ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1793 พี่สาวน้องชายคลาดกัน
บทที่ 1793 พี่สาวน้องชายคลาดกัน
เดิมทีกู้ฟางสีอยากจะถามให้คลายสงสัย แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของกู้เสี่ยวหวาน จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป
“เรื่องนี้ข้าไม่อาจไม่ดูแลแทนเจ้าได้ เจ้าไปเถอะ ที่นี่ยังมีข้าและเสี่ยวอี้อยู่” กู้ฟางสี่รู้ว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานที่นางไม่อาจถามได้ ดังนั้นนางจึงได้แต่ภาวนาให้การเดินทางนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย อาโม่ยังนำรถม้าหน้าตาธรรมดาสีเขียวและม้าสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่สี่ตัวมา
หลังจากที่เข้าไปในรถม้าแล้วก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
รถม้าดูภายนอกเล็ก แต่พื้นที่ภายในกลับไม่ได้เล็กเลย
เตียงในรถม้าคันนี้นุ่มนิ่มไม่ต่างจากรถม้าคันเก่า มีโต๊ะเล็กสำหรับวางชา และมีหมอนวางอยู่ด้านข้าง เบาะนั่งภายในนั้นนุ่มกว่ารถม้าคันเดิมที่นั่งเป็นประจำราวกับได้รับการปูถึงสองชั้น นอกจากนี้พื้นที่ยังกว้างขวางจนสามารถนอนเรียงกันได้ถึงสามคน
หลังจากเข้ามาในรถม้าเรียบร้อยแล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ให้ข้าไปด้วยเถอะ!”
โค่วตันยืนอยู่นอกรถม้าพร้อมกับสัมภาระขนาดเล็กตะโกนบอกกู้เสี่ยวหวาน ทันใดนั้นก็ได้ยินกู้ฟางสี่พูดว่า “เราอยู่ที่บ้านไม่เป็นไร แต่เจ้าออกไปไกลพาคนไปด้วยอีกจะดีกว่า! ที่นี่ยังมีโค่วไห่อยู่!”
กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ “ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกล กู้ฟางสี่รู้สึกเพียงว่าหัวใจของนางเต้นระรัวขึ้น นางมองไปที่ด้านหลังของรถม้าที่จากไปอย่างเศร้าใจ
ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการถามว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังไปหาใคร แต่ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่พูดนางก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถถามออกไปได้ ตอนนี้นางเป็นจวิ้นจู่แล้วจึงมีบางสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถรู้ได้ ได้แต่หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะปลอดภัยและราบรื่น
กู้เสี่ยวอี้สังเกตเห็นความโศกเศร้าของท่านอา จึงจับแขนของนางและพูดปลอบโยน “ท่านอาไม่ต้องกังวล ข้างกายท่านพี่มีคนเคียงมากมาย นางแค่ไปหาใครสักคนเท่านั้น ไม่ต้องกังวล!”
“แต่ทำไมรีบร้อนขนาดนี้…!” กู้ฟางสี่ถอนหายใจ “นี่ยังไม่ได้ผ่านพ้นปีใหม่เลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงต้องไปด้วย!”
“ท่านอา เสี่ยวอี้…”
ทันใดนั้นเสียงที่ตื่นเต้นดังมาจากด้านหลัง เมื่อกู้ฟางสี่และกู้เสี่ยวอี้ได้ยินเสียงนี้ก็หันกลับไปอย่างตื่นเต้น และเห็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงยืนอยู่ ใบหน้านั้นประดับด้วยรอยยิ้ม เป็นเวลาครึ่งปีที่ไม่ได้เจอกันและกู้หนิงอันได้เติบโตขึ้นแล้ว
“ท่านพี่…”
“หนิงอัน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!”
“ท่านอา ท่านพี่อยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงมายืนอยู่ที่ประตูล่ะ” กู้หนิงอันถาม
“ท่านพี่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง!” กู้เสี่ยวอี้แสร้งพูดอย่างผ่อนคลายมาก แต่ความจริงแล้วเศร้าใจยิ่งนัก
นอกจากไปหาคนแล้วก็ยังต้องไปหาท่านพี่หนิงผิงด้วย ท่านพี่หนิงผิงบาดเจ็บสาหัส แต่ท่านพี่ไม่ยอมให้บอกใคร นางจึงได้แต่แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรและไม่พูดอะไร เพราะหากถ้าพูดออกไปอาจทำให้ท่านอาเสียใจได้
“ออกไปหรือ?” เมื่อกู้หนิงอันได้ยินสิ่งนี้อารมณ์ที่ตื่นเต้นของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ตอนผ่านเข้าไปในประตูเมืองรอบด้านเต็มไปด้วยรถม้ามากมาย รถม้าหยุดที่ประตูเมืองราวกับว่ากำลังรอคนอื่นอยู่ จากนั้นมีชายวัยกลางคนสองคนขี่ม้าตัวสูงและพุ่งตรงออกไปนอกเมือง
รถม้าที่กำลังรออยู่ก็สะบัดแส้และจากไป
ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและหายลับไปจากสายตา
เมื่อคิดว่าอาจมีท่านพี่นั่งอยู่ในรถม้าคันนั้น กู้หนิงอันก็เสียใจมาก ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้เขาควรจะขึ้นไปถาม!
