ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1771 ทั้งหมดนี่เป็นของมารดาข้า
บทที่ 1771 ทั้งหมดนี่เป็นของมารดาข้า
คนรับใช้ของตระกูลฟางเองก็ใช่ว่าจะไม่มีใครก้าวไปข้างหน้า แต่ว่าคนสิบกว่าคนนั้นแต่ละคนเหมือนผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ คนรับใช้ของตระกูลฟางสู้รบปรบมือด้วยก็หมดแรงอย่างรวดเร็วง่ายดาย ห้องโถงใหญ่มีเสียงอึกทึกครึกโครม หลังจากใช้เวลาสักพักก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าอีก
ส่วนแขกเหรื่อที่มาแสดงความยินดีก็ยิ่งไม่มีทางก้าวเข้าไปจัดการเรื่องนี้ อย่างมากก็แค่มองดูความคึกคักและพูดคุยสนทนากันเพียงเท่านั้น
“นั่นเป็นสินสอดที่ท่านพ่อเตรียมไว้ แต่ว่าทั้งหมดนั้นเป็นสินเดิมของแม่ข้า ตอนนี้ข้ามาเอาของของแม่ข้ากลับไปคืนให้เจ้าของเดิม!”
ฟางเพ่ยหยาโบกกระดาษสีแดงที่ซีดจางแผ่นหนึ่งในมือพร้อมกับรอยยิ้มหยันที่มุมปาก
ในสวนเล็กๆ ที่เงียบสงบ หลิวเนี่ยนโหรวถือโถน้ำร้อนอยู่ในมือวางไว้ในอ้อมแขนและเอนหลังอยู่บนตั่งนุ่มหลับตาพักผ่อนอย่างสบาย
“อี๋เหนียง อี๋เหนียง…” ตงเสวี่ยกลับมาจากข้างนอกเหงื่อแตกพลั่กไปทั่วทั้งตัว
“เกิดอะไรขึ้น? ตกใจหมดแล้ว!” หลิวอี๋เหนียงเห็นท่าทางที่ลนลานของนาง จึงลืมตาขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“อะ…อะ…”
“อะ อะ อะไร? ตื่นตระหนกจนลนลาน ท่าทางเลอะเทอะอะไร!” หลิวเนี่ยนโหรวขึงตามองนางอย่างไม่พอใจ
ตงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าสองรอบอย่างแรง และพูดในรวดเดียวว่า “อี๋เหนียง คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว…”
ตงเสวี่ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่ว่าหญิงสาวผู้นั้นอ้างว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่ และยังเปิดเผยไฝดำที่หลังหูออกมา ไม่อย่างงั้นแล้วผู้ใดจะรู้ว่านั่นคือคุณหนูใหญ่!
พอเปลี่ยนไปแล้วก็ดูดีมากเหลือเกิน ยังจะอ้วนและขี้เหร่เหมือนตอนนั้นอยู่เสียที่ไหน!
“นางกลับมาแล้ว?” หลิวเนี่ยนโหรวได้ยินว่าฟางเพ่ยหยากลับมาแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้นทันที โถน้ำร้อนที่อยู่ในมือนั้นก็ไม่ต้องการแล้ว ถือโอกาสลุกยืนขึ้นแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วจริงรึ? ตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่?”
“นาง…นางกำลังแย่งสินเดิมของฮูหยินอยู่เจ้าค่ะ” ในตอนนี้อารมณ์ของตงเสวี่ยก็เป็นปกติแล้ว จึงรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้หลิวเนี่ยนโหรวอย่างไม่มีตกหล่น
เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ คนของตระกูลหลูคงนั่งไม่ติดแล้ว
สินสอดในแปดสิบแปดกล่อง มีห้าสิบแปดกล่องที่เป็นสินเดิมของหลูเหวินซิน ผู้ใดยังจะนิ่งทนเฉยได้กัน!
นี่ไม่ใช่ว่ามาก่อเรื่องวุ่นวายแล้วรึ!
“คนของตระกูลหลูไม่มีผู้ใดมา คุณหนูใหญ่มาเพียงคนเดียวพร้อมกับคนรับใช้อีกสิบกว่าคนเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่ที่ขี้ขลาดผู้นี้มีความกล้ามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ถึงได้กล้ามาขอสินเดิมกับนายท่านเพียงผู้เดียว?” หลิวเนี่ยนโหรวหัวเราะเยาะ
ตงเสวี่ยขมวดคิ้ว
ไม่เพียงแต่จะกล้าหาญมากขึ้นเท่านั้น แต่คนก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน!
