ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1785 บ้านกู้
บทที่ 1785 บ้านกู้
ครอบครัวกู้ฉวนลู่ทั้งสี่คนจ้องมองฐานะอันสูงส่งอยู่หน้าประตูสีแดงที่กำลังถูกปิดลงอย่างช้า ๆ
กู้เสี่ยวหวานที่สวมด้วยชุดฮั่นฝู ท้ายที่สุดก็ค่อย ๆ เลือนหายไปแล้ว
แต่ประตูสีแดงนั้นหรูหราสูงส่งเหมือนมีกำแพงที่กั้นอยู่ระหว่างผู้หญิงข้างในที่โชคดีและคนสามัญชนที่อยู่ข้างนอก
กู้ซินเถาใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห และบ่นพึมพำเงียบ ๆ “กู้เสี่ยวหวานเจ้าอย่านึกว่าตนเองเป็นอันผิงจวิ้นจู่ฐานะสูงส่ง เจ้าล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน เช่นนั้นก็รอความตายซะ”
กู้จือเหวินที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ซินเถาก็มองด้วยความสงสัย อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นสีหน้ากู้ซินเถามีรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความไม่ชัดเจน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ นางไม่ให้พวกเราอยู่ พวกเราก็ไปกันเถอะ”
“ไป? ตอนนี้พวกเราจะไปไหนได้ เงินของข้าก็ใช้หมดแล้ว ตอนนี้พวกเรายังไปที่ไหนได้อีก” กู้ฉวนลู่พูดด้วยความโกรธ
เมื่อกี้เขาเห็นสภาพที่หรูหราในสวนชิงผ่านประตูใหญ่ เขาไม่เคยเห็นบ้านที่หรูหราโอ่อ่าเช่นนี้มาก่อน การเข้าพักอยู่ยิ่งอย่าพูดเลย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านวางใจ ต้องมีที่ที่ให้พวกเราอยู่แน่นอน และยังต้องดีกว่าสถานที่ผุพังแห่งนี้” กู้ซินเถาจ้องไปยังสถานที่ที่ดูน่าเกรงขามอย่างอิจฉา ในใจเต็มไปด้วยความริษยาและความแค้น
กู้เสี่ยวหวาน เจ้าด้อยกว่าข้าตั้งแต่เด็กแล้ว อย่านึกว่าเจ้ามาอยู่เมืองหลวงแล้วกลายเป็นคนรวยเหมือนทุกคนในเมืองหลวง อย่าลืมว่าเจ้าเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านตั้งแต่เด็ก
ตำแหน่งจวิ้นจู่นี้มีเพียงข้าที่สามารถเป็นได้
เกรงว่าสวนชิงของเจ้าแห่งนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นานแล้ว
ในใจกู้ซินเถาเต็มไปด้วยความฝัน เฝ้าคอยว่าวันใดที่บ้านหลังงามแห่งนี้จะกลายเป็นของนาง
วันใดที่อยู่เหนือกว่ากู้เสี่ยวหวาน นางจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายให้จมดินอย่างโหดเหี้ยม ไม่ให้นางพลิกผันกลับมาได้อีกตลอดไป
คำพูดที่มุงมั่นของกู้ซินเถาทำให้กู้ฉวนลู่กับกู้จือเหวินสงสัยเล็กน้อย กำลังอยากจะถาม แต่ได้ยินซุนซื่อหัวเราะและพูดขึ้น “พวกเราไปกันเถอะ พวกเราฟังคำกู้ซินเถา”
“เกิดเรื่องอะไรกันแน่” กู้ฉวนลู่ถาม
จากนั้นก็เห็นซุนซื่อไปกระซิบที่ข้างหูกู้ฉวนลู่ “ซินเถาพบผู้สูงศักดิ์แล้ว”
ซุนซื่อยื่นนิ้วชี้ออกมาส่งสัญญาณให้เขาเงียบท่าทางลึกลับเช่นนั้น แม้แต่กู้จือเหวินที่อยู่ข้าง ๆ ก็สงสัยมาก รีบดึงมือกู้ซินเถาไว้และเอ่ยถาม “ซินเถา เจ้าพบผู้สูงศักดิ์?”