“ท่านพี่หนิงอัน อย่าเศร้าไป ท่านพี่จะกลับมาเร็ว ๆ นี้!” กู้เสี่ยวอี้ระงับความรู้สึกไม่สบายใจ ฝืนรอยยิ้มและพูดว่า “อากาศข้างนอกเย็น เข้าไปข้างในกันเถอะ!”
นางปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความสุภาพและเต็มไปด้วยมารยาท
เมื่อคิดว่าไม่ได้ยินข่าวจากกู้หนิงผิงเป็นเวลานาน กู้หนิงอันก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“ท่านอา ในช่วงนี้หนิงผิงส่งข่าวอะไรกลับมาหรือไม่?” กู้หนิงอันถาม
“ไม่เลย… เด็กคนนั้นไม่ได้เขียนจดหมายมาเป็นเวลานานแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม!” กู้ฟางสี่ถอนหายใจ และเมื่อถึงจุดนี้กู้เสี่ยวอี้ก็ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ
“นานแล้ว?” กู้หนิงอันขมวดคิ้ว
“นานอะไรกันท่านอา!” กู้เสี่ยวอี้ยิ้ม “แค่สามเดือนไม่ใช่หรือ? กว่าจะไปมาต้องใช้เวลามากกว่าสองเดือน บางทีคนส่งสารอาจล่าช้าระหว่างทาง!”
แม้ว่ากู้หนิงอันจะกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่กู้ฟางสี่ก็ได้เตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้ที่ลานสำหรับเขาแล้ว ทุกอย่างล้วนใหม่เอี่ยมและมีคนทำความสะอาดทุกวัน ข้างในถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ที่นอนปูด้วยผ้านวมหนา
หน้าต่างด้านนอกติดด้วยกระดาษที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ในปีนี้ และหน้าต่างก็สะอาดสะอ้าน บนชั้นวางของมีของตกแต่งโบราณวางไว้อย่างเรียบง่าย โต๊ะหวงฮวาหลีขนาดใหญ่ซึ่งวางสมบัติทั้งสี่ของการศึกษาไว้อย่างเรียบร้อยและด้านหลังโต๊ะมีชั้นวางหนังสือที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของผนัง
“นี่คือห้องที่พี่สาวเจ้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ นางบอกว่าเจ้าชอบอ่านหนังสือ แต่ภายในร้านไม่มีชั้นวางแบบนี้ พี่ของเจ้าจึงวาดภาพชั้นวางหนังสือแบบนี้ด้วยตัวเองและขอให้ร้านทำให้ และโต๊ะตัวนี้ ดูสิ มีโต๊ะเล็ก ๆ อยู่ทางขวามือ พี่สาวเจ้าบอกว่าจะสะดวกที่จะวางของ” เมื่อกู้ฟางสี่เห็นท่าทางดีใจของกู้หนิงอัน จึงแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพี่เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ข้าหรือ?” กู้หนิงอันถามอย่างตื่นเต้นพลางแตะหนังสือบนชั้นหนังสือ
“ใช่แล้ว ท่านพี่ของเจ้าทำเองทั้งหมด!” กู้ฟางสี่ถอนหายใจ “เจ้าและหนิงผิงเปรียบดังชีวิตของนาง! นางจำความชอบของพวกเจ้าได้ขึ้นใจ นางรู้ว่าเจ้าชอบอาหารรสเผ็ดจึงขอให้ข้าตากพริก ตากเนื้อ และปลาไว้ อย่างไรก็ตามพี่ของเจ้าเตรียมอาหารโปรดของเจ้าไว้มากมาย แม้จะถึงปีหน้าก็กินไม่หมด
เมื่อเห็นฉากในห้องอันโอ่อ่านี้ กู้หนิงอันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวัยเด็กของตน ตอนนั้นก็เป็นฤดูหนาวเช่นกัน ในช่วงปีใหม่ครอบครัวของเรายากจน ท่านพี่ทำอาหารที่อร่อยที่สุดให้พวกเขากิน และแต่งตัวให้พวกเขาด้วยเสื้อผ้าที่ดีที่สุด
ตั้งแต่ฤดูหนาวนั้นครอบครัวกู้ของพวกเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ท่านพี่ทุ่มเทเพื่อครอบครัวด้วยมือของนาง และมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ! ดีเสียจนเขาไม่อยากตื่น หลายครั้งเขาคิดว่านี่เป็นเพียงความฝัน ถ้าไม่มีผ้านวมนุ่ม ๆ ที่โอบรอบร่างกายตนเองไว้ เขาคงคิดผิดไปว่าตนยังคงนอนหลับอยู่ในบ้านเก่าโทรม ๆ หลังนั้น