“ใช่แล้ว คุณหนูใหญ่นาง. . . เปลี่ยนไปมากเจ้าค่ะ!” ตงเสวี่ยพูดอย่างอ้ำอึ้งและมองไปที่หลิวเนี่ยนโหรวด้วยความหวาดกลัว
“คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร คุณหนูใหญ่ที่ขี้กลัวหัวหดผู้นี้เห็นว่ามารดานางยังมีสินเดิมอยู่มากมาย จะไม่เปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน! อย่าเห็นว่าสิ่งของพวกนั้นมีอายุหลายปีแล้ว แต่ว่าแต่ละชิ้นล้วนเป็นของเก่าแก่โบราณทั้งนั้น! ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าต้องการแสดงอำนาจให้ฮูหยินที่มาใหม่ ข้าก็ทนไม่ได้ที่ต้องทิ้งของมากมายตั้งขนาดนั้นไปเช่นกัน!” หลิวเนี่ยนโหรวพูดอย่างดุร้าย ในดวงตามีความโหดเหี้ยมพาดผ่าน
ตงเสวี่ยพูด “อี๋เหนียง คุณหนูใหญ่…นาง…นางเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!”
หลิวเนี่ยนโหรวไม่ได้อยากรู้ว่าฟางเพ่ยหยานั้นเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว จะไม่เปลี่ยนไปได้หรือ? มารดาถูกขับไล่ให้ออกไปจากตระกูลฟาง บุตรสาวสายตรงของตระกูลฟางก็กลายเป็นลูกพี่ลูกน้องอาศัยอยู่กับผู้อื่นในตระกูลหลู ถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลง เกรงว่าแม้แต่เศษกระดูกก็ถูกคนอื่นเอาเปรียบแล้ว!
หลิวเนี่ยนโหรวอารมณ์ดีมาก จึงโบกมือพูดว่า “เอาเถอะ เจ้าก็ไม่ต้องคอยไปสอดส่องด้านหน้าแล้ว ปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหาเถอะ ยิ่งวุ่นวายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
เมื่อถึงเวลานั้นคนของตระกูลหลูเอาสินสอดไปห้าสิบแปดหาม สามสิบหามที่เหลือและยังมีสินเดิมที่ติดตัวของตระกูลหวงอีกยี่สิบหาม ก็เหลือเพียงแค่ห้าสิบหามเท่านั้น
จุ๊จุ๊ เก้ามิ่งฟูเหรินผู้หนึ่ง แต่งงานอย่างยากจนแร้นแค้นเช่นนี้ ถ้าหากพูดออกไป กลัวว่าจะมีคนตั้งเท่าไหร่ที่หัวเราะกันลั่น!
นึกถึงตอนนั้นที่นายท่านต้อนรับอนุภรรยาอย่างตัวเองเข้าประตูก็ให้เงินเป็นของขวัญสามสิบแปดหามแล้ว เมื่อขอแต่งงานกับฮูหยินรองผู้หนึ่งเข้าประตูก็ให้แค่สามสิบแปดหาม ฮ่าฮ่าฮ่า คิดแล้ว หลิวเนี่ยนโหรวก็เรียกได้ว่าสะใจเสียจริง
“แต่ว่าอี๋เหนียง คุณหนูสองกับคุณหนูสามยังโต้เถียงกับคุณหนูใหญ่อยู่ด้านหน้า จะให้พวกนางกลับมาหรือไม่เจ้าคะ?” ตงเสวี่ยถามอย่างกังวลใจ
คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปมาก นางมีลางสังหรณ์ว่าวันนี้คุณหนูสองและคุณหนูสามไม่สามารถสู้คุณหนูใหญ่ได้อย่างแน่นอน
“ปล่อยให้พวกนางสร้างปัญหาเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นฮูหยินคนใหม่จะได้ไม่สงสัยพวกเรา ข้าอยากให้เด็กสองคนนั้นก่อความวุ่นวายจะแย่แล้ว!” หลิวเนี่ยนโหรวพูดอย่างไม่ไยดี
หลานซินและจู๋อวิ๋นไม่รู้เรื่องราว กลัวว่าในตอนนี้จะต้องเริ่มทะเลาะกับฟางเพ่ยหยาแล้ว ทะเลาะกันก็ดี เด็กสองคนนี้คิดแทนเพื่อชื่อเสียงของบิดามารดา ทะเลาะกับฟางเพ่ยหยา ผู้ใดจะพูดว่าไม่ดีแม้แต่ครึ่งคำ!
