่นเคือง
“โอ้? ข้าไม่รู้เรื่องหรือ?” ฟางเพ่ยย่าหันศีรษะพลางแสยะยิ้ม เห็นได้ชัดว่านางยังเป็นคนเดิม เพียงแต่หลังจากน้ำหนักลดลงนางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้น ใบหน้าอวบอ้วนแทบจะปิดดวงตาของนาง แต่ตอนนี้เมื่อนางผอมลงแล้ว ดวงตาคู่เฉียบคมราวกับว่าสามารถมองทะลุถึงจิตใจของผู้คนได้
พี่น้องฟางหลานซินมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นและอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
“ข้ามาที่นี่เพื่อเอาของของท่านแม่ ข้าทำอะไรผิดกัน?” ฟางเพ่ยหยาหัวเราะ แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตา
“ไร้สาระ นั่นมันสินสอดของท่านแม่ข้า มันเป็นของท่านแม่เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ฟางเพ่ยหยาเหยียดนิ้วเรียวยาวของนาง ชี้ไปฉากที่มีผู้คนพลุกพล่านและขมวดคิ้ว “แล้วสินสอดของท่านแม่ข้ากลายเป็นสินสอดของท่านแม่เจ้าได้อย่างไรล่ะ?”
คำพูดของฟางเพ่ยหยาเหมือนกับสายฟ้าผ่าทำให้ทุกคนตกตะลึง
อะไรนะ?
สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทองหมั้นของฮูหยินฟางคนก่อน?
“ไร้สาระ นี่เป็นสินสอดทองหมั้นที่ท่านพ่อเตรียมไว้!” ฟางจู๋อวิ๋นตวาดลั่นด้วยวความโกรธ
ในพริบตา คนเหล่านั้นก็บรรจุกล่องเต็มแน่นไปราวสามสิบสี่สิบกล่อง และการเคลื่อนไหวของเขาก็ยังไม่หยุด และยังตามหาของต่อไป
………………..