“ท่านอา ข้าคิดถึงวันเวลาที่อยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี แม้ว่าตอนนั้นข้าจะยากจน แต่ท่านพี่ หนิงผิงและเสี่ยวอี้ เราก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แม้ว่าเราจะยากจนแต่เราก็มีความสุข!” แม้ว่ากู้หนิงอันโตเป็นหนุ่มแล้ว หากแต่หัวใจของเขายังเป็นเด็ก
ราวกับเด็กที่ห่างผู้ใหญ่ไปนานก็จะคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่
ในใจของเขา กู้เสี่ยวหวานเปรียบเหมือนมารดาของพวกเขา เด็ก ๆ ย่อมรู้สึกหดหู่โดยธรรมชาติเมื่อไม่เห็นท่านแม่ของเขา
“เมื่อเสี่ยวหวานและหนิงผิงกลับมา เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง” กู้ฟางสี่รู้ความคิดของกู้หนิงอันจึงดึงเขาเข้ามากอดและปลอบโยน
ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ครอบครัวของคนอื่นกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่พวกเขาคนหนึ่งมา อีกคนจากไป คลาดกันไปคลาดกันมา ครอบครัวพวกเขามีสี่คนแต่ตอนนี้ขาดไปสองคน เมื่อไหร่จะได้กลับมารวมตัวกันสักที!
“ท่านพี่ ท่านอา วันนี้ยังเป็นวันขึ้นปีใหม่ อย่างเพิ่งพูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเลย” แม้ว่ากู้เสี่ยวอี้จะรู้สึกขมขื่นในใจ แต่นางก็ปลอบโยนทั้งสองคน “ท่านพี่ กลับมาคราวนี้มีข่าวอะไรมาบ้างไหม? พี่สะใภ้หลิงหลิงคลอดลูกแล้วหรือยัง?”
พี่สะใภ้หลิงหลิง ฟ่านหลิงภรรยาของฉือโถว ก่อนหน้านี้พวกนางได้รับจดหมายจากกู้หนิงอันแจ้งว่าฟ่านหลิงกำลังตั้งครรภ์ และตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง!
กู้หนิงอันลูบหน้าอย่างระมัดระวังและพูดว่า “คลอดแล้ว คลอดลูกสาว แต่ท่านป้าจางมีความสุขมากนางบอกว่านางไม่มีลูกสาว แต่ตอนนี้มีหลานสาว ถือได้ว่าเป็นการบรรลุผลสำเร็จ! และยังมี…”
“มีอะไร?” เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินว่าเป็นลูกสาว นางก็หัวเราะ “ลูกสาวก็ดี ดูเสี่ยวหวานและเสี่ยวอี้ในครอบครัวของข้า พวกนางดีที่สุด!”
“ท่านอา ท่านป้าก็พูดเหมือนกันกับท่าน!” กู้หนิงอันไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนที่ไม่พบกันมานาน สิ่งที่พวกนางพูดจะเหมือนกันทุกประการ “ท่านป้าบอกว่าทั้งท่านพี่และน้องสาวดีที่สุด และหลานสาวของนางก็ต้องเรียนจากท่านพี่และเสี่ยวอี้ นางต้องกลายเป็นหญิงสาวที่เหมือนกันท่านพี่และเสี่ยวอี้แน่นอน”
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานกลายเป็นตำนานของหมู่บ้านอู๋ซี เมืองหลิวเจีย และเมืองรุ่ยเสียน
ข่าวที่ว่ากู้เสี่ยวหวานได้รับการแต่งตั้งเป็นอันผิงจวิ้นจู่ได้ถูกประกาศทั่วอาณาจักร ทุกคนในต้าชิงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ว่ามันจะใช้เวลานานในการเผยแพร่ข่าว แต่มันก็เป็นข่าวดังทันทีที่แพร่กระจายออกไป
ในบรรดาสามจวิ้นจู่แห่งต้าชิง หนึ่งในนั้นมาจากหมู่บ้านของพวกเขา นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง! แม้ว่ากู้หนิงอันจะเรียนอยู่ที่เมืองรุ่ยเสียน แต่เมื่อทุกคนพบเขาก็จะมีท่าทางเคารพนอบน้อม