นอกจากนี้เด็กทั้งสองก่อความวุ่นวาย ถึงตอนนั้นหวงหรูซื่ออยากสงสัยก็มาสงสัยพวกนางไม่ได้แล้ว
ตงเสวี่ยอยากพูดอะไรบางอย่าง ตั้งแต่หลิวเนี่ยนโหรวตั้งครรภ์ก็มักจะง่วงนอนบ่อย ในตอนนี้ปิดปากหัวเราะฮ่าฮ่า พูดอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้าไปเถอะ ข้าจะนอนอีกสักพัก! ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรก็ไม่ต้องเรียกข้า!”
“เจ้าค่ะ!” ตงเสวี่ยรับคำสั่งแล้วประคองตัวลงไปเฝ้าตรงหน้าประตู
แต่ว่าในใจนั้นกลับมีความกังวลอยู่เล็กน้อย คุณหนูสองกับคุณหนูสามอยู่ลานด้านหน้าจะไม่เสียเปรียบอะไรใช่หรือไม่?
มองดูท่าทางที่ดุร้ายของคุณหนูใหญ่ในตอนนี้ แม้ว่าจะเปลี่ยนไปเป็นงดงามขึ้น แต่ว่าความเย็นชาในแววตานั้นเหมือนกับผีร้ายที่ปีนป่ายขึ้นมาจากขุมนรกแล้วมาเอาชีวิต!
ตงเสวี่ยนึกถึงดวงตาที่เฉียบคมคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา
ในลานด้านหน้า มีกล่องอื่นถูกบรรจุสินสอดจนเต็มมากกว่าห้าสิบกล่อง แต่ละกล่องถูกวางเอาไว้ด้านข้าง คนรับใช้คอยจ้องเขม็งเฝ้าอยู่ที่นั่นอย่างดุร้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้
งานมงคลนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนออกมาแย่งสินเดิมกลางคัน ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากเสียจริง
ที่พิเศษยิ่งกว่าคือการใช้สินเดิมของอดีตฮูหยินมาเป็นสินสอด จึงยิ่งพิเศษหาได้ยากยิ่งกว่า!
ทุกคนยืดคอออกไปดู ละครของตระกูลฟางสนุกเสียจริง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทําให้คนหวนนึกถึงไม่รู้จบ
“ลูกอกตัญญู เจ้ากำลังทำอะไร?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทุกคนหันหน้าไปก็เห็นฟางเจิ้งสิงสวมชุดแต่งงานสีแดง กลับมาจากลานด้านหลังด้วยสีหน้าโกรธจัด
หลังจากถามสาเหตุจนกระจ่างแล้ว ฟางเจิ้งสิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “มีเหตุผลอย่างนี้เสียที่ไหน ของของหลูเหวินซินทั้งหมดถูกส่งกลับไปที่ตระกูลหลูหลังจากที่หย่ากันตั้งนานแล้ว นางยังมีของเหลือทิ้งไว้ในตระกูลฟางที่ไหนกัน ข้าพูดไปเช่นนั้นก็แค่ไว้หน้านางเท่านั้น คาดไม่ถึงว่านางจะเอาบุตรสาวที่โง่เขลาไม่รู้ความมาวุ่นวายสร้างปัญหา มีอย่างเสียที่ไหนกัน!”
หวงหรูซื่อย่อมไม่ได้ยินเสียงของคนรับใช้ ตอนนี้นางเพิ่งจะถูกเลิกผ้าคลุมหน้าและกำลังนั่งอยู่ในห้องแต่งงานอย่างเขินอาย รอคอยให้ฟางเจิ้งสิงกลับมา
เมื่อเห็นฟางเจิ้งสิงออกไปด้วยสีหน้าที่ผิดปกติ หวงหรูซื่อเองก็ไม่ใช่คนโง่ จึงรีบให้สาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างคอยตามไปยังลานด้านหน้าด้วย!