กู้ซินเถาไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เดิมทีคิดว่าจะอยู่ที่นี่ได้และได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานบ้าง คิดไม่ถึงว่าหลังจากอยู่มานานขนาดนี้ นางก็เป็นเหมือนเหล็ก ที่จะเข้าก็เข้าไม่ได้ ทำให้นางส่งข่าวออกไปข้างนอกลำบาก
ไม่ได้รับข่าวคราวแล้วจะอยู่สวนชิงอีกทำไม ไม่เป็นไร ในที่สุดก็มีข้ออ้างออกจากสวนชิงแล้ว
ในใจกู้ซินเถามีความสุขมาก
กู้ฉวนลู่มองกู้ซินเถากับซุนซื่อที่คลี่ยิ้มลึกลับในใจเขานั้นร้อนเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “พวกเจ้ามีใครบอกข้าได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ซินเถาเจ้ารู้จักผู้สูงศักดิ์งั้นหรือ”
ในที่สุดเมื่อรถม้าหยุดลง กู้ซินเถาก็กระโดดลงจากรถม้าก่อนคนแรก ตามด้วยซุนซื่อ กู้ฉวนลู่ และกู้จือเหวินที่โดดลงมาเป็นคนสุดท้าย
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นบ้านหลังใหญ่ที่มีลานกว้างอยู่ด้านหน้า ทั้งสองคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“นี่…”
บ้านกู้?
หรือว่านี่คือบ้านของพวกเขา
“ซินเถา นี่…ตกลงเกิดเรื่องอะไรกันแน่” กู้ฉวนลู่ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตาเพราะกลัวว่าหลังจากะพริบตาแล้วทั้งหมดตรงหน้านี้จะหายไป เขามองป้ายที่ประตูส่วนบนตลอด เกรงว่าตัวเองจะเข้าใจผิดและมีความสุขโดยเปล่าประโยชน์
กู้ซินเถาชี้ไปที่ป้ายคำที่ติดอยู่ที่ประตูและพูดอย่างภาคภูมิใจ “ท่านพ่อ ท่านรู้จักสองคำนี้หรือไม่”
“พ่อต้องรู้จักแน่นอน” ปากของกู้ฉวนลู่สั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น “บ้านกู้ บ้านกู้…เหตุใดถึงเป็นแซ่เดียวกับพวกเรา เจ้าบอกว่าเจ้าพบผู้สูงศักดิ์ หรือว่าพวกเรามีญาติอยู่ที่นี่หรือไม่”
กู้ฉวนลู่ไม่อยากจะเชื่อ จึงได้แต่ถามเช่นนี้
กู้จือเหวินก็ถาม “ใช่ ซินเถา เจ้ากับท่านแม่พบญาติหรือ”
กู้ซินเถายิ้มและถาม “นอกจากอาเขยที่หายตัวไปกับท่านอาสี่ที่ติดตามกู้เสี่ยวหวานมาตลอด พวกเรายังมีญาติในเมืองหลวงอีกหรือไม่”
กู้ฉวนลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหัว “ไม่มี”
เขามองดูป้ายที่แขวนอยู่ด้วยสายตายากจะคาดเดายิ่งมองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมากเท่านั้น
“ใช่ พวกเราไม่มีญาติอยู่เมืองหลวง” กู้ซินเถาพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ซินเถา เจ้าหมายความว่า บ้านหลังนี้เป็นของพวกเรา? บ้านกู้ พวกเราแซ่กู้ไม่ใช่หรือ” กู้จือเหวินระงับอารมณ์ไม่ได้จึงถามอย่างตื่นเต้น
กู้ฉวนลู่ได้ยินเช่นนี้ก็หูตั้งอย่างเฉียบพลัน รอฟังคำตอบจากกู้ซินเถา
“แน่นอน จากนี้ไปบ้านกู้หลังนี้ก็คือบ้านของพวกเรา และพวกเราก็เป็นคนในเมืองหลวงแล้ว” กู้ซินเถาพูดด้วยความดีใจ
หลังจากนั้นก็หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าและเปิดประตู ประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถูกเปิดออกเสียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด
ลานบ้านที่กว้างขวางมีต้นไม้แต่ละต้นเติบโตมาอย่างดี กระเบื้องแต่ละแผ่นยิ่งงดงามและหรูหรามาก
กู้ฉวนลู่ยืนอยู่กลางลานบ้าน มองทุกอย่างในลานบ้านด้วยสายตาตกตะลึง และในใจเขายังคงเต็มไปด้วยความตกใจ
เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงได้วันเดียวก็กลายเป็นคนเมืองหลวงแล้ว?
