ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1781 กระเพาะปลาบรรจุเลือด
บทที่ 1781 กระเพาะปลาบรรจุเลือด
ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านของตัวเอง ถึงแม้จะเทียบกับจวนตระกูลฟางไม่ได้ แต่สองคนแม่ลูกก็มีที่อยู่ของตัวเอง ดีกว่าต้องไปอาศัยผู้อื่น!
ฟางเพ่ยหยาเห็นว่าเวลานางมีเรื่องอะไรกู้เสี่ยวหวานมักจะช่วยนางได้ทันเวลาเสมอ ในมีความซาบซึ้งอยู่ตลอด นางซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ว่า…เมื่อคิดว่าท่านพี่คงไม่อยากให้นางร้องไห้ จึงทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น เพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เพียงแต่ ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น กลั้นอย่างไรก็กลั้นไม่อยู่ กะพริบตาเพียงเล็กน้อย หยาดน้ำตาร้อนหยดลงบนหลังมือของกู้เสี่ยวหวาน!
ฟางเพ่ยหยากอดกู้เสี่ยวหวานแน่น ซุกหน้าร้องไห้อยู่ที่แผ่นหลังของกู้เสี่ยวหวาน “ท่านพี่ ขอบคุณ ขอบคุณท่าน!”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ผู้คนอยากร้องไห้ออกมา
ถานอวี้ซูเมื่อเห็นเหตุการณ์ จึงรุดขึ้นหน้าและกอดนางไว้ สะอื้นไห้และพูดอย่างตำหนิว่า “เจ้าไม่ต้องร้องไห้แล้ว เจ้าร้องเช่นนี้ ข้าก็อยากร้องตามเจ้า”
“อยากร้องก็ร้องเถอะ พวกเราร้องไห้ที่นี่ จะมีผู้ใดกล้าเอาไปพูดที่อื่น” กู้เสี่ยวหวานพูด ทั้งสามพี่น้องต่างพากันหัวเราะและร้องไห้ไปด้วยกัน จวนทั้งหลังเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ตอนนี้ที่ตระกูลฟาง กลับมีสถานการณ์ที่ตึงเครียด บรรยากาศมัวหมอง กดทับจนแทบจะหายใจไม่ออก
“หรูซื่อ เจ้าเปิดประตูหน่อย วันนี้เป็นวันสำคัญของเรา เจ้าอย่าโกรธไปเลยนะ!”
ฟางเจิ้งสิงพูดโน้มน้าวด้วยความร้อนรนใจ
แต่เสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ในห้องก็ไม่มีเลยสักนิด แม้แต่เสียงพูดคุยยังไม่มี
ฟางเจิ้งสิงรู้ว่าหวงหรูซื่อนั้นโกรธ นางจะไม่โกรธกันจะได้หรือไม่?
เพราะเกรงว่าถ้าเรื่องนี้ตกไปเป็นขี้ปากชาวบ้านคงจะได้กระอักเลือดตายเพราะความโกรธแน่
สินสอดตนเองถูกคนนำไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทั้งยังเรื่องพระราชโองการแต่งตั้งเรื่องตำแหน่งอีก คิดไม่ถึงว่าจะเขียนอยู่ในราชโองการเดียวกันกับฮูหยินคนก่อน ฟางเจิ้งสิงเดาแล้วเดาอีก ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าฮ่องเต้นั้นทรงหมายความว่าอย่างไร!
ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้ทรงรับปากเป็นอย่างไรดีแล้วรึ?
ว่าจะให้ตำแหน่งกับหวงหรูซื่อ?
ความจริง ฮ่องเต้ก็ทรงรับปากแล้ว ทั้งยังออกพระราชโองการแล้ว แต่ว่า…
สรุปแล้วเรื่องในวันนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฟางเจิ้งสิงยืนอยู่นอกประตูห้องหอ คิดแล้วคิดอีก เดาแล้วเดาอีก แต่เดาอย่างไรก็เดาไม่ออก ๆ ว่าเรื่องในวันนี้ฮ่องเต้ทรงหมายความว่าอย่างไร
วันนี้เป็นวันสำคัญ ต้องเอาใจภรรยาคนใหม่ให้ดี วันนี้เป็นวันแต่งงานจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ได้เข้าห้องหอ
“หรูซื่อข้าผิดเอง แต่เจ้าวางใจเถอะ สินสอดห้าสิบแปดอันนั้น พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปซื้อให้เจ้า ตามในใบรายการสินสอด ข้าจะซื้อทุกอย่างให้เจ้าเหมือนเดิม!” ฟางเจิ้งสิงพูดเกลี้ยกล่อม
แต่ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรจากคนที่อยู่ในห้องแม้แต่น้อย ไม่สนใจเขาสักนิด
ในหัวของฟางเจิ้งสิงก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ จริง ๆ แล้วเป็นฝีมือของใครกันแน่
“หรูซื่อ วันนี้เป็นวันสำคัญของเรา มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยพูดคุยกันพรุ่งนี้ได้หรือไม่ เมื่อถึงเวลาข้าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่นอน” ฟางเจิ้งสิงอ้อนวอนร้องขออยู่ที่ประตู น้ำเสียงแผ่วลง และอ่อนโยนลงเรื่อยๆ ราวกับขอร้องวิงวอน “หรูซื่อ ถือว่าสงสารข้าเถอะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา เป็นคืนเข้าหอ เจ้าจะใจดำให้ข้าอยู่ข้างนอกได้หรือ?”