เมื่อฟางเจิ้งสิงมาถึงห้องโถงใหญ่ สินสอดที่เขียนไว้บนใบรายการทั้งหมดก็เก็บกลับมาหมดแล้วพอดี
ทั้งหมดห้าสิบแปดกล่องล้วนว่างเปล่าหมด
ฟางเพ่ยหยาบรรจุใส่ในกล่องใบใหม่ ตอนนี้ก็มีคนเริ่มเลือกออกมาข้างนอกแล้ว
ฟางเจิ้งสิงเห็นว่าสินสอดที่เดิมทีวางไว้จนเต็มในห้องโถงว่างเปล่าไปครึ่งหนึ่งแล้ว กล่องเปล่ากองรวมอยู่ในที่เดียวกัน ผ้าไหมสีแดงที่ผูกอยู่บนกล่องก็ถูกฉีกโยนลงบนพื้นจนกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ
ทำร้ายคนยังไม่เท่าทำร้ายบุพเพสันนิวาสคนอื่น ก่อเรื่องในพิธีมงคลของคนอื่น นี่หมายความว่าต่อไปโชคชะตาบุพเพของตนเองจะพลิกผันไปในทางที่ไม่คาดฝันและจะไม่จบลงด้วยดี!
ฟางเจิ้งสิงเป็นคนที่เชื่อในเวรกรรมมากและก็เป็นคนที่รักษาหน้าตามากด้วย!
ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางไปหานักบวชลัทธิเต๋าเพื่อดูดวงชะตาก่อนแต่งงาน
นักบวชเต๋าคนนั้นได้บอกฤกษ์วันมงคล และยังบอกว่าถ้าหากสามารถอยู่เรือนหอเจ้าสาวในวันนั้นได้ จะต้องได้บุตรชายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยแล้ว จะต้องเลือกเด็กที่อายุสามสี่ขวบสองคนอวยพรให้มีลูกมีหลาน เช่นนี้จึงจะสามารถป้องกันความผิดพลาดได้
เขาแต่งงานกับหวงหรูซื่อมอบฐานะของหวงหรูซื่อเป็นฮูหยินรอง และได้มอบสินสอดให้หวงหรูซื่อแปดสิบแปดหาม สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อหน้าตา
ตอนนี้เขาเป็นขุนนางระดับสองและได้แต่งงานกับฮูหยินคนที่สอง พิธีแต่งงานนี้จะต้องคึกคักและไม่ทำให้ผู้อื่นดูถูก
ดังนั้นเขาจึงทำเช่นนี้มาตลอด ก็เพราะกลัวว่าผู้อื่นจะคิดว่าพิธีแต่งงานของเขานี้น่าขายหน้า
คิดไม่ถึงว่าระมัดระวังป้องกันแล้ว ก็ยังนึกไม่ถึงว่าบุตรสาวคนโตจะมาก่อเรื่อง
“ท่านพ่อ ท่านรีบมาจัดการเร็วเข้า พี่ใหญ่จะเอาสินเดิมของมารดาไปทั้งหมด! ลูกห้ามไว้ไม่ได้แล้ว!” ฟางหลานซินเห็นฟางเจิ้งสิงออกมาแล้ว จึงรีบก้าวเข้าไปดึงแขนเสื้อของฟางเจิ้งสิงและร้องไห้พลางพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฟางจู๋อวิ๋นเห็นพี่สาวเป็นเช่นนี้ก็ร้องไห้ตามขึ้นมา “ท่านพ่อ พี่ใหญ่นางพาคนมามากมาย บอกว่าของพวกนี้ทั้งหมดเป็นของมารดานาง ต้องการเอากลับไปทั้งหมด แต่ของพวกนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นท่านพ่อที่เตรียมไว้!”
ในที่สุดฟางเจิ้งสิงก็เข้าใจเหตุการณ์แล้ว
ฟางเพ่ยหยามาเอาของ ที่แท้ก็เพื่อมาเอาสินสอดพวกนั้น!
เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้ว ฟางเจิ้งสิงก็ยิ่งเดือดพล่านเป็นฟืนเป็นไฟ
“เจ้าก่อเรื่องพอแล้วหรือยัง?” สินเดิมและสินสอดถูกทำให้ยุ่งเหยิงจนระเกะระกะไปหมด แขกเหรื่อที่อยู่รอบด้านต่างพากันยืดคอออกมาดูเรื่องสนุก
บางคนยามปกติไม่ลงรอยกันก็ยิ่งมองตัวเองด้วยสายตาที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น