บ้านที่กว้างขวางและหรูหราเช่นนี้ ตอนพวกเขาอยู่ที่เมืองรุ่ยเสียนก็ไม่เคยได้อยู่บ้านที่ดีเช่นนี้มาก่อน
เมื่อซุนซื่อเห็นกู้ฉวนลู่ยืนอยู่กลางลานบ้านด้วยสีหน้าที่สับสนและตื่นเต้น จึงรีบไปดึงเขามา “สามีเจ้าตกตะลึงอะไร เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาตั้งหลายวัน รีบเข้าไปในบ้านเถอะ”
เดิมทีนึกว่าต้องเสียเวลาหลายวันกว่าจะได้บ้านหลังนั้นของกู้เสี่ยวหวานมา ไหนเลยจะรู้ว่าแค่วันแรกเขาก็มีบ้านแล้ว อีกทั้งยังเป็นบ้านหลังใหญ่อีก
“แน่นอนสิ เจ้าไม่ได้ดูหรือ แม้แต่กุญแจซินเถาก็ยังมี” ซุนซื่อพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าลองดูป้ายอีกครั้ง ถึงแม้ข้าไม่รู้ตัวหนังสือ แต่ว่ากู้ของพวกเรา ข้าก็ยังพอรู้จักอยู่”
ซุนซื่อตื่นเต้นไม่หยุดรีบดึงกู้ฉวนลู่เข้าไปในบ้านของพวกเขา
ภายในบ้านสะอาดมากไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหลังจากกู้ฉวนลู่เข้าไปในบ้านและเห็นการตกแต่งภายในก็ยิ่งตกใจ
โต๊ะม้านั่งไม้สีแดงถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย ผ้าม่านผืนใหญ่ที่หนาและหรูหรา ของเก่าโบราณที่หายากและล้ำค่าถูกวางอยู่บนชั้นวางของโบราณ ยิ่งเห็นชัดว่าล้ำค่าและหรูหรามาก
กู้ฉวนลู่จ้องมองด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าที่ซุนซื่อนำของมาจัดวางบนชั้นวางโบราณและตู้เสื้อผ้าอย่างชำนาญ กู้ฉวนลู่ยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
“ซีเอ๋อร์ นี่เกิดเรื่องอะไรกันแน่ พวกเจ้า…พวกเจ้าพบบ้านหลังนี้ในเมืองหลวงได้อย่างไร” กู้ฉวนลู่จ้องซุนซื่ออย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ทำไมล่ะ สามี เจ้ายังไม่เชื่อหรือ” ซุนซื่อเห็นกู้ฉวนลู่ไม่ยอมเชื่อเรื่องเหล่านี้ จึงหัวเราะและถามขึ้น
กู้ฉวนลู่รีบนั่งลงและส่ายหัวราวกับเป็นของกลองป๋องแป๋ง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ
กู้ฉวนลู่ทั้งดีใจและหวาดกลัว แต่มันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซุนซื่อแตะปลายจมูกกู้ฉวนลู่อย่างใกล้ชิดและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหวังมาตลอดไม่ใช่หรือว่าพวกเราจะเป็นคนในเมืองหลวง ตอนนี้ก็มีบ้านแล้ว เจ้ายังไม่อยากเชื่ออีกหรือ”
“ข้ากลัวว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความฝันหลังตื่นจากนั้นฝันทุกอย่างก็จะหายไปแล้ว” กู้ฉวนลู่พูดอย่างโลภในขณะที่จับผ้านวมที่ทำมาจากผ้าไหมและผ้าแพรต่วน
ซุนซื่อหัวเราะ “สามี เจ้าวางใจ ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของพวกเราจริง ๆ” กรรมสิทธิ์บ้านและโฉนดที่ดินก็อยู่ที่ซินเถา
“กรรมสิทธิ์บ้านและโฉนดที่ดินอยู่ที่ซินเถา” กู้ฉวนลู่ขมวดคิ้วและถามขึ้น “เมื่อครู่ตอนอยู่บนรถม้าที่เจ้าพูดว่าซินเถารู้จักผู้สูงศักดิ์ ผู้นั้นคือใครกัน หรือว่าเขาถูกใจซินเถาของเรา? ”
“ไม่ใช่ นางเป็นผู้หญิง”
“ผู้หญิง? ” กู้ฉวนลู่ไม่เชื่อ “เป็นผู้หญิงแล้วเหตุใดจึงเอาบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ให้ซินเถา”
“สำหรับนางแล้วมันเป็นเหมือนฝนที่ตกปรอย ๆ เท่านั้น” ซุนซื่อพูดอย่างไม่สนใจ
หากพูดตามความจริง ครั้งแรกที่นางเห็นบ้านหลังนี้ นางก็ตกใจมากเหมือนกัน กลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน
“ฝนปรอย ๆ? พวกเจ้าพบผู้สูงศักดิ์ผู้ใดกันแน่” เมื่อกู้ฉวนลู่ได้ยินว่าผู้สูงศักดิ์ที่ร่ำรวย
ในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความปรารถนา
“หมิงตูจวิ้นจู่ ลูกภรรยาเอกของหมิงอ๋องที่เป็นเสด็จอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน สายเลือดบริสุทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นในเมืองหลวง เป็นหมิงตูจวิ้นจู่จริง ๆ” สีหน้าซุนซื่อภาคภูมิใจมาก
“เจ้าพูดอะไร หมิงตูจวิ้นจู่?” กู้ฉวนลู่ได้ยินความสัมพันธ์เช่นนี้ก็บีบมือซุนซื่อ ตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดตัวลอย
………………..