ด้านในยังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ซ่งฉินที่ได้ยินเสียงของฟางเจิ้งสิงที่อยู่ด้านนอก ก็ร้อนรนใจราวกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน
นางคิดว่าคุณหนูยังโกรธนายท่านอยู่ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธเคือง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว คุณหนูก็แต่งงานแล้ว จากนี้ก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกันกับนายท่านแล้ว ในคืนแต่งงานหากเจ้าบ่าวถูกปล่อยให้อยู่ข้างนอก ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลฟางและตระกูลหวงอาจจะถูกหัวเราะเยาะอีกก็ได้
สีหน้าของหวงหรูซื่อซีดเซียว มือของนางที่วางอยู่ด้านหน้ากำแน่น
จากนั้นใบหน้าของนางก็ซีดลงทันที จู่ ๆ ก็เอือมมือไปจับมือของซ่งฉิน ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “ซ่งฉิน เจ้าคิดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ไหม”
ซ่งฉิผงะ เห็นหวงหรูซื่อกังวลใจเช่นนี้ นางจึงเข้าใจแล้วว่า เดิมทีนั้นหรูซื่อไม่ได้โกรธ แต่แค่กังวลใจ
นางจึงรีบปลอบใจหวงหรูซื่อว่า “คุณหนูท่านวางใจเถอะ ข้ามีหมอตำแยที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง หมอตำแยคนนั้นบอกว่าให้ใช้กระเพาะปลาบรรจุเลือดไก่ในคืนวันแต่งงาน ก็จะเหมือนกับเลือดบริสุทธ์!”
หลังจากที่หวงหรูซื่อได้ฟังคำพูดของซ่งฉิน อารมณ์ที่ตึงเครียดดูเหมือนจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจใช่ไหม?”
“แน่นอนเจ้าค่ะ! หมอตำแยบอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเคยใช้วิธีนี้ในคืนวันแต่งงาน เจ้าบ่าวไม่สงสัยเลยสักนิด!”
หวงหรูซื่อจึงพยักหน้า ราวกับเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ “งั้นเจ้าก็ให้เขาเข้ามาเถอะ!”
ซ่งฉินได้ยินหวงหรูซื่อผ่อนปรนในที่สุด จึงรีบตอบรับ และวิ่งออกไปเพื่อเปิดประตู
“ท่านเขย เข้ามาเถอะเจ้าค่ะ!” ซ่งฉินหันไปทางฟางเจิ้งสิง และพูดด้วยความเคารพ
ฟางเจิ้งสิงรีบก้าวเข้าไปในห้อง จึงเห็นหวงหรูซื่อที่สวมชุดแต่งงานสีแดงนั่งอยู่บนผ้าปูเตียงสีแดงงดงามหยาดเยิ้มราวกับดอกโบตั๋นกำลังเบ่งบาน
ใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากแดงก่ำ คิ้วเรียวบาง สันจมูกตรง ความงามอันน่าทึ้งนั้น หลูเหวินซินไม่สามารถเทียบได้แม้แต่น้อย แต่หลิวเหนี่ยนโหรวงดงาม แต่ทว่าขาดความใจกว้างภูมิฐานและความสง่าอย่างผู้ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี
แค่อี๋เหนียง แค่วัตถุที่อยู่บนเตียง ไม่ใช่คนที่จะมาดูแลบ้าน แล้วจะต้องการความสง่างามมีความรู้ไปเพื่ออะไร
ฟางเจิ้งสิงรีบเดินไปที่ด้านหน้าของหวงหรูซื่อ มองไปที่หวงหรูซื่อด้วยความโลภ พร้อมพูดด้วยความเสน่หาว่า “ฮูหยิน เจ้า…เจ้าช่างงามจริง ๆ!”
ซ่งฉินปิดปากและยิ้ม และรีบถอยไปด้านนอกอย่างรู้ความ
ฟางเจิ้งสิงนั่งลงข้าง ๆ หวงหรูซื่อด้วยความเสน่หา ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้สายตายังไม่ละไปแม้แต่น้อย มองด้วยความหลงใหล จากนั้นใช้สองแขนโอบกอดสาวงามที่อยู่ตรงหน้า ขยับเข้าไปใกล้ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของหวงหรูซื่อ
กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นของความเป็นชายลอยมาแตะจมูก หวงหรูซื่อขมวดคิ้ว รู้สึกพะอืดพะอมภายใน พลางเบือนหน้าหนีอย่างไม่ตั้งใจ